ASTV ผู้จัดการรายวัน-รัฐบาลไทยเซ็ง! ทำคุณบูชาโทษ หลังมีโรฮีนจาให้ข่าวที่อินโดฯ ถูกทหารไทยยิงขับไล่ "สรรเสริญ"แจงถ้าตั้งใจขับไล่ คงไม่จำเป็นต้องให้ข้าวให้น้ำก่อน "บิ๊กตู่"ย้ำอีกรอบ ไม่ตั้งศูนย์อพยพ มีแค่ศูนย์คุมตัวรอดำเนินคดีหลบหนีเข้าเมือง คนไทยเบาใจได้ ตำรวจเผยเครือข่าย "โกโต้ง" ถูกจับ-มอบตัวอีก 10 ราย สรุปรวบตัวได้แล้ว 44 จาก 77 คนที่ออกหมายจับ ด้านรอง ผอ.กอ.รมน. รับคำสั่งนายกฯ ลงพื้นที่จ.สตูล ติดตามการแก้ปัญหาค้ามนุษย์
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีปรากฎคำให้สัมภาษณ์ของชาวโรฮีนจารายหนึ่งระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารไทยใช้อาวุธปืนไล่ยิง เพื่อผลักดันให้ชาวโรฮีนจาออกนอกน่านน้ำไทยว่า รัฐบาลไทยมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนที่จะไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบใด ยึดหลักการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม รวมทั้งได้มีการตรวจสอบกับทหารทุกนายที่ปฏิบัติการช่วยเหลือในวันดังกล่าว ต่างก็ยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธปืนข่มขู่ตามคำกล่าวอ้าง เพราะข้อเท็จจริง คือ เมื่อตรวจสอบพบเรือของผู้ลักลอบ ได้มีการสอบถามพูดคุย พบว่าทั้งหมดต้องการเดินทางต่อ ไม่ประสงค์จะขึ้นฝั่งไทย โดยร้องขออาหาร น้ำดื่ม และความช่วยเหลือซ่อมเรือที่ขัดข้องเท่านั้น
“รัฐบาลและกองทัพเรือขอปฏิเสธข่าวที่ไร้มูลความจริงนี้โดยสิ้นเชิง ข้อเท็จจริง คือ นอกจากทหารเรือไทยจะให้อาหารและน้ำดื่มตามหลักมนุษยธรรมแล้ว ยังช่วยซ่อมเครื่องยนต์เรือที่ชำรุดให้ตามที่ร้องขอ ซึ่งต้องดำเนินการถึงตี 3 กว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจในวันนั้น” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
พล.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า หากทหารไทยคิดจะใช้กำลังข่มขู่ขับไล่ ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องไปไปให้การช่วยเหลือจนค่อนคืน และในวันนั้นก็มีสื่อมวลชนเป็นพยาน มีการบันทึกภาพเหตุการณ์การช่วยเหลือด้วยความตั้งใจของทหารเรือไทย รัฐบาลไทยรู้สึกเจ็บปวดกับคำกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยและทำให้ทหารเรือไทยซึ่งทุ่มเท ตั้งใจทำงานทั้งเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และเพื่อปกป้องอธิปไตยทางทะเลของชาติรู้สึกเสียใจไม่น้อย
** ทร.ยันไม่มีการทำร้ายหรือข่มขู่
พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดกันมากกว่า ซึ่งเรือของชาวโรฮีนจาที่เข้ามาในประเทศเกิดจากแบตเตอรี่หมด และทางทัพภาคเรือที่ 3 ก็ได้เข้าให้ความช่วยเหลือจนเรือลำดังกล่าวสามารถเดินทางต่อไปได้ หลังจากนั้นเรือลำดังกล่าวก็กลับเข้ามาใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าน้ำทะเลเข้าไปในระบบน้ำมัน ทำให้เครื่องยนต์เกิดปัญหา โดยเราเข้าไปซ่อมแซมจนสามารถเดินทางต่อไปได้ และยังช่วยเหลือในเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรคด้วย ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กองทัพเรือไม่เคยผลักดันอะไรเลย หากพูดกันในลักษณะนี้จะทำให้เกิดความเสียหายได้
"ข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ แล้วเราจะไปซ้อมหรือไล่ยิงชาวโรฮีนจากลุ่มนี้ทำไม ผมไม่อยากให้ไปฟังเลย เพราะไม่มีน้ำหนักอะไร พูดไปเรื่อย เราจะต้องเข้าใจ และนึกภาพให้ออกว่า ถ้าจะยิงชาวโรฮีนจาแล้ว ทำไมเราจะต้องช่วยเหลือ ทั้งซ่อมเรือ ให้อาหาร และยา ซึ่งเราได้ช่วยทุกอย่าง” พล.ร.อ.ไกรสรกล่าว
** “บิ๊กตู่” ย้ำไม่สร้างศูนย์อพยพ
ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 ต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถึงการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และผู้อพยพชาวโรฮีนจาว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการสร้างศูนย์อพยพพักพิง จะมีเพียงศูนย์ควบคุมของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้น ประชาชนคนไทยอย่าเป็นห่วงในเรื่องนี้ ขอยืนยันว่าทุกอย่างจะทำเพื่อคนไทยให้ได้ประโยชน์ที่สุด แต่ขณะเดียวกันเราต้องทำตามหลักมนุษยธรรม วันนี้ ประเทศในอาเซียนจะต้องไม่ทะเลาะกัน ไทยกับเมียนมาร์ต้องไม่ทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างจะไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน แต่เราต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา เราไม่ทะเลาะกับใครทั้งนั้น เพื่อนบ้าน เส้นแบ่งเขตแดนต่างๆ จะต้องเป็นแบ่งของความร่วมมือ ไม่ใช่เส้นของความขัดแย้ง
** จับแก๊งค้ามนุษย์เพิ่มอีก 9 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ซึ่งได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งหมด 77 ราย ล่าสุด พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาอีก 9 คน โดยเป็นการเข้ามอบตัว 4 คน คือ นายโปเซี๊ย อังโชติพันธุ์ หรือโปเซี่ย เครือญาตินายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง, นายสมพล อาดำ, นายสมบูรณ์ สันโด และนายสมเกียรติ แก้วประดับ
ส่วนที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้อีก 5 คนประกอบด้วย นายอับดุลลาซีด มันตะสุม, นายหมัดยุโส๊ป บิลเหล็ม, นายเจ๊ะเต๊ะ ยะฝาด, นายหมิด หมอชื่น และนายอูเซ็น ชาวบังกลาเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้งใน จ.สงขลา สตูล และระนอง โดยเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้าอีกครั้งหนึ่ง
"ภาพรวมของคดีขณะนี้มีการออกหมายจับไปแล้ว 77 หมายจับควบคุมตัวได้แล้ว 44 รายและเจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนจะมีตัวการที่ใหญ่กว่าโกโต้งอีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับผลพยาน และหลักฐานว่าจะสาวไปถึงใครบ้าง" พล.ต.ต.พุทธิชาต กล่าว
**อดีตตร.สตูลมอบตัวอีกหนึ่ง
ต่อมาผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาได้เข้ามอบตัวอีก 1 รายคือ นายวุฒิ วุฒิประดิษฐ์ อายุ 49 ปีอดีตตำรวจ จ.สตูล ซึ่งถูกระบุว่าเป็นเครือข่ายค้าเดียวกับนายปัจจุบัน โดยนายวุฒิ เป็นหัวหน้าเครือข่ายที่รับผิดชอบในพื้นที่ ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล จากเครือข่ายค้ามนุษย์ที่มีอยู่ทั้งหมด 5 กลุ่มของ จ.สตูล หลังเข้ามอบตัวเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวสอบสวนทันที และแจ้งข้อหาดำเนินคดี 3 ข้อหาทั้งค้ามนุษย์ หน่วงเหนี่ยวกักขังและเรียกค่าไถ่
พล.ต.ต.ปวิณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 หัวหน้าชุดสอบสวน กล่าวว่า ผลการสอบสวนขยายผลน่าจะมีตัวการที่ใหญ่กว่าโกโต้ง เพียงแต่ขณะนี้พยานและหลักฐานยังสาวไปไม่ถึงตัว
** กอ.รมน.ลงสตูลจี้คดีปราบค้ามนุษย์
วันเดียวกัน พล.ต.สุจินต์ เอี่ยมปี รองผู้อำนวยการกองรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.กอ.รมน.) พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.สตูล เพื่อติดตามการแก้ปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ และชาวโรฮีนจา โดยมีตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงความคืบหน้าการทำงานร่วมทุกฝ่าย โดยพล.ต.สุจินต์ได้สั่งการให้ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ในฐานะ กอ.รมน.จ.สตูล วางยุทธ์ศาสตร์ปิดเส้นทางโรฮีนจา เพราะ จ.สตูลถือว่าเป็นทางผ่านของกลุ่มโรฮีนจาด้วย
พล.ต.สุจินต์ กล่าวว่า ได้รับบัญชาจากนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจาที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งตนมีภารกิจติดตามความคืบหน้าในการปฏิบัติงานติดตามนโยบาย และการสั่งการของผู้บังคับบัญชาว่าในพื้นที่นั้นได้ปฏิบัติในทิศทางใด มีผลสัมฤทธิ์อย่างไร รวมทั้งมีปัญหาอุปสรรคใดที่ต้องสนับสนุนช่วยเหลือ โดยได้เดินหน้าปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยได้กำชับดำเนินการที่จะกวาดล้างติดตามเอาชาวโรฮีนจาออกมาจากป่า หรือในพื้นที่ใดให้พ้นมือบุคคลที่นำพาเขามากักขังเพื่อช่วยเหลือ และดำเนินการในการคัดแยก ให้ความคุ้มครองเยียวยา
สำหรับการปฏิบัติในงานน่านน้ำ เป็นภารกิจของกองทัพเรือที่มีหน้าที่โดยตรงอยู่แล้ว ที่จะสกัดกั้นห้ามไม่ให้มีการรุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำของไทย
** สั่งเช็คเรือต้องสงสัยที่ยึดได้
นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้วพบว่า เรือที่มีโลโก้ของกรมการปกครองเป็นเรือส่วนตัวของกำนัน ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล ซึ่งขณะนี้ก็ไม่เจอตัว และพบอยู่ในหมายจับคดีค้ามนุษย์ ซึ่งใช้โลโก้ปลอมมาติด ซึ่งการจับกุมตรวจยึดในครั้งนี้ ทางปกครองจังหวัดสตูล ได้ร่วมกับตำรวจ และทุกฝ่ายในการปฏิบัติงานเชิงรุกในการสกัดกั้น และทำลายเครือข่าย สำหรับยานพาหนะที่เป็นเรือที่ถูกยึดมาในครั้งนี้รวมทั้งหมดเป็น 5 ลำ โดยก่อนหน้านี้ยึดได้ 2 ลำ เป็นเรือประมงขนาดใหญ่ หงส์ทอง 2000 ที่มีความจุคนได้ถึง 300 คน มูลค่า 3.5 ล้านบาท และเรือเร็วสปีทโบต 4 เครื่องยนต์ มูลค่า 4.5 ล้านบาท จากการประเมินทรัพย์ของเจ้าท่า และขณะนี้สำนักงาน ปปง.ได้ยึดอายัดทรัพย์ภายใน 90 วัน ก่อนจะประกาศขายทอดตลาดตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีปรากฎคำให้สัมภาษณ์ของชาวโรฮีนจารายหนึ่งระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารไทยใช้อาวุธปืนไล่ยิง เพื่อผลักดันให้ชาวโรฮีนจาออกนอกน่านน้ำไทยว่า รัฐบาลไทยมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนที่จะไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบใด ยึดหลักการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม รวมทั้งได้มีการตรวจสอบกับทหารทุกนายที่ปฏิบัติการช่วยเหลือในวันดังกล่าว ต่างก็ยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธปืนข่มขู่ตามคำกล่าวอ้าง เพราะข้อเท็จจริง คือ เมื่อตรวจสอบพบเรือของผู้ลักลอบ ได้มีการสอบถามพูดคุย พบว่าทั้งหมดต้องการเดินทางต่อ ไม่ประสงค์จะขึ้นฝั่งไทย โดยร้องขออาหาร น้ำดื่ม และความช่วยเหลือซ่อมเรือที่ขัดข้องเท่านั้น
“รัฐบาลและกองทัพเรือขอปฏิเสธข่าวที่ไร้มูลความจริงนี้โดยสิ้นเชิง ข้อเท็จจริง คือ นอกจากทหารเรือไทยจะให้อาหารและน้ำดื่มตามหลักมนุษยธรรมแล้ว ยังช่วยซ่อมเครื่องยนต์เรือที่ชำรุดให้ตามที่ร้องขอ ซึ่งต้องดำเนินการถึงตี 3 กว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจในวันนั้น” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
พล.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า หากทหารไทยคิดจะใช้กำลังข่มขู่ขับไล่ ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องไปไปให้การช่วยเหลือจนค่อนคืน และในวันนั้นก็มีสื่อมวลชนเป็นพยาน มีการบันทึกภาพเหตุการณ์การช่วยเหลือด้วยความตั้งใจของทหารเรือไทย รัฐบาลไทยรู้สึกเจ็บปวดกับคำกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยและทำให้ทหารเรือไทยซึ่งทุ่มเท ตั้งใจทำงานทั้งเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และเพื่อปกป้องอธิปไตยทางทะเลของชาติรู้สึกเสียใจไม่น้อย
** ทร.ยันไม่มีการทำร้ายหรือข่มขู่
พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดกันมากกว่า ซึ่งเรือของชาวโรฮีนจาที่เข้ามาในประเทศเกิดจากแบตเตอรี่หมด และทางทัพภาคเรือที่ 3 ก็ได้เข้าให้ความช่วยเหลือจนเรือลำดังกล่าวสามารถเดินทางต่อไปได้ หลังจากนั้นเรือลำดังกล่าวก็กลับเข้ามาใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าน้ำทะเลเข้าไปในระบบน้ำมัน ทำให้เครื่องยนต์เกิดปัญหา โดยเราเข้าไปซ่อมแซมจนสามารถเดินทางต่อไปได้ และยังช่วยเหลือในเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรคด้วย ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กองทัพเรือไม่เคยผลักดันอะไรเลย หากพูดกันในลักษณะนี้จะทำให้เกิดความเสียหายได้
"ข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ แล้วเราจะไปซ้อมหรือไล่ยิงชาวโรฮีนจากลุ่มนี้ทำไม ผมไม่อยากให้ไปฟังเลย เพราะไม่มีน้ำหนักอะไร พูดไปเรื่อย เราจะต้องเข้าใจ และนึกภาพให้ออกว่า ถ้าจะยิงชาวโรฮีนจาแล้ว ทำไมเราจะต้องช่วยเหลือ ทั้งซ่อมเรือ ให้อาหาร และยา ซึ่งเราได้ช่วยทุกอย่าง” พล.ร.อ.ไกรสรกล่าว
** “บิ๊กตู่” ย้ำไม่สร้างศูนย์อพยพ
ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 ต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถึงการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และผู้อพยพชาวโรฮีนจาว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการสร้างศูนย์อพยพพักพิง จะมีเพียงศูนย์ควบคุมของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้น ประชาชนคนไทยอย่าเป็นห่วงในเรื่องนี้ ขอยืนยันว่าทุกอย่างจะทำเพื่อคนไทยให้ได้ประโยชน์ที่สุด แต่ขณะเดียวกันเราต้องทำตามหลักมนุษยธรรม วันนี้ ประเทศในอาเซียนจะต้องไม่ทะเลาะกัน ไทยกับเมียนมาร์ต้องไม่ทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างจะไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน แต่เราต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา เราไม่ทะเลาะกับใครทั้งนั้น เพื่อนบ้าน เส้นแบ่งเขตแดนต่างๆ จะต้องเป็นแบ่งของความร่วมมือ ไม่ใช่เส้นของความขัดแย้ง
** จับแก๊งค้ามนุษย์เพิ่มอีก 9 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ซึ่งได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งหมด 77 ราย ล่าสุด พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาอีก 9 คน โดยเป็นการเข้ามอบตัว 4 คน คือ นายโปเซี๊ย อังโชติพันธุ์ หรือโปเซี่ย เครือญาตินายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง, นายสมพล อาดำ, นายสมบูรณ์ สันโด และนายสมเกียรติ แก้วประดับ
ส่วนที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้อีก 5 คนประกอบด้วย นายอับดุลลาซีด มันตะสุม, นายหมัดยุโส๊ป บิลเหล็ม, นายเจ๊ะเต๊ะ ยะฝาด, นายหมิด หมอชื่น และนายอูเซ็น ชาวบังกลาเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้งใน จ.สงขลา สตูล และระนอง โดยเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้าอีกครั้งหนึ่ง
"ภาพรวมของคดีขณะนี้มีการออกหมายจับไปแล้ว 77 หมายจับควบคุมตัวได้แล้ว 44 รายและเจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนจะมีตัวการที่ใหญ่กว่าโกโต้งอีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับผลพยาน และหลักฐานว่าจะสาวไปถึงใครบ้าง" พล.ต.ต.พุทธิชาต กล่าว
**อดีตตร.สตูลมอบตัวอีกหนึ่ง
ต่อมาผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาได้เข้ามอบตัวอีก 1 รายคือ นายวุฒิ วุฒิประดิษฐ์ อายุ 49 ปีอดีตตำรวจ จ.สตูล ซึ่งถูกระบุว่าเป็นเครือข่ายค้าเดียวกับนายปัจจุบัน โดยนายวุฒิ เป็นหัวหน้าเครือข่ายที่รับผิดชอบในพื้นที่ ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล จากเครือข่ายค้ามนุษย์ที่มีอยู่ทั้งหมด 5 กลุ่มของ จ.สตูล หลังเข้ามอบตัวเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวสอบสวนทันที และแจ้งข้อหาดำเนินคดี 3 ข้อหาทั้งค้ามนุษย์ หน่วงเหนี่ยวกักขังและเรียกค่าไถ่
พล.ต.ต.ปวิณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 หัวหน้าชุดสอบสวน กล่าวว่า ผลการสอบสวนขยายผลน่าจะมีตัวการที่ใหญ่กว่าโกโต้ง เพียงแต่ขณะนี้พยานและหลักฐานยังสาวไปไม่ถึงตัว
** กอ.รมน.ลงสตูลจี้คดีปราบค้ามนุษย์
วันเดียวกัน พล.ต.สุจินต์ เอี่ยมปี รองผู้อำนวยการกองรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.กอ.รมน.) พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.สตูล เพื่อติดตามการแก้ปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ และชาวโรฮีนจา โดยมีตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงความคืบหน้าการทำงานร่วมทุกฝ่าย โดยพล.ต.สุจินต์ได้สั่งการให้ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ในฐานะ กอ.รมน.จ.สตูล วางยุทธ์ศาสตร์ปิดเส้นทางโรฮีนจา เพราะ จ.สตูลถือว่าเป็นทางผ่านของกลุ่มโรฮีนจาด้วย
พล.ต.สุจินต์ กล่าวว่า ได้รับบัญชาจากนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจาที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งตนมีภารกิจติดตามความคืบหน้าในการปฏิบัติงานติดตามนโยบาย และการสั่งการของผู้บังคับบัญชาว่าในพื้นที่นั้นได้ปฏิบัติในทิศทางใด มีผลสัมฤทธิ์อย่างไร รวมทั้งมีปัญหาอุปสรรคใดที่ต้องสนับสนุนช่วยเหลือ โดยได้เดินหน้าปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยได้กำชับดำเนินการที่จะกวาดล้างติดตามเอาชาวโรฮีนจาออกมาจากป่า หรือในพื้นที่ใดให้พ้นมือบุคคลที่นำพาเขามากักขังเพื่อช่วยเหลือ และดำเนินการในการคัดแยก ให้ความคุ้มครองเยียวยา
สำหรับการปฏิบัติในงานน่านน้ำ เป็นภารกิจของกองทัพเรือที่มีหน้าที่โดยตรงอยู่แล้ว ที่จะสกัดกั้นห้ามไม่ให้มีการรุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำของไทย
** สั่งเช็คเรือต้องสงสัยที่ยึดได้
นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้วพบว่า เรือที่มีโลโก้ของกรมการปกครองเป็นเรือส่วนตัวของกำนัน ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล ซึ่งขณะนี้ก็ไม่เจอตัว และพบอยู่ในหมายจับคดีค้ามนุษย์ ซึ่งใช้โลโก้ปลอมมาติด ซึ่งการจับกุมตรวจยึดในครั้งนี้ ทางปกครองจังหวัดสตูล ได้ร่วมกับตำรวจ และทุกฝ่ายในการปฏิบัติงานเชิงรุกในการสกัดกั้น และทำลายเครือข่าย สำหรับยานพาหนะที่เป็นเรือที่ถูกยึดมาในครั้งนี้รวมทั้งหมดเป็น 5 ลำ โดยก่อนหน้านี้ยึดได้ 2 ลำ เป็นเรือประมงขนาดใหญ่ หงส์ทอง 2000 ที่มีความจุคนได้ถึง 300 คน มูลค่า 3.5 ล้านบาท และเรือเร็วสปีทโบต 4 เครื่องยนต์ มูลค่า 4.5 ล้านบาท จากการประเมินทรัพย์ของเจ้าท่า และขณะนี้สำนักงาน ปปง.ได้ยึดอายัดทรัพย์ภายใน 90 วัน ก่อนจะประกาศขายทอดตลาดตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน
