ASTVผู้จัดการรายวัน - "ลลิลฯ" ประเมินเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ไตรมาส 3 เริ่มปรับตัวดีขึ้น อานิสงส์นโยบายภาครัฐ มาตรการผ่อนคลายการเงิน ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง หนุนส่งออกและดึงนักลงทุนต่างประเทศลงทุนในไทย คาดเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจอสังหาฯ ลั่นเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ปีนี้ 6-8 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ลุยตลาดต่างจังหวัด รุกหนักระยอง เปิด 3 โครงการ มูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท
นายชูรัชฎ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัด การใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจที่จะมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี 58 ว่า คาดว่าในไตรมาส 3 ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้น หลังจากรัฐบาลได้อนุมัติเม็ดเงินลงทุน ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ประกอบกับการเร่งรัดการลงทุนเกี่ยวกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะส่งผลดีต่อธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
รวมถึงแร่งสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งมาตรการผ่อนคลายการเคลื่อนย้ายเงินทุน และผลจากนโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยลง ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง ส่งผลดีต่อภาคการส่งออก เนื่องจากเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีสัดส่วนถึง 60-70% ของจีพีดี นอกจากนี้ ผลของเงินบาทที่อ่อนลง ทำให้ชาวต่างชาติสนใจที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น ทั้งในแง่การลงทุนโดยตรงหรือซื้อ
นายชูรัชฎ์ กล่าวถึงแผนการลงทุนของบริษัทลลิลฯว่า ยังคงเดินหน้าขยายโครงการทั้งในกรุงเทพฯและตลาดต่างจังหวัด โดยเป้าทั้งปี 6-8 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในกรุงเทพฯ 5-6 โครงการ และ 3-4 โครงการในตลาดต่างจังหวัด โดยในครึ่งแรกของปี 58 ได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 4 โครงการ
"บริษัทยังคงมุ่งมั่นลงทุนโครงการในต่างจังหวัด โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ แม้ว่าจะสวนกระแสกับภาวะตลาดที่ชะลอตัว ซึ่งในปีนี้วางเป้าเพิ่มพอร์ตตลาดต่างจังหวัดจาก 20-25% เป็น 25-30% "
ล่าสุด บริษัทฯได้รุกเข้าพัฒนาโครงการอสังหาฯในจังหวัดระยองรวมกว่า 3 โครงการ รวมมูลค่ามากกว่า 2,100 ล้าน ได้แก่โครงการ "แลนซีโอ คริป" ระยอง -แยกเนินสำลี รูปแบบบ้านเดี่ยวชั้นเดียวและบ้านเดี่ยวสองชั้น บนเนื้อที่ 43 ไร่ ซึ่งจะตอบสนองกับกลุ่มลูกค้าคนที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมและกลุ่มคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฟสแรกพัฒนา 100 ยูนิต จากทั้งหมด 193 ยูนิต โดยสามารถสร้างยอดขายได้แล้วในเฟสแรก 60-70%
โครงการ "ไลโอ ระยอง-แยกเนินสำลี" บนเนื้อที่ 12 ไร่ พัฒนาในรูปแบบทาวน์โฮม ในราคาเพียง 1.57 ล้านบาท และโครงการ "ไอโอ นอฟ ระยอง ปลวกแดง " บนพื้นที่ 54 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคาเริ่มต้น 1.39-4 ล้านบาท
"ระยองเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากชลบุรี และมีเศรษฐกิจค่อนข้างดี มีกำลังซื้อมาก ซึ่งจากผลการสำรวจ พบว่า ที่อยู่อาศัยระดับราคา 2-5 ล้านบาท ยังมีอัตราการขยายตัวที่ดีมาก จากปัจจัยการย้ายฐานการผลิตและเงินทุนสู่ภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีแรงงานย้ายเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้น".
นายชูรัชฎ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัด การใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจที่จะมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี 58 ว่า คาดว่าในไตรมาส 3 ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้น หลังจากรัฐบาลได้อนุมัติเม็ดเงินลงทุน ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ประกอบกับการเร่งรัดการลงทุนเกี่ยวกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะส่งผลดีต่อธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
รวมถึงแร่งสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งมาตรการผ่อนคลายการเคลื่อนย้ายเงินทุน และผลจากนโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยลง ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง ส่งผลดีต่อภาคการส่งออก เนื่องจากเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีสัดส่วนถึง 60-70% ของจีพีดี นอกจากนี้ ผลของเงินบาทที่อ่อนลง ทำให้ชาวต่างชาติสนใจที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น ทั้งในแง่การลงทุนโดยตรงหรือซื้อ
นายชูรัชฎ์ กล่าวถึงแผนการลงทุนของบริษัทลลิลฯว่า ยังคงเดินหน้าขยายโครงการทั้งในกรุงเทพฯและตลาดต่างจังหวัด โดยเป้าทั้งปี 6-8 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในกรุงเทพฯ 5-6 โครงการ และ 3-4 โครงการในตลาดต่างจังหวัด โดยในครึ่งแรกของปี 58 ได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 4 โครงการ
"บริษัทยังคงมุ่งมั่นลงทุนโครงการในต่างจังหวัด โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ แม้ว่าจะสวนกระแสกับภาวะตลาดที่ชะลอตัว ซึ่งในปีนี้วางเป้าเพิ่มพอร์ตตลาดต่างจังหวัดจาก 20-25% เป็น 25-30% "
ล่าสุด บริษัทฯได้รุกเข้าพัฒนาโครงการอสังหาฯในจังหวัดระยองรวมกว่า 3 โครงการ รวมมูลค่ามากกว่า 2,100 ล้าน ได้แก่โครงการ "แลนซีโอ คริป" ระยอง -แยกเนินสำลี รูปแบบบ้านเดี่ยวชั้นเดียวและบ้านเดี่ยวสองชั้น บนเนื้อที่ 43 ไร่ ซึ่งจะตอบสนองกับกลุ่มลูกค้าคนที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมและกลุ่มคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฟสแรกพัฒนา 100 ยูนิต จากทั้งหมด 193 ยูนิต โดยสามารถสร้างยอดขายได้แล้วในเฟสแรก 60-70%
โครงการ "ไลโอ ระยอง-แยกเนินสำลี" บนเนื้อที่ 12 ไร่ พัฒนาในรูปแบบทาวน์โฮม ในราคาเพียง 1.57 ล้านบาท และโครงการ "ไอโอ นอฟ ระยอง ปลวกแดง " บนพื้นที่ 54 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคาเริ่มต้น 1.39-4 ล้านบาท
"ระยองเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากชลบุรี และมีเศรษฐกิจค่อนข้างดี มีกำลังซื้อมาก ซึ่งจากผลการสำรวจ พบว่า ที่อยู่อาศัยระดับราคา 2-5 ล้านบาท ยังมีอัตราการขยายตัวที่ดีมาก จากปัจจัยการย้ายฐานการผลิตและเงินทุนสู่ภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีแรงงานย้ายเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้น".