xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ตำรวจไม่ได้ทวีคูณฯช่วงอัยการศึก "บิ๊กอ๊อด"จะมีคำตอบกับลูกน้องอย่างไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -วันก่อนมีไลน์ส่งภาพสาวทรงอร้าอร่ามมาให้ยล พร้อมระบุว่าเป็นหน้าห้องคนใหม่ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงผ่านสายตาไปบ้าง จริงเท็จประการใดโลกโซเชียลบางครั้งก็ต้องตรองกันสักรอบสองรอบ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลหรือรูปภาพ ล้วนเสกสรรปั้นแต่งได้ทั้งนั้น

แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็น่าอิจฉา“บิ๊กอ๊อด”อย่างมาก เพราะแวดล้อมล้วนมีแต่สิ่งที่เจริญหูเจริญตา เอาเป็นว่าขอให้เพลิดเพลินกับการทำหน้าที่ เป็นตำรวจที่ประชาชนรัก และเป็นที่รักของลูกน้องทั้งหลายสมความตั้งใจ

ผ่านเรื่องฟรุ้งฟริ้งของท่าน ผบ.ตร.ไปแล้ว มาเรื่องเครียดๆ ที่ลูกน้องของท่านส่งไลน์กันกระจายในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือ คำสั่งให้จัดระเบียบร้านสวัสดิการตำรวจ และการใช้น้ำ-ไฟ ปรากฏว่า มีเสียงก่นจากบรรดาตำรวจชั้นผู้น้อย ถึงขั้นว่าท่านจะมาห้ามเขาทำไม ในเมื่อส่วยสีเทาต่างๆ ก็ห้าม พอจะทำมาหากินเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าขนมลูก เจ้านายก็ดันมาห้าม เอาเป็นว่าคงไม่ต้องพูดอะไรมาก ลองให้สต๊าฟหาอ่านเอาในโลกโซเชียล ท่านจะได้ทราบความในใจของลูกน้อง

อีกเรื่องที่ไม่เขียนถึงไม่ได้ สัปดาห์นี้ขอหากินกับคำสั่งราชการอีกครั้งหนึ่ง ที่สะท้อนถึงวุฒิภาวะ รวมทั้งอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย แทบจะเรียกว่า “เปลือย”ตัวตนของตำรวจในยุคนี้เลยก็ว่าได้ และก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์อะไร โปรดพิจารณาอย่างละเอียด

....ที่ กห ๐๒๐๑/๕๗๗ กระทรวงกลาโหม ถนนสนามไชย กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐

๒๖ เมษายน ๒๕๕๘

เรื่อง การนับเวลาราชการเป็นทวีคูณของข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

เรียน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ตามที่มีประกาศกองทัพบกฉบับที่ ๑/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เรื่อง การประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๒/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เลิกใช้กฎอัยการศึก ตามประกาศทั้งสองฉบับ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ นั้น

กระทรวงกลาโหมพิจารณาแล้ว เห็นว่า การที่ให้ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก มีสิทธินับเวลาราชการในระหว่างนั้นเป็นทวีคูณได้ตามหลักเกณฑ์ใน มาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการ พ.ศ.๒๔๙๔ และ ฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมอยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาให้ข้าราชการ ซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ให้ได้รับสิทธินับเวลาราชการเป็นทวีคูณ

ดังนั้น เพื่อเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจให้แก่ข้าราชการทหาร ลูกจ้างพนักงานราชการ ในสังกัดกระทรวงกลาโหม และทหารกองประจำการ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยากลำบากและมีความเสี่ยงอันตราย ได้รับสิทธินับเวลาราชการเป็นทวีคูณโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติหลักการให้ข้าราชการทหาร ลูกจ้าง พนักงานราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม และทหารกองประจำการที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตที่ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ได้รับสิทธินับเวลาราชการเป็นทวีคูณ

จึงเรียนมาเพื่อกรุณาพิจารณาดำเนินการต่อไป

ขอแสดงความนับถือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

.....อ่านฉบับนี้แล้วลองมาอ่านอีกฉบับ จากสำนักเลขาธิการคณะนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘

เรื่อง การนับเวลาราชการทวีคูณเพื่อประโยชน์ในการคำนวณบำเน็จบำนาญ

เรียน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

อ้างถึง หนังสือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ ตช.๐๐๐๙๒๕๓/๑๑๑๐ ลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘

ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขอทราบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณในห้วงเวลาที่มีประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร (ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) เพื่อประโยชน์ในการคำนวณบำเหน็จบำนาญ ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่แล้วไม่พบว่า ในห้วงเวลาที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ( ตั้งแต่ ๒๐ พฤษภาคม

๒๕๕๗ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดหลักเณฑ์ในการพิจารณาให้ข้าราชการได้การนับเวลาราชการเป็นทวีคูณแต่ประการใด

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี 

....หนังสือสองฉบับ เมื่ออ่านอย่างละเอียด แม้จะไม่มีฉบับต้นเรื่อง ที่ ตร.สอบถามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนับเวลาราชการทวีคูณในช่วงประกาศกฎอัยการศึก ก็พอสรุป และคงความเห็นได้ว่า งานนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ในฐานะผู้นำองค์กร คงได้รู้สึกหน้าชากันบ้าง เพราะเป็นการปฏิเสธอย่างตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ทำให้เกิดคำถามต่างๆ ตามมาพอสมควร เช่น เป็นความผิดพลาดของ ตร.หรือไม่ ที่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องเสียโอกาสในการได้สิทธิ์นับทวีคูณเวลาราชการ หรือ ทหารไม่ให้เกียรติ เข้าทำนองเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ตำรวจบางนายมีคำถามว่า ทหารได้ ทำไมตำรวจไม่ได้

แน่นอนว่า เรื่องนี้คนที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดก็คือ ผบ.ตร. เพราะหากปล่อยให้ความเข้าใจผิดๆ หรือเป็นสังคมซุบซิบโพสต์กันไป ไลน์กันมา ย่อมไม่เกิดผลดีต่อส่วนรวมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะทัศนคติของข้าราชการทั้งสองหน่วยงานดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม มองตามเนื้อผ้า มองด้วยความเป็นจริงก็ต้องยอมรับว่า ตำรวจเองนั้นเป็นเพียง “หางเครื่อง” ของการยึดอำนาจมาทุกครั้งทุกสมัย ตำรวจพร้อมมายืนเคียงข้างกับผู้ชนะเสมอ ไม่เชื่อก็ขอให้ดูทุกครั้งของการปฏิวัติที่ผ่านๆ มา

ประการสำคัญ “บิ๊กตำรวจ”หลายนายน่าจะได้รับสิทธิ ได้รับการตอบแทนไปอย่างพร้อมเพรียงแล้วตัวอย่าง เช่น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นผู้กำหนดสเปก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง และนายตำรวจในระดับ ผบช. - ผบก.-ผกก. จนถึงสารวัตร ล้วนอยู่ในเครือข่ายสายอำนาจของนายตำรวจที่ทหารไว้ใจทั้งสิ้น... นี่แหละ คือรางวัลที่เด็ดสุด น่าจะถูกใจกว่าการนับทวีคูณอายุราชการ

ยิ่งไปกว่านั้น หมวกอีกใบของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แทนที่จะใช้วิธีทำหนังสือส่งไปยังสำนักเลขาคณะรัฐมนตรีฯ ท่าน ผบ.ตร. ทำไมไม่ใช้ความสนิทสนมตรงนี้ถามกันตรงๆ ล่ะ “พี่ป้อมให้ทหารไปแล้วน้องๆ ตำรวจเขารออยู่นะครับ” ได้ไม่ได้ “บิ๊กบราเธอร์”คงมีคำตอบกับน้องๆ ตำรวจทุกคน ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือให้เมื่อยตุ้ม

ประเด็นนี้จึงต้องกลับไปยังเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งในระยะหลังมักมีข่าวไม่สู้ดีเกี่ยวกับตำแหน่ง ผบ.ตร. มาโดยตลอด

เป็นไปได้หรือไม่ ที่สัมพันธภาพเริ่มง่อนแง่นจนเกิดช่องว่าง หรืออาจจะเป็นเชิงของตำรวจ แกล้งลักไก่ทำหนังสือสอบถามไปโดยไม่รู้ว่านั่นคือหายนะที่ทำให้เสียฟอร์ม เสียงรังวัด เรียกว่าหน้าแหกยิ่งกว่าริ้วปลาช่อนเสียอีก

สรุปรวมสถานการณ์แวดวงสีกากี ไม่ว่าจะเป็นกรณีการค้ามนุษย์ที่กำลังเป็นปัญหากับอียู และสหรัฐอเมริกา จนอาจสั่งห้ามอาหารทะเลเข้าไปค้าขายในประเทศเขา เหตุการณ์พบสุสานโฮริงญา ที่สอบพบว่ามีสีกากี และสีเขียว เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เก้าอี้ ผบ.ตร. ก็คงมีอุ่นๆร้อนๆกันบ้าง
 
“บิ๊กอ๊อด”อยากให้ตำรวจเป็นที่รักของประชาชน ท่านก็ควรทำตัวให้เป็นที่รักของทหารด้วย โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และรองนายกฯ ทหารมีจิตใจนักเลงก็จริง แต่ถ้าหมดรัก ก็อยู่ลำบาก



กำลังโหลดความคิดเห็น