ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.)จำนวน 11 คน ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน จะหมดวาระลงในวันที่ 22 พ.ค.นี้ หลังจากดำรงตำแหน่งมา 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.54 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีบุคคลที่น่าสนใจไปสมัครหลายคน ภายหลังหมดเขตการรับสมัครไปตั้งแต่ วันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมาโดยในตำแหน่งคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา อาทิ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ นางสุนี ไชยรส ปัจจุบันเป็นรองประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายชุดปัจจุบัน และอดีตกรรมการสิทธิฯ นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ สมาชิกสปช. ด้านสื่อมวลชน และอดีตนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เป็นต้น
ทั้งนี้ ในตำแหน่งดังกล่าว ตาม พ.ร.ฎ.ค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. 2554 จะได้เงินเดือน 62,000 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาท รวม 104,500 บาทต่อเดือน รวมทั้งได้สิทธิ์ประโยชน์ ค่าเดินทาง ที่พัก และค่ารักษาพยาบาล
ขณะที่คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มเวลา โดยมีผู้สมัคร อาทิ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย ปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มเวลาชุดปัจจุบัน และผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา นายบุญเลิศ คชายุทธเดช สปช. ด้านสื่อมวชน นายคมสัน โพธิ์คง อ.นิติศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รศ.พิศวาท สุคนธพันธ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็นต้น โดยจะได้รับเงินเดือน ตามพ.ร.ฎ.ค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. 2554 เดือนละ 42,500 บาท และสิทธิ์ประโยชน์เช่นเดียวกันกับคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา
สำหรับคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายชุดที่สองนี้ ต่อจากชุดนายคณิต ณ นคร ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ จะดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี และสามารถได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอีก แต่ไม่เกิน 2 วาระติดกัน โดยผ่านการสรรหาจากคณะกรรมการสรรหา โดยมีตัวแทนจากปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งกรรมการสรรหาจากภาควิชาการ และเอกชน
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สาเหตุที่บุคลเหล่านี้เข้ามาสมัคร นอกจะมีอำนาจ ตามพ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ.2553 ในการเสนอแนะปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ยังมีอำนาจใหม่ในร่างรัฐธรรมนูญที่มี นายบวรศักดิ์ เป็นประธานกำลังยกร่าง อยู่ในมาตรา 282 (3) ให้คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย มีอำนาจเสนอให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ " พิจารณายกเลิก หรือปรับปรุงกฎหมาย หรือกฎแล้วแต่กรณี" ที่จำกัดสิทธิ หรือเสรีภาพของประชาชนโดยไม่จำเป็น หรือสร้างภาระหรือขั้นตอนโดยไม่จำเป็น
ประเด็นดังกล่าว ทำให้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวางในกรณีที่ นายบวรศักดิ์ ไปสมัครเป็นคปก. ในขณะที่ตัวเองเป็นประธาน กมธ.ยกร่างฯ จะเป็นการร่างรัฐธรรมนูญเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองหรือไม่ เนื่องจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว มีอำนาจพิจารณายกเลิก หรือปรับปรุงกฎหมาย หรือกฎได้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการวิพากวิจารณ์ กรณี สปช.ที่มีเงินประจำตำแหน่ง 71,230 บาท/เดือน เงินเพิ่ม 42,330 บาท/เดือน รวมทั้งสิ้น ประมาณ 113,560 บาท/ เดือนอยู่แล้ว และมีการเสนอให้อยู่ในตำแหน่งไปอีก 2 ปี ขณะที่กมธ.ยกร่างฯ ก็มีเบี้ยประชุมครั้งละ 9,000 บาท ยังจะได้รับเงินเดือนของคปก.อีกจำนวน 104,500 บาทต่อเดือน เป็นเวลาอีก 4 ปี
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ผู้สมัครกรรมการปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา กล่าวว่า สาเหตุที่ตัวเองเข้าไปสมัครไม่ได้มองว่า ร่าง รัฐธรรมนูญมาตรา 282 (3) ให้อำนาจมากมหาศาล แต่ต้องการเข้าไปเพื่อผลักดันกฎหมายต่างๆ เพื่อช่วยเหลือและดูแลสิทธิของประชาชน ที่คิดว่าจะสามารถทำได้ง่ายกว่าวิธีอื่น แต่ตนก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเพราะมีคู่แข่งโดยเฉพาะกรรมปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลามา สมัครถึง 40 คน
"ผมแปลกใจมากว่า นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานกมธ.ยกร่างฯ อยู่แล้ว จะมาสมัครกรรมการชุดดังกล่าวทำไม รวมทั้ง สปช. คนอื่นๆด้วย ดังนั้นหากนายบวรศักดิ์ และสปช. ได้รับเลือกเป็นคปก. จะถูกมองว่า เขียนรธน. มาเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง และจะถูกร้องเรียนกันวุ่นวายแน่นอน" นายศรีสุวรรณ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีบุคคลที่น่าสนใจไปสมัครหลายคน ภายหลังหมดเขตการรับสมัครไปตั้งแต่ วันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมาโดยในตำแหน่งคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา อาทิ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ นางสุนี ไชยรส ปัจจุบันเป็นรองประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายชุดปัจจุบัน และอดีตกรรมการสิทธิฯ นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ สมาชิกสปช. ด้านสื่อมวลชน และอดีตนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เป็นต้น
ทั้งนี้ ในตำแหน่งดังกล่าว ตาม พ.ร.ฎ.ค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. 2554 จะได้เงินเดือน 62,000 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาท รวม 104,500 บาทต่อเดือน รวมทั้งได้สิทธิ์ประโยชน์ ค่าเดินทาง ที่พัก และค่ารักษาพยาบาล
ขณะที่คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มเวลา โดยมีผู้สมัคร อาทิ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย ปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มเวลาชุดปัจจุบัน และผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา นายบุญเลิศ คชายุทธเดช สปช. ด้านสื่อมวชน นายคมสัน โพธิ์คง อ.นิติศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รศ.พิศวาท สุคนธพันธ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็นต้น โดยจะได้รับเงินเดือน ตามพ.ร.ฎ.ค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. 2554 เดือนละ 42,500 บาท และสิทธิ์ประโยชน์เช่นเดียวกันกับคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา
สำหรับคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายชุดที่สองนี้ ต่อจากชุดนายคณิต ณ นคร ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ จะดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี และสามารถได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอีก แต่ไม่เกิน 2 วาระติดกัน โดยผ่านการสรรหาจากคณะกรรมการสรรหา โดยมีตัวแทนจากปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งกรรมการสรรหาจากภาควิชาการ และเอกชน
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สาเหตุที่บุคลเหล่านี้เข้ามาสมัคร นอกจะมีอำนาจ ตามพ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ.2553 ในการเสนอแนะปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ยังมีอำนาจใหม่ในร่างรัฐธรรมนูญที่มี นายบวรศักดิ์ เป็นประธานกำลังยกร่าง อยู่ในมาตรา 282 (3) ให้คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย มีอำนาจเสนอให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ " พิจารณายกเลิก หรือปรับปรุงกฎหมาย หรือกฎแล้วแต่กรณี" ที่จำกัดสิทธิ หรือเสรีภาพของประชาชนโดยไม่จำเป็น หรือสร้างภาระหรือขั้นตอนโดยไม่จำเป็น
ประเด็นดังกล่าว ทำให้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวางในกรณีที่ นายบวรศักดิ์ ไปสมัครเป็นคปก. ในขณะที่ตัวเองเป็นประธาน กมธ.ยกร่างฯ จะเป็นการร่างรัฐธรรมนูญเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองหรือไม่ เนื่องจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว มีอำนาจพิจารณายกเลิก หรือปรับปรุงกฎหมาย หรือกฎได้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการวิพากวิจารณ์ กรณี สปช.ที่มีเงินประจำตำแหน่ง 71,230 บาท/เดือน เงินเพิ่ม 42,330 บาท/เดือน รวมทั้งสิ้น ประมาณ 113,560 บาท/ เดือนอยู่แล้ว และมีการเสนอให้อยู่ในตำแหน่งไปอีก 2 ปี ขณะที่กมธ.ยกร่างฯ ก็มีเบี้ยประชุมครั้งละ 9,000 บาท ยังจะได้รับเงินเดือนของคปก.อีกจำนวน 104,500 บาทต่อเดือน เป็นเวลาอีก 4 ปี
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ผู้สมัครกรรมการปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา กล่าวว่า สาเหตุที่ตัวเองเข้าไปสมัครไม่ได้มองว่า ร่าง รัฐธรรมนูญมาตรา 282 (3) ให้อำนาจมากมหาศาล แต่ต้องการเข้าไปเพื่อผลักดันกฎหมายต่างๆ เพื่อช่วยเหลือและดูแลสิทธิของประชาชน ที่คิดว่าจะสามารถทำได้ง่ายกว่าวิธีอื่น แต่ตนก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเพราะมีคู่แข่งโดยเฉพาะกรรมปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลามา สมัครถึง 40 คน
"ผมแปลกใจมากว่า นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานกมธ.ยกร่างฯ อยู่แล้ว จะมาสมัครกรรมการชุดดังกล่าวทำไม รวมทั้ง สปช. คนอื่นๆด้วย ดังนั้นหากนายบวรศักดิ์ และสปช. ได้รับเลือกเป็นคปก. จะถูกมองว่า เขียนรธน. มาเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง และจะถูกร้องเรียนกันวุ่นวายแน่นอน" นายศรีสุวรรณ กล่าว