นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านสื่อ และนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า พวกตน สปช.สายสื่อมวลชน เห็นว่าสื่อมวลชน มีความสำคัญอย่างมากในช่วงที่มีการปฏิรูปประเทศ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวาสาร การทำหน้าที่ของสื่อจะเป็นตัวชี้ว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่บทบาทของสื่อ ถ้าสื่อสามารถทำหน้าที่ได้โดยไม่ถูกขัดขวาง มีเสรีภาพบนความรับผิดชอบ ที่ผ่านมาตนได้นำปัญหาและอุปสรรคของการทำหน้าที่ของสื่อ ไปแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูป โดยเฉพาะประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 และ 103 ที่เป็นอุปสรรคของสื่อในการเชิญบุคคลๆ ไปออกรายการทีวี ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. สื่อสารไปยังนายกฯ และผู้นำใน คสช. ถึงอุปสรรค ว่าควรมีการผ่อนคลาย ให้สื่อสามารถทำหน้าที่ได้อย่างตรงไปตรงมา
'ประดิษฐ์'จี้เลิกประกาศ97-103 แนะผู้บริหารTPBSแจงทหารบุก
ข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- ศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2557 18:28:00 น.
14 พ.ย. 57 เวลา 16.30 น. ที่รัฐสภา นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านสื่อ กล่าวว่า พวกตน สปช.สายสื่อมวลชน เห็นว่าสื่อมวลชน มีความสำคัญอย่างมากในช่วงที่มีการปฏิรูปประเทศ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวาสาร การทำหน้าที่ของสื่อจะเป็นตัวชี้ว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่บทบาทของสื่อ ถ้าสื่อสามารถทำหน้าที่ได้โดยไม่ถูกขัดขวาง มีเสรีภาพบนความรับผิดชอบ ที่ผ่านมาตนได้นำปัญหาและอุปสรรคของการทำหน้าที่ของสื่อ ไปแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูป โดยเฉพาะประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 และ 103 ที่เป็นอุปสรรคของสื่อในการเชิญบุคคลๆ ไปออกรายการทีวี ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. สื่อสารไปยังนายกฯ และผู้นำใน คสช. ถึงอุปสรรค ว่าควรมีการผ่อนคลาย ให้สื่อสามารถทำหน้าที่ได้อย่างตรงไปตรงมา
“ตนเองเห็นว่า ถ้า คสช.หรือ รัฐบาลควรมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ที่จะให้สื่อมวลชนทำหน้าที่ในช่วงที่มีการปฏิรูปประเทศ เพื่อเสนอข้อมูลข่าวสารต่อประชาชนอย่างตรงไปตรงมา สื่อไม่ควรทำงานภายใต้แรงกดดัน หรือความหวาดกลัว โดยไม่นำประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 หรือ 103 มากดดัน การทำหน้าที่ของสื่อ” นายประดิษฐ์ กล่าว
นายประดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ถ้าหาก คสช.และรัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจน หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ นำไปปฎิบัติและอาจมีปัญหาได้ อย่างเช่นเรื่องที่เกิดขึ้นกับรายการ “เสียงประชาชน” ของสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส (TPBS) ที่มีข่าวว่า มีทหารกลุ่มหนึ่งเข้าไปกดดัน จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างภาพลักษณ์และบรรยากาศที่ไม่ดีของการทำหน้าที่ของสื่อ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน จึงอยากให้ผู้บริหาร TPBS ออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร และทหารที่บอกว่ามีเข้าไป เข้าไปอย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้าง และถ้าทหารและฝ่ายปฏิบัติเห็นว่า รายการดังกล่าว ละเมิดจริยธรรม ตามมาตรา 42 ของ พ.ร.บ.องค์กรกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 2551 ก็สามารถร้องเรียนต่ออนุกรรมาธิการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนตามมาตรา 46 ของ พ.ร.บ.ฯ ดังกล่าว แต่ไม่ควรใช้วิธีการไปกดดัน หรือ ขัดขวางทำให้เกิดความหวาดกลัว ของคนทำหน้าที่สื่อ
อย่างไรก็ตามพวกตน สปช.สายสื่อ จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อ ประธาน คสช. และรัฐบาล ในส่วนของสปช.จะทำอย่างไรบ้างนั้น สปช.สายสื่อจะไปปรึกษากับ นายเทียนฉาย อีกครั้งก่อน เพราะนายเทียนฉาย เป็นผู้นำองค์กร (สปช.) ควรที่จะสื่อสารกับผู้นำคสช.และรัฐบาล เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญในการทำหน้าที่ของสื่อต่อ
ด้านนายวสันต์ ภัยหลีกหลี้ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า โดยหลักการสื่อสารมวลชนจะต้องมีสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอ เพราะถ้าหากสื่อสารมวลชนไม่มีสิทธิในการนำเสนอ ประชาชนอาจเสียโอกาสในการรับรู้ข่าวสารต่างๆ แต่ตนก็เข้าใจว่าช่วงนี้เป็นช่วงของสถานการณ์พิเศษ เป็นสถานการณ์ที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นทราบว่าผู้บริหารไทยพีบีเอส ทางคณะกรรมการนโยบายของไทยพีบีเอส มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่ ในฐานะของคนที่เคยทำงานของสื่อสาธารณะ บทบาทของคณะกรรมการนโยบายฯ ก็คือการผลักดันเรื่องสิทธิเสรีภาพของผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงผู้ปฏิบัติงานควรจะมีสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวหรือว่าเรื่องราวต่างๆ
“กรณีที่เกิดขึ้น ตนไม่แน่ใจในรายละเอียด เพียงแต่คิดว่าในทุกวันนี้กำลังคุยกันเรื่องการปฏิรูปประเทศ ทุกคนอยากเห็นประเทศเดินหน้า มีภาพฝันอันหนึ่งก็คือ ประชาชนและสื่อมีสิทธิเสรีภาพโดยที่จะต้องมีความรับผิดชอบอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่อาจฝัน โดยที่วันนี้อยู่ในสภาพที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ฝันกับสิ่งที่เป็น อยากให้สอดคล้องกัน อยากจะบอกว่าในบรรยากาศการปฏิรูปอยากเห็นประชาชนทุกภาคส่วน และอยากเห็นสภาปฏิรูปแห่งชาติเปิดกว้างให้ประชาชนที่มีความเห็น ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นต่าง สามารถแสดงออกได้ ซึ่งทุกฝ่ายควรจะช่วยกัน” นายวสันต์ กล่าว
'ประดิษฐ์'จี้เลิกประกาศ97-103 แนะผู้บริหารTPBSแจงทหารบุก
ข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- ศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2557 18:28:00 น.
14 พ.ย. 57 เวลา 16.30 น. ที่รัฐสภา นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านสื่อ กล่าวว่า พวกตน สปช.สายสื่อมวลชน เห็นว่าสื่อมวลชน มีความสำคัญอย่างมากในช่วงที่มีการปฏิรูปประเทศ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวาสาร การทำหน้าที่ของสื่อจะเป็นตัวชี้ว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่บทบาทของสื่อ ถ้าสื่อสามารถทำหน้าที่ได้โดยไม่ถูกขัดขวาง มีเสรีภาพบนความรับผิดชอบ ที่ผ่านมาตนได้นำปัญหาและอุปสรรคของการทำหน้าที่ของสื่อ ไปแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูป โดยเฉพาะประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 และ 103 ที่เป็นอุปสรรคของสื่อในการเชิญบุคคลๆ ไปออกรายการทีวี ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. สื่อสารไปยังนายกฯ และผู้นำใน คสช. ถึงอุปสรรค ว่าควรมีการผ่อนคลาย ให้สื่อสามารถทำหน้าที่ได้อย่างตรงไปตรงมา
“ตนเองเห็นว่า ถ้า คสช.หรือ รัฐบาลควรมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ที่จะให้สื่อมวลชนทำหน้าที่ในช่วงที่มีการปฏิรูปประเทศ เพื่อเสนอข้อมูลข่าวสารต่อประชาชนอย่างตรงไปตรงมา สื่อไม่ควรทำงานภายใต้แรงกดดัน หรือความหวาดกลัว โดยไม่นำประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 หรือ 103 มากดดัน การทำหน้าที่ของสื่อ” นายประดิษฐ์ กล่าว
นายประดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ถ้าหาก คสช.และรัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจน หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ นำไปปฎิบัติและอาจมีปัญหาได้ อย่างเช่นเรื่องที่เกิดขึ้นกับรายการ “เสียงประชาชน” ของสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส (TPBS) ที่มีข่าวว่า มีทหารกลุ่มหนึ่งเข้าไปกดดัน จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างภาพลักษณ์และบรรยากาศที่ไม่ดีของการทำหน้าที่ของสื่อ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน จึงอยากให้ผู้บริหาร TPBS ออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร และทหารที่บอกว่ามีเข้าไป เข้าไปอย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้าง และถ้าทหารและฝ่ายปฏิบัติเห็นว่า รายการดังกล่าว ละเมิดจริยธรรม ตามมาตรา 42 ของ พ.ร.บ.องค์กรกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 2551 ก็สามารถร้องเรียนต่ออนุกรรมาธิการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนตามมาตรา 46 ของ พ.ร.บ.ฯ ดังกล่าว แต่ไม่ควรใช้วิธีการไปกดดัน หรือ ขัดขวางทำให้เกิดความหวาดกลัว ของคนทำหน้าที่สื่อ
อย่างไรก็ตามพวกตน สปช.สายสื่อ จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อ ประธาน คสช. และรัฐบาล ในส่วนของสปช.จะทำอย่างไรบ้างนั้น สปช.สายสื่อจะไปปรึกษากับ นายเทียนฉาย อีกครั้งก่อน เพราะนายเทียนฉาย เป็นผู้นำองค์กร (สปช.) ควรที่จะสื่อสารกับผู้นำคสช.และรัฐบาล เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญในการทำหน้าที่ของสื่อต่อ
ด้านนายวสันต์ ภัยหลีกหลี้ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า โดยหลักการสื่อสารมวลชนจะต้องมีสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอ เพราะถ้าหากสื่อสารมวลชนไม่มีสิทธิในการนำเสนอ ประชาชนอาจเสียโอกาสในการรับรู้ข่าวสารต่างๆ แต่ตนก็เข้าใจว่าช่วงนี้เป็นช่วงของสถานการณ์พิเศษ เป็นสถานการณ์ที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นทราบว่าผู้บริหารไทยพีบีเอส ทางคณะกรรมการนโยบายของไทยพีบีเอส มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่ ในฐานะของคนที่เคยทำงานของสื่อสาธารณะ บทบาทของคณะกรรมการนโยบายฯ ก็คือการผลักดันเรื่องสิทธิเสรีภาพของผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงผู้ปฏิบัติงานควรจะมีสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวหรือว่าเรื่องราวต่างๆ
“กรณีที่เกิดขึ้น ตนไม่แน่ใจในรายละเอียด เพียงแต่คิดว่าในทุกวันนี้กำลังคุยกันเรื่องการปฏิรูปประเทศ ทุกคนอยากเห็นประเทศเดินหน้า มีภาพฝันอันหนึ่งก็คือ ประชาชนและสื่อมีสิทธิเสรีภาพโดยที่จะต้องมีความรับผิดชอบอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่อาจฝัน โดยที่วันนี้อยู่ในสภาพที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ฝันกับสิ่งที่เป็น อยากให้สอดคล้องกัน อยากจะบอกว่าในบรรยากาศการปฏิรูปอยากเห็นประชาชนทุกภาคส่วน และอยากเห็นสภาปฏิรูปแห่งชาติเปิดกว้างให้ประชาชนที่มีความเห็น ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นต่าง สามารถแสดงออกได้ ซึ่งทุกฝ่ายควรจะช่วยกัน” นายวสันต์ กล่าว
