xs
xsm
sm
md
lg

โหมโรง “ผบ.ตร.” คนใหม่ตัวเต็งส่อเป็นตัวเกร็ง?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร.
สน.พระอาทิตย์

ปัญหาที่จะเป็นอุปสรรคขวาง “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ในการขยับสู่จุดสูงสุดในชีวิตราชการปีนี้ มีแค่เรื่อง “อาวุโส” เพราะตามอาวุโสระดับ “รอง ผบ.ตร.” ชื่อ “บิ๊กแป๊ะ” จะอยู่ลำดับท้ายๆ และอายุราชการที่ยังเหลืออยู่อีกหลายปี เนื่องจากเกษียณอายุราชการปี 2563 เป็นแรงต้านสำคัญ หากขึ้นเป็น “ผบ.ตร.” วันที่ 1 ต.ค. 2557 จริงๆ ก็จะปิดหัวการเติบโต-การเปลี่ยนแปลงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึง 6 ปี เต็มๆ อะไรที่ดูแน่ๆ ก็เริ่มชักจะไม่แน่เสียแล้ว!!!

มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวง “สีกากี” เชื่อมโยงกับทิศทาง “สำนักปทุมวัน” ในอนาคต ต่อเก้าอี้ “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” หรือ “ผบ.ตร.” คนที่ 11 ที่จะรับไม้ต่อมือจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ที่ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้

ตัวเต็งที่ว่าแน่ๆ อาจจะกลายเป็นตัวเกร็งก็ได้ใครจะรู้

แม้ระยะเวลาการนั่งเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ตามอายุราชการของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ จะยังเหลืออยู่ถึง 5 เดือน หรือเกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน 2558 (ยกเว้นจะเกิดอุบัติเหตุอะไรให้จำต้องลุกจากเก้าอี้ก่อนเวลา) แต่โฟกัสการช่วงชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” คนใหม่ ก็ดูท่าจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ก่อนหน้านี้ชื่อ “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ดูจะโดดเด่นและเป็นที่พูดถึงของคนสีกากีว่ามีโอกาสที่จะก้าวกระโดดขึ้นมาเป็น “ผู้นำ” คนใหม่อย่างสูง เพราะดูเหมือนจะเป็นนายตำรวจดาวรุ่ง ที่ได้รับการโปรโมตจาก พล.ต.อ.สมยศ ให้รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม รับผิดชอบคดีสำคัญๆ ซึ่งถือเป็นใบเบิกทางในการสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวบ้าน ต่อสายตาสังคม ต่อสายตา “ผู้ใหญ่”

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ชนิด “พี่เลิฟ-น้องรัก” ยิ่งทำให้ “บิ๊กแป๊ะ” ถูกแปะชื่ออยู่ในแคนดิเดตลำดับต้นๆ

ปัญหาที่จะเป็นอุปสรรคขวาง “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ในการขยับสู่จุดสูงสุดในชีวิตราชการปีนี้ มีแค่เรื่อง “อาวุโส” เพราะตามอาวุโสระดับ “รอง ผบ.ตร.” ชื่อ “บิ๊กแป๊ะ” จะอยู่ลำดับท้ายๆ และอายุราชการที่ยังเหลืออยู่อีกหลายปี เนื่องจากเกษียณอายุราชการปี 2563 เป็นแรงต้านสำคัญ หากขึ้นเป็น “ผบ.ตร.” วันที่ 1 ต.ค. 2557 จริงๆ ก็จะปิดหัวการเติบโต การเปลี่ยนแปลง ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึง 6 ปี เต็มๆ

อะไรที่ดูแน่ๆ ก็เริ่มชักจะไม่แน่เสียแล้ว!!!

และความไม่แน่ที่ดังกล่าวก็ดูจะไปสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กเอก” พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ซึ่งเคยเป็นคู่แคนดิเดตชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” กับ พล.ต.อ.สมยศปีก่อน ช่วงนั้นมีข่าวลือว่าทั้งคู่มีแรงสนับสนุนที่พลังเต็มเปี่ยมทั้งคู่ เลยต้องตกลงให้ พล.ต.อ.สมยศเป็นก่อนเพราะเกษียณก่อน จากนั้นค่อยแตะมือ พล.ต.อ.เอกนั่งเก้าอี้ “ผบ.ตร.” อีกปี

แต่พอหลังจาก พล.ต.อ.สมยศได้เป็น “ผบ.ตร.” เรียบร้อย ดูเหมือน พล.ต.อ.เอก จะเงียบหายจากความเคลื่อนไหวภายในรั้วปทุมวันพักใหญ่ กระทั่ง ณ ตอนนี้ ชื่อ พล.ต.อ.เอกกลับมามีบทบาทใหม่อีกครั้ง และบทบาทใหม่ที่ “บิ๊กเอก” กลับมาดูจะสวยหรู และมีนัยให้น่าขบคิดไม่น้อย

พล.ต.อ.เอกได้รับมอบหมายเป็นผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร.) ซึ่งเป็นเนื้อหาที่สอดรับการนโยบายงานด้านการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ของรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้ความสำคัญอย่างมาก

ท่าที พล.ต.อ.เอก ที่สนองตอบนโยบายการปราบปรามการค้ามนุษย์ การลงพื้นที่จัดระเบียบ กวดขันแรงงานต่างด้าวในทุกกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้อง ชนิดที่ไม่ได้เห็นมานานหลายเดือนก่อนหน้านี้ ดูจะบงชี้ว่า “บิ๊กเอก” น่าจะได้รับสัญญาณอะไรบางอย่างให้ลุยสร้างผลงานอีกครั้งเพื่อปูทางสู่การก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้ “ผู้นำ”

ยิ่งเช็กพลังสนับสนุน “บิ๊กเอก” ด้วยแล้วก็ต้องบอกว่าไม่เป็นสองรองใคร เพราะถือเป็นมือสอบสวน มือกฎหมาย ที่ระดับต้นๆ ของประเทศ ได้รับการยอมรับจากทั้งในแวดวงศาล ทหาร และตำรวจ เป็นมือประสานสิบทิศในทุกวงการ รวมทั้งยังเป็นเพื่อนนักเรียนโรงเรียนวัดนวลนรดิศ รุ่นเดียวกับ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.

อุปสรรคเดียวที่ พล.ต.อ.เอก อาจจะต้องเผชิญและต้องฟันฝ่า คือ การไม่ใช่นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) เพราะเป็นนักเรียนนายร้อยอบรม ซึ่งมีนายตำรวจไม่มากนักที่มาจาก นักเรียนนายร้อยอบรม จะได้รับการโปรโมทให้ขึ้นเป็น ผู้นำสีกากี

อีกหนึ่งรายที่ไม่ควรมองข้าม และกำลังแรงอยู่ในแวดวง “สีกากี” ตอนนี้ ว่ามีโอกาสขึ้นเป็น “ผบ.ตร.” เช่นกัน คือ “จูดี้” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ซึ่งได้รับมอบหมายจากพล.ต.อ.สมยศ ให้คุมงานปราบปรามยาเสพติด และน่าจะได้แรงหนึ่นจาก “บิ๊กอ๊อด” ระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.31

แต่อุปสรรคสำคัญของ “จูดี้” ก็คือ ภาพคนของ “พรรคเพื่อไทย” ที่ติดตัวอยู่ เพราะช่วงที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พล.ต.อ.พงศพัศ ลาออกจากการเป็นตำรวจไปสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่ก็ต้องผิดหวังพ่ายแพ้ให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อกลับมาเป็นตำรวจก็ยังได้รับมอบหมายจากอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น เลขาฯ ป.ป.ส. การจะสลัดภาพที่ชัดเจนขนาดนี้ขึ้นมาเป็น ผู้นำตำรวจ ในยุครัฐบาลท็อปบูต ที่เข้ายึดอำนาจการบริหารจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆนัก

กระนั้นสิ่งที่สะท้อนออกมาจากความเคลื่อนไหวต่อการช่วงเชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” คนใหม่ ด้วยตัวเลือกที่เพิ่มขึ้น ขนิดที่ไม่มีใครมีน้ำหนักมากกว่ากัน ดูจะสะท้อนภาพให้เห็นว่า เก้าอี้ “ผบ.ตร” ต่อจาก พล.ต.อ.สมยศ ยังไม่มีใครยึดได้เด็ดขาด นายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร. หรือเทียบเท่า ยศ พล.ต.อ. อยู่ในราชการทุกนาย มีสิทธิ์ที่จะก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จสูงสุดบนอาชีพราชการ

นั่นก็จะเป็นผลดีที่จะทำให้แคนดิเดตต่างๆ จะต้องทำงานอย่างหนัก ซึ่งผลก็จะตกกับประชาชนที่จะได้รับประโยชน์จากการทำงานที่เต็มที่ จริงจัง ของตำรวจในการช่วงชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ครั้งนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น