ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - DSI นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมสำนักทรงเจ้าที่เชียงใหม่ เครือข่าย "ศุภชัย" ผู้ต้องหาคดียักยอกและฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พบแร่ บลูสกาย เต็ม 7 ตู้คอนเทนเนอร์ อ้างลูกศิษย์ถวายทำวัตถุมงคล ด้าน"หลวงปู่พุทธะอิสระ" จี้กองปราบเร่งเอาผิดธัมมชโย อ้างแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ พร้อมนำหลักฐานซึ่งเป็นพระลิขิต สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ระบุให้พระธัมมชโย ต้องปาราชิกขาดจากความเป็นสงฆ์
วานนี้ (12 พ.ค.) ร.อ.กลวิตร บุนนาค ผู้อำนวยการประจำสำนักปฏิบัติพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำกำลังเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจากส่วนกลาง และศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมหมายศาล เข้าตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม บ้านเลขที่ 55 หมู่ที่ 11 ตำบลสันโป่ง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ของนางปทุมพร บุตรศรี ที่เปิดเป็นสำนักทรงเจ้า ซึ่งนางปทุมพรมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้ต้องหาคดียักยอกและฉ้อโกงเงินสหกรณ์ฯ และอาจจะมีการถ่ายโอนทรัพย์สินจำนวนมากมาไว้ที่นางปทุมพร ในช่วงระหว่างปี 2555-2556 โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 58 เจ้าหน้าที่ ปปง. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้าตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินไปแล้วครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าตรวจสอบเฉพาะตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 7 ตู้ที่อยู่ในบริเวณบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งภายในตู้พบแร่บลูสกายจำนวนมาก มีขนาดตั้งแต่ครึ่งเมตรไปจนมากกว่าเมตร แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่ามีน้ำหนักหรือมีปริมาณเท่าไร่ แต่เบื้องต้นประเมินว่าน่าจะมีมากกว่า 10 ตัน
โดยแร่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นสีฟ้า มีส่วนผสมของแร่ทองแดง ซึ่งในอุตสาหกรรมเหมืองแร่จะมีมูลค่ามากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับปริมาณแร่ทองแดงที่สามารถสกัดออกมาได้ ขณะที่หากนำไปแกะสลักเป็นวัตถุมงคลหรือเครื่องประดับก็จะมีมูลค่าในอีกแบบหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ของอุตสาหกรรมเหมืองแร่เข้าเก็บตัวอย่างแร่ในตู้คอนเทนเนอร์เพื่อตรวจสอบต่อไป
สำหรับแร่ดังกล่าวนี้ ทางผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าวอ้างว่าแร่ทั้งหมดเป็นของลูกศิษย์ที่นำมาถวายสำนักทรงเพื่อแกะสลักทำเป็นวัตถุมงคลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดไว้เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งในส่วนของที่มาว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของนายศุภชัยหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบที่มาตั้งแต่เส้นทางการนำเข้า ที่มาของแร่ ว่าถูกต้องหรือไม่ หากพบมีความผิดก็จะมีการตรวจยึดเป็นของกลางและดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
**'หลวงปู่'แจ้งจับธัมมชโย อ้างแต่งกายเลียนแบบสงฆ์
วานนี้ ( 12 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น.หลวงปู่พุทธะอิสระ หรือ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมนึก สันติภาตะนันท์ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อให้ติดตามความคืบหน้ากรณีแจ้งความดำเนินคดีกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ฉ้อโกงประชาชน
หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า ในวันนี้อาตมาเดินทางมาเพื่อติดตามความคืบหน้าของการสืบสวนสอบสวนกรณีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ เนื่องจากขาดเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาตามที่ได้ร้องทุกข์ไว้ พร้อมกับนำเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับความผิดของวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม โดยเอกสารดังกล่าวประกอบไปด้วย พระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จำนวน 6 ฉบับ ที่ได้ลิขิตให้พระธัมมชโยต้องปาราชิกขาดจากความเป็นสงฆ์
เอกสารดังกล่าวรับรองความถูกต้องจากสำนักงานเลขาธิการสมเด็จพระสังฆราช คำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 378/2542 และ 50612/2542 และบันทึกขอความเห็นขอบจับกุมหรือออกหมายจับ ของกองบังคับการปราบปราม ลงวันที่ 23 ส.ค. 2542 ซึ่งมีความเห็นสรุปชัดเจนว่า พระธัมมชโย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งเจ้าอาวาส ยักยอกหรือลักเอาเงินของวัดพระธรรมกายไปโดยทุจริต และสำเนาคำฟ้องคดีอาญาหมายเลขดำที่ 11651 และ 14735/2542 ของศาลอาญา ซึ่งพนักงานอัยการได้ลงรายละเอียดในคำฟ้องอย่างชัดแจ้งแล้วว่าพระธัมมชโยกระทำความผิดอย่างไร
"เอกสารทั้งหมดที่อาตมานำมานั้นแสดงให้เห็นว่าพระธัมมชโยกระทำความผิดมาตั้งแต่ปี 2542 รวมทั้งวันนี้จะติดตามทวงถามความคืบหน้ากรณีที่พระมหาโชว์ ทสฺสนีโย แจ้งความเอาผิดว่าอาตมาไปตบทรัพย์ ซึ่งคดีนี้ยังไม่มีการเรียกสอบปากคำอาตมา ซึ่งหากไม่มีการสอบปากคำ อาตมาก็จะแจ้งความกลับพระมหาโชว์ ว่าแจ้งความเท็จ อีกทั้งทวงถามว่าจะดำเนินคดีต่อไปอย่างไรซึ่งหากพนักงานสอบสวนเพิกเฉยก็จะแจ้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย" หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.สมนึก กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ที่การรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบเนื่องจากมีเอกสารจำนวนมาก อีกทั้งรอหนังสือตอบกลับจากทาง สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม และ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถึงที่มาของเอกสารว่าได้มีการปรากฏจริงตามที่พระพุทธอิสระได้กล่าวอ้างว่าหรือไม่
วานนี้ (12 พ.ค.) ร.อ.กลวิตร บุนนาค ผู้อำนวยการประจำสำนักปฏิบัติพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำกำลังเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจากส่วนกลาง และศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมหมายศาล เข้าตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม บ้านเลขที่ 55 หมู่ที่ 11 ตำบลสันโป่ง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ของนางปทุมพร บุตรศรี ที่เปิดเป็นสำนักทรงเจ้า ซึ่งนางปทุมพรมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้ต้องหาคดียักยอกและฉ้อโกงเงินสหกรณ์ฯ และอาจจะมีการถ่ายโอนทรัพย์สินจำนวนมากมาไว้ที่นางปทุมพร ในช่วงระหว่างปี 2555-2556 โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 58 เจ้าหน้าที่ ปปง. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้าตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินไปแล้วครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าตรวจสอบเฉพาะตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 7 ตู้ที่อยู่ในบริเวณบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งภายในตู้พบแร่บลูสกายจำนวนมาก มีขนาดตั้งแต่ครึ่งเมตรไปจนมากกว่าเมตร แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่ามีน้ำหนักหรือมีปริมาณเท่าไร่ แต่เบื้องต้นประเมินว่าน่าจะมีมากกว่า 10 ตัน
โดยแร่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นสีฟ้า มีส่วนผสมของแร่ทองแดง ซึ่งในอุตสาหกรรมเหมืองแร่จะมีมูลค่ามากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับปริมาณแร่ทองแดงที่สามารถสกัดออกมาได้ ขณะที่หากนำไปแกะสลักเป็นวัตถุมงคลหรือเครื่องประดับก็จะมีมูลค่าในอีกแบบหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ของอุตสาหกรรมเหมืองแร่เข้าเก็บตัวอย่างแร่ในตู้คอนเทนเนอร์เพื่อตรวจสอบต่อไป
สำหรับแร่ดังกล่าวนี้ ทางผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าวอ้างว่าแร่ทั้งหมดเป็นของลูกศิษย์ที่นำมาถวายสำนักทรงเพื่อแกะสลักทำเป็นวัตถุมงคลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดไว้เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งในส่วนของที่มาว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของนายศุภชัยหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบที่มาตั้งแต่เส้นทางการนำเข้า ที่มาของแร่ ว่าถูกต้องหรือไม่ หากพบมีความผิดก็จะมีการตรวจยึดเป็นของกลางและดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
**'หลวงปู่'แจ้งจับธัมมชโย อ้างแต่งกายเลียนแบบสงฆ์
วานนี้ ( 12 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น.หลวงปู่พุทธะอิสระ หรือ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมนึก สันติภาตะนันท์ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อให้ติดตามความคืบหน้ากรณีแจ้งความดำเนินคดีกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ฉ้อโกงประชาชน
หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า ในวันนี้อาตมาเดินทางมาเพื่อติดตามความคืบหน้าของการสืบสวนสอบสวนกรณีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ เนื่องจากขาดเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาตามที่ได้ร้องทุกข์ไว้ พร้อมกับนำเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับความผิดของวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม โดยเอกสารดังกล่าวประกอบไปด้วย พระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จำนวน 6 ฉบับ ที่ได้ลิขิตให้พระธัมมชโยต้องปาราชิกขาดจากความเป็นสงฆ์
เอกสารดังกล่าวรับรองความถูกต้องจากสำนักงานเลขาธิการสมเด็จพระสังฆราช คำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 378/2542 และ 50612/2542 และบันทึกขอความเห็นขอบจับกุมหรือออกหมายจับ ของกองบังคับการปราบปราม ลงวันที่ 23 ส.ค. 2542 ซึ่งมีความเห็นสรุปชัดเจนว่า พระธัมมชโย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งเจ้าอาวาส ยักยอกหรือลักเอาเงินของวัดพระธรรมกายไปโดยทุจริต และสำเนาคำฟ้องคดีอาญาหมายเลขดำที่ 11651 และ 14735/2542 ของศาลอาญา ซึ่งพนักงานอัยการได้ลงรายละเอียดในคำฟ้องอย่างชัดแจ้งแล้วว่าพระธัมมชโยกระทำความผิดอย่างไร
"เอกสารทั้งหมดที่อาตมานำมานั้นแสดงให้เห็นว่าพระธัมมชโยกระทำความผิดมาตั้งแต่ปี 2542 รวมทั้งวันนี้จะติดตามทวงถามความคืบหน้ากรณีที่พระมหาโชว์ ทสฺสนีโย แจ้งความเอาผิดว่าอาตมาไปตบทรัพย์ ซึ่งคดีนี้ยังไม่มีการเรียกสอบปากคำอาตมา ซึ่งหากไม่มีการสอบปากคำ อาตมาก็จะแจ้งความกลับพระมหาโชว์ ว่าแจ้งความเท็จ อีกทั้งทวงถามว่าจะดำเนินคดีต่อไปอย่างไรซึ่งหากพนักงานสอบสวนเพิกเฉยก็จะแจ้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย" หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.สมนึก กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ที่การรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบเนื่องจากมีเอกสารจำนวนมาก อีกทั้งรอหนังสือตอบกลับจากทาง สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม และ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถึงที่มาของเอกสารว่าได้มีการปรากฏจริงตามที่พระพุทธอิสระได้กล่าวอ้างว่าหรือไม่