ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป เชิญกลุ่มการเมืองถก แต่มากันไม่ครบ พท. “อำนวย-วรวัจน์-อนุสรณ์-จาตุรนต์-ภูมิธรรม” ด้าน “พงศ์เทพ” แนะรัฐควรทำให้เป็นธรรม ส่วนโจกแดง “ณัฐวุฒิ-วรชัย-จตุพร” ยันพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูล “ธิดา” บอกให้มาก็มา ทนาย นปช.จ่อเอาคดีมาคุย ปชป. “อภิสิทธิ์-ชำนิ” มา “ใบตองแห้ง” ก็ถูกเชิญ อาจารย์ ม.สยามหวังทหารฟังอย่างเดียว นศ.มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยหลังถก 2 พรรคใหญ่ขอทหารเป็นกลาง ปรามงดจ้อผล นายกฯ ส.นักข่าวชี้วันนี้บรรยากาศดี แนะเปิดเวทีอีก ด้านเจ้าภาพเลี้ยงกะเพราไก่ ข้าวหน้าไก่ ก๋วยเตี๋ยวหมู และไอศกรีม
วันนี้ (23 เม.ย.) ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี เมื่อเวลา 09.00 น. ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เชิญกลุ่มการเมือง ตัวแทนพรรคการเมือง นักวิชาการ และสื่อมวลชน กว่า 80 คนมาแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เสริมสร้างความสามัคคี ครองปรองดองสมานฉันท์ และคืนความสงบสุขให้แก่คนในชาติ โดย พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และรองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบแห่งชาติ (ผบ.กกล.รส) เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น อย่างไรก็ตามมีผู้เข้าร่วมเวทีแสดงความคิดเห็นไม่ครบจำนวนที่เชิญไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีผู้เดินทางเข้าร่วมประชุมอย่างต่อเนื่อง ฝั่งพรรคเพื่อไทย ได้แก่ นายอำนวย คลังผา นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีต รมว.ศึกษาธิการ และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ และนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โดยนายพงศ์เทพกล่าวว่า การประชุมในวันนี้คงเป็นการหารือถึงสถานการณ์ทั่วไป และมองว่าสิ่งที่รัฐบาลควรจะทำคือให้เกิดความเป็นธรรม และมีรายละเอียดในหลายเรื่องที่ต้องพูดคุยกันเพื่อนำสู่ความปรองดอง ทั้งนี้ไม่รู้สึกกังวลใดๆ แต่มีความเสียดายที่ไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้ารับฟัง
ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงประกอบด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. นายวรชัย เหมะ นางธิดา ถาวรเศรษฐ และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายกลุ่ม นปช. โดยนายจตุพรกล่าวว่าวันนี้จะเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวทางเพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศไปด้วยกัน โดยพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา และเห็นว่าขณะนี้เลยเวลาของการปรับทัศนคติแล้ว ด้านนางธิดากล่าวว่า ทราบล่วงหน้า 2 วัน ไม่มีปัญหา เขาว่ามาอย่างไรก็อย่างนั้น ให้มาก็มาคงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
ทางด้านนายวิญญัติกล่าวว่า วันนี้จะนำความจริงมาพูดคุยซึ่งทาง นปช.ได้เตรียมเรื่องของคดีต่างๆ มาพูดคุยในวันนี้ด้วยเพราะเป็นส่วนหนึ่งของความแตกแยก อย่างไรก็ตาม ยินดีให้ความร่วมมือในการสร้างความปรองดอง ทั้งนี้ส่วนตัวมีข้อเสนอแนะเรื่องปรองดอง แต่ในส่วนของรายละเอียดขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผย รวมถึงการใช้อำนาจตามมาตรา 44 เห็นว่ามีความรุนแรง และควรมีการปรับใช้เหมาะสมต่อไป
ด้านพรรคประชาธิปัตย์ที่เดินทางมาร่วมประชุมในวันนี้ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ ซึ่งไม่ได้มีการพูดคุยกับสื่อมวลชนก่อนเข้าไปร่วมประชุมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีในส่วนของนักวิชาการ สื่อมวลชน และคอลัมนิสต์ที่เป็นผู้นำความคิดมาเข้าร่วมให้ข้อคิดเห็นด้วย อาทิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สปช. นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ กรรมการญาติวีรชน 35 นายอธึกกิจ แสวงสุข นามปากกาใบตองแห้ง นายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อาจารย์เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายเอกชัย ชัยนุวัฒน์ อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม เป็นต้น
โดยนายเอกชัยกล่าวว่า การเชิญในครั้งนี้ส่วนตัวกังวลว่าจะซ้ำรอยกับการปรับทัศนคติครั้งที่ผ่านมา แต่ยังเชื่อมั่นในเกียรติและคำพูดของทหารว่าจะเป็นการรับฟังความเห็นเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ขอเสนอว่านายกรัฐมนตรีควรทำให้ประชาธิปไตยมีความสมบูรณ์โดยปราศจากการรัฐประหาร ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงเจตนารมย์ไว้ก่อนหน้านี้ และเห็นว่าประเทศนี้เป็นของคนไทยทุกคน
อย่างไรก็ตาม สำหรับบรรยากาศในวันนี้ที่ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปติดตามความเคลื่อนด้านในห้องประชุมมัฆวานรังสรรค์ โดยอนุญาตให้สื่อมวลชนสังเกตการณ์ผู้ที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุมอยู่บริเวณหน้าทางเข้าเท่านั้น ท่ามกลางมาตรการณ์รักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารอย่างเข้มงวด
ต่อมาเวลา 13.40 น. นายนัชชชา กองอุดม นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวภายหลังการเข้าร่วมประชุมว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้ชี้แจงว่าการเชิญมาในวันนี้เป็นการพูดคุยและแสดงความคิดเห็นเพื่อช่วยกันนำไปสู่ความปรองดอง โดยบรรยากาศภายในห้องประชุมเป็นการพูดคุยตามปกติ ไม่มีเรื่องความขัดแย้ง แต่ละฝ่ายเสนอเรื่องความไม่เป็นธรรมที่แตกต่างกัน ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยแสดงความคิดเห็นคล้ายกันว่าอยากให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความเป็นกลาง และมีความยุติธรรม เปิดใจรับความปรองดองจากทุกฝ่าย ส่วนตนได้เสนอเรื่องความยุติธรรมและการแสดงออกถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยทาง ศปป.ยืนยันว่าจะให้หลายฝ่ายได้แสดงออกมาขึ้น โดยจะมีการตั้งเวทีเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงออกในพื้นที่ต่างๆมากขึ้น ทั้งนี้ ศปป.ก็มีการขอร้องไม่ให้นำเรื่องที่มาพูดคุยกันในวันนี้ออกมาพูดกับสื่อ เพราะเกรงว่าจะเกิดประเด็นมากมาย ซึ่งไม่อยากนำประเด็นเหล่านี้ไปสู่ความขัดแย้ง ขอให้เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในห้องประชาชน
“การประชุมครั้งนี้มีหลายคนเกิดความระแวงและหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่ฉุกละหุก จากการสังเกตด้วยสายตามีคนเข้าร่วมประมาณ 30-40 คน ส่วนนักศึกษามีประมาณ 3 คน สำหรับคนที่มีรายชื่อแล้วไม่ได้มาก็จะเชิญมาอีกในครั้งต่อไป” นายนัชชชากล่าว
ขณะที่นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นายกสมาคมนักข่าวฯ ในฐานะสมาชิก สปช.เปิดเผยว่า วันนี้ในที่ประชุมมีการพูดคุยเรื่องปรองดองซึ่งตัวแทนทุกพรรคการเมืองที่ได้รับเชิญมาหมด 30-40 คน บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการแลกเปลี่ยนสร้างบรรยาการปรองดอง และขอความคิดเห็นจากตัวแทนที่มา โดนตนเสนอไปว่าเมื่อปี 2554 ตนเคยทำโครงการส่งมอบประเทศไทยให้ลูกหลาน ซึ่งทุกคนก็ได้เล่าในสิ่งที่ตนเองเคยทำมา ยืนยันไม่มีการขอร้องหรือเชิญมาปรับทัศนคติ หลายคนขอว่าบรรยากาศในช่วงการร่างรัฐธรรมนูญนี้ขอให้มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
เมื่อถามว่า ตอบรับข้อเสนอหรือไม่ นายประดิษฐ์กล่าวว่า ไม่ใช่เวทียื่นหนังสือหรือตอบรับ แต่เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เมื่อเสนอแล้วจะนำไปใช้อะไรก็แล้วแต่ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้มีการเปิดเวทีการพูดคุยแบบนี้ อย่าไปกลัวความเห็นที่แตกต่าง
ในขณะที่ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ได้เดินทางออกจากสโมสรทหารบกตั้งแต่เวลา 12.30 น. มีภารกิจต่อ โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
ทั้งนี้ มีรายงานว่านายอภิสิทธิ์ได้กล่าวในวงหารือช่วงหนึ่งว่า มีประชาชนบอกว่าดีใจที่สองพรรคการเมืองใหญ่จับมือกันต้านเผด็จการ สำหรับนายเอกชัยได้จัดเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางมาดด้วยโดยบอกว่าลูกและภรรยาเป็นกังวลที่จะต้องเดินทางมาร่วมหารือในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมอาหารกลางวันให้แก่ผู้เข้าร่วมหารือ เช่น ข้าวกะเพราไก่ ข้าวหน้าไก่ ก๋วยเตี๋ยวหมู ส่วนของหวานเป็นไอศกรีม โดยให้บริการเข้าไปเสิร์ฟภายในห้อง โดยอาหารดังกล่าวทางกองทัพบกเป็นผู้จัดเตรียม