ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 แบบถี่ยิบ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตรงไหนท่อรั่ว ท่อตัน คว้ากระบองในมือแทงทะลวงเรียบวุธ ล่าสุดเรื่องหวยโคตรแพง ส่งน้องรัก “บิ๊กแดง”พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เข้าไปชำระล้างสะสาง ในฐานะที่รู้จักเส้นสนกลในวงการมาเฟียเป็นอย่างดี
ทว่ามาตรา 44 ก็ไม่สามารถจะช่วย “บิ๊กตู่”ได้ดั่งใจทุกอย่าง เพราะบางเรื่องก็เหนือการควบคุม อย่างปมหวยแพง รับรู้กันอยู่ว่ามันสลับซับซ้อนเกินกว่าคนภายนอกจะเข้าใจ ที่ว่า “เจ๊แดง”หรือ “เจ๊สะเรียง”เป็นเสือตัวใหญ่ในวงการสลากฯ ทำไปทำมาก็เป็นเพียงตัวเล็กๆ เท่านั้น หลังมีการเปิดเผยกันว่า
มูลนิธิสำนักงานสลากฯ นี่ล่ะเจ้าของโควตาที่ได้มากที่สุด ครอบครองโควตาสลากมากถึง 14 กว่าล้านฉบับต่องวด
เสือตัวใหญ่ตัวจริงรู้กันเพียงเป็นบุคคลที่หลบอยู่หลังฉากมูลนิธิฯ เพราะมูลนิธิฯ เป็นเพียงนอมินีถือสลากไว้ให้เท่านั้น ดังนั้น จึงเป็นปัญหาที่ “บิ๊กแดง”ต้องแสดงฝีมือให้เห็น ต้องล้วงเข้าไปจับให้ถูกจุด ใครคือคนข้างหลังมูลนิธิฯ และใครมารับต่อจากมูลนิธิฯ ซึ่งต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ไม่เช่นนั้นปัญหาคงไม่คาราคาซังกันมาจนถึงทุกวันนี้
ต้องวัดใจกันว่า กล้าหรือไม่ !!!
เหลือบไปดูปมร้อนไฟลวก กรณีพบศพชาวโรฮิงญาหลายสิบศพ บนเทือกเขาแก้ว ชายแดนไทย -มาเลเซีย ที่ อ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ที่งานนี้ต้องถึงมาตรา 44 กันอีกหน หากเคลียร์ปมเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะเรื่องใหญ่ไม่ใช่ประเด็นฆาตกรรมธรรมดา แต่เป็นปมค้ามนุษย์ระดับชาติ ที่ทั่วโลกไม่ยอมรับ ขืนแก้ไม่ได้ จะลุกลามใหญ่โตจนซวยกันทั้งประเทศ เพราะเกิดขึ้นในภาวะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญมรสุมอย่างหนัก
โดยเฉพาะประเด็นการค้ามนุษย์ที่มันอาจไปเข้าทางปืนของพี่เบิ้มสหรัฐอเมริกา ที่เตรียมจะประเมินว่าไทยสมควรจะอยู่ในระดับเทียร์ 3 ต่อไปหรือไม่ ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ข่าวแพร่สะพัดว่า เอ็นจีโอยุโรป กำลังวิ่งล็อบบี้สหรัฐฯ อย่างหนัก เพื่อเหนี่ยวรั้งตรึงไทยไว้ที่เดิม เป่าหูว่าไม่ต้องไปสนใจรัฐบาลไทยจะพยายามแก้ไขปัญหาอย่างไร ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพญาอินทรี เองก็ง่อนแง่นไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่อยู่แล้ว อาจมีการแอบหยิบประเด็นนี้มาเป็นเหตุผลในการตอกลิ่มไทยให้จมดิน
ก่อนหน้านี้ทีมงานเนื้อเดียวกันของสหรัฐฯ อย่างก๊วนอียู ก็เพิ่งจะควักใบเหลืองให้กับไทย ประเด็นแรงงานประมงที่แทบจะแยกไม่ออกกับเรื่องการค้ามนุษย์ อาจเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดให้สหรัฐฯ หยิบทั้งสองเรื่องเข้าไปผูกกัน แล้วจับไทยมัดตราสังข์ให้อยู่ เทียร์ 3 เหมือนเดิม ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่ โดยเฉพาะในแง่เศรษฐกิจ ที่จะกระทบภาคส่งออกที่เป็นกระเป๋าเงินกระเป๋าทองของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
งานนี้คนเดือดร้อนคงไม่พ้นรัฐบาลสีลายพรางของ “บิ๊กตู่”ที่ได้ปวดกบาลเพิ่ม
ด้วยเหตุนี้เลยได้เห็นภาพ “บิ๊กตู่”และทีมงานแทบจะดิ้นเหมือนโดนไฟลน สั่งทุกองคาพยพที่เกี่ยวข้องลงไปชำระสะสางเป็นการด่วน ต่อให้ต้องงัดไม้ตาย มาตรา 44 ออกมาใช้ก็ต้องทำ รีบสั่งย้ายฟ้าผ่า 5 เสือ สภ.ปาดังเบซาร์ และตำรวจน้อยใหญ่ในพื้นที่เกือบครึ่งร้อยเข้ากรุแบบไม่ต้องยั้งคิด ออกหมายจับผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่มีส่วนเข้าไปพัวพัน ทำทุกอย่างเสร็จสรรพ แล้วให้ “เสธ.ไก่อู”พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเงาเสียงคนปัจจุบัน ออกมาขู่เชือดเจ้าหน้าที่ และผู้มีอิทธิพลแบบไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ทำให้ทุกอย่างรวดเร็วฉับไว เท่าที่จะทำได้
รัฐบาลรู้เต็มอกว่าปมโรฮิงญา จะถูกวกเข้าประเด็นค้ามนุษย์ ที่กำลังจะมีการประเมินกันอยู่อีกไม่กี่วันข้างหน้าแน่ เลยหวังแก้เกมสหรัฐฯแบบไทยๆ ในทำนองว่า ในเมื่อจุดเกิดเหตุอยู่ในประเทศไทย ก็ไม่ปิดบัง แถมยังเปิดเผย ปล่อยให้เล่นข่าวรายวัน เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้โปร่งใส ไม่ได้เล่นตุกติก แม้จะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับที่ อียูเพิ่งให้เวลา 6 เดือน ในการแก้ไขปัญหาก่อนจะกลับมาประเมินว่า จะถอนใบเหลือง และมอบใบเขียว กลับคืนให้ไทยหรือไม่ หรือจะแจกใบแดง คว่ำบาตรสินค้าประมงของไทยไปเลย
ดูแล้วรัฐบาลตั้งใจจะเล่นบทแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ว่า มีความคืบหน้าตลอด บุกทลายแหล่ง จับกุมผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ ผู้มีอิทธิพล หรือมีการขุดพบหลุมศพชาวโรฮิงญาเรื่อยๆ ทั้งที่ ความจริงสามารถกลบข่าวเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตัวเองในประเด็นค้ามนุษย์ได้แต่ก็ไม่ทำ หวังให้ทั้งสหรัฐฯ และอียูเห็นใจว่า รัฐบาลนี้เอาจริงกับประเด็นค้ามนุษย์มากแค่ไหน
แต่จะฟังขึ้นหรือไม่ เพราะวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมต่างชาติมันต่างกัน ชาติอื่นอาจไม่ได้มามองว่า ไทยแสดงความจริงใจพิสูจน์ความโปร่งใส ซึ่งประเด็นปัญหาสำคัญคือ มีการใช้ไทยเป็นจุดพักของชาวโรฮิงญาในการส่งตัวไปประเทศต่างๆ มานานหลายสิบปี ในวงการค้ามนุษย์รับรู้กันว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐ มาเฟีย ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เกี่ยวข้อง แต่เหตุใดเราไม่รู้ หรือไม่มีการแก้ไขปัญหา ปล่อยปละละเลยจนเป็นแหล่งพักขบวนการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่
แม้ไทยจะเป็นทางผ่านเหมือนที่ภาครัฐพยายามอ้าง แต่คนพวกนี้จะลักลอบกันเข้ามาได้อย่างไร หากไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยยักคิ้วหลิ่วตา ที่สำคัญลำพังเจ้าหน้าที่รัฐตัวเล็กๆ ไม่มีน้ำยาทำการใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ หากแต่มีตัวการใหญ่คุ้มกะลาหัวอยู่ ในสภาพความเป็นจริง ขบวนการมหึมาขนาดนี้ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ทำกันเองได้หรือไม่ รัฐเองก็ต้องรู้อยู่แก่ใจ
การเอาจริงเอาจังกับขบวนการค้ามนุษย์ ที่ไทยจะพิสูจน์ให้ต่างชาติจับตาดูอยู่ได้เห็นเป็นเนื้อเป็นหนังที่สุดคือ การลากคอผู้อยู่เบื้องหลังออกมาประจานโลก ต้องเปิดโปงขบวนการทั้งหมดตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง แล้วจับตัวมาลงโทษ ไม่ใช่สักแต่บอกว่ารู้ตัวแล้ว สืบถึงต้นตอแล้ว แต่จับไม่ได้สักคน ตัวการหนีเตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหน เหมือนกับหลายๆ คดี ที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากปมโรฮิงญา หนนี้จบลงอีหรอบเดิม จับได้แค่ปลาซิวปลาสร้อย โอกาสที่ไทยจะคาอยู่ เทียร์ 3 เหมือนเดิมมีสูงลิ่ว
ปัจจัยเหล่านี้มันอยู่นอกเหนืออำนาจ มาตรา 44 จะแก้ได้ นอกจากความตั้งใจ และความกล้าในการแก้ไขปัญหา จุดบอดของรัฐบาลวันนี้คือ มีอำนาจล้นฟ้า แต่ไม่เคยกระชากหน้ากากผู้อยู่เบื้องหลังได้เลยสักราย !!!