ผบ.ตร.เผยนายกเล็กปาดังเบซาร์ มอบตัวบงการค้าโรฮิงญาชี้เป็นตัวการใหญ่ “เอก” เผยเตรียมเปิดปฏิบัติการค้น “เขาแก้ว สันกาลาคีรี” รื้นค่ายพักค้ามนุษย์
วันนี้ (8 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุม ชี้แจงแผนการปฏิบัติแบบบูรณาการตามยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชน สตรี และปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.พดส.ตร.) ที่ปรึกษา (สบ 10) ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้บัญชาการทุกพื้นที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจสันติบาล ร่วมประชุม
พล.ต.อ.สมยศกล่าวภายหลังประชุมว่า วันนี้ประชุมมอบนโยบายการปราบปรามการค้ามนุษย์ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติตามแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้แนวทางสั่งการไว้เพื่อให้หน่วยปฏิบัติรับทราบแนวทางการทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยปละละเลย ไม่ให้การช่วยเหลือ เกี่ยวข้อง หรือมีผลประโยชน์กับขบวนการการค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด เห็นว่าที่ผ่านมา พล.ต.อ.เอก รอง ผบ.ตร. และผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ที่มีเหตุเกิดขึ้นได้เสนอให้ย้ายตำรวจที่มีส่วนสนับสนุน ละเลย และรับผลประโยชน์มาช่วยราชการที่ตร. ส่วนนี้ไม่ใช่มาตรการขั้นต้น ขั้นต่อไปจะมีการสืบสวนสอบสวน หากมีหลักฐานชัดเจนว่าเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะเสนอย้ายออกจากพื้นที่ทันที จากนั้นหากหลักฐานเพียงพอก็จะดำเนินคดีอาญา
“ผมได้ย้ำกับ พล.ต.อ.เอก ว่าให้ทำอย่างตรงไปตรงมา เต็มที่ ไม่ต้องเกรงกลัวหรือเกรงใจใคร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติ เราตระหนักดีว่าวันนี้สิ่งที่เราทำเพื่อช่วยเหลือแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ตามกลไกของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีตั้งใจมุ่งมั่นแก้ปัญหานี้ให้ไทยพ้นจากการจัดลำดับเทียร์ 3 ของสหรัฐอเมริกา และถูกไอยูยูเฝ้ามองถึงขนาดเตือนว่าจะมีคำสั่งไม่ทำมาค้าขายธุรกิจกับประเทศไทยเพราะเรื่องการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานที่ผิดกฎหมาย ใช้แรงงานทาส ทั้งนี้ ผมขอบคุณ พล.ต.อ.เอก ที่ทุ่มเทการทำงานเรื่องนี้” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ได้รับรายงานล่าสุดว่าขณะนี้ตำรวจในพื้นที่ภาค 9 ได้คุมตัวผู้เกี่ยวข้องรายสำคัญในขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญาซึ่งเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง เป็นเบอร์ 1 ของขบวนการนี้ เป็นนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ตำบลปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา วันนี้จะยื่นขอศาลออกหมายจับบุคคลนี้ นอกจากนี้ยังจับกุมมือปืนซึ่งเป็นมือทำงานให้กับผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ มือปืนคนนี้มีหน้าที่ฆ่า จัดการกับคนที่ขัดขวาง เป็นการจับตามหมายจับที่ออกไปแล้วก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการโยกย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ในประเด็นอื่นๆนอกเหนือจากเรื่องโรฮิงญาหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ถ้าหากเรามีหลักฐานเพียงพอหากดำเนินคดีอาญาได้ก็ดำเนินการเฉียบขาด หากเป็นหลักฐานลับและผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ยืนยัน ว่าข้าราชการตำรวจเหล่านั้นมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ สนับสนุน ได้ประโยชน์รวมถึงกรณีที่ปล่อยปละละเลยก็จะดำเนินการ
“หากพบตำรวจเกี่ยวข้องต้องดำเนินการลงโทษ ต้องทำงานเต็มที่ผู้บังคับบัญชาก็เหนื่อย พล.ต.อ.เอกต้องบินขึ้นบินลงทุกวัน ท่านเอกก็เหนื่อย หากเห็นผู้บังคับบัญชาทำงานเต็มที่อย่างนี้ แต่คนในพื้นที่ทำเฉยชาก็ต้องมีคนที่ตั้งใจทำงานมากกว่าไปทำแทน เท่านั้นเอง และผมคิดว่าหากเข้าพบนายกรัฐมนตรีจะขอว่าหากให้ผมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและชัดเจนต้องให้อำนาจผมให้คุณให้โทษได้ในหน่วยงานตัวเอง” ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่าหากพบข้าราชการหน่วยอื่น เช่น ทหาร ฝ่ายปกครองเข้าไปเกี่ยวข้องปัญหาการค้ามนุษย์ ให้เสนอให้พิจารณาโทษด้วยอย่างไร ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนได้หารือกับพล.ต.อ.เอก ว่าให้ตำรวจสืบสวนหาข้อมูลว่ามีข้าราชการคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้างเฉพาะแต่ตำรวจเท่านั้น หากพบข้าราชการหน่วยอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่อยู่นอกเหนืออำนาจที่ตนจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดได้ก็จะต้องนำหลักฐานข้อมูลเหล่านั้นกราบเรียนนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อจะได้นำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจแก้ปัญหา
ผบ.ตร.กล่าวว่า ในช่วงที่สหรัฐกำลังประเมินผลการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ของไทยนั้น ตำรวจและรัฐบาลกำลังทำอย่างเต็มที่ ตำรวจพร้อมทำงานในความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนหน่วยงานอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อทำงานร่วมกัน เพื่อให้เห็นว่าเรามีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหา และปัญหาที่หมักหมมมาหลายปีกำลังได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ด้าน พล.ต.อ.เอก กล่าวถึงความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาในพื้นที่ จ.สงขลา ต่อเนื่อง จ.สตูลว่า เดิมออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนนี้ไปแล้ว 18 คน จับกุมได้ 3 คน เข้ามอบตัว 2 คน อายัดตัว 1 คน และจะต้องติดตามจับกุมอีก 12 คน โดยล่าสุดวันนี้ พล.ต.ท.มนตรี โปรตระนันทน์ ผบช.ภ.9 รายงานข้อมูลจาก ศปก.ตร.ส่วนหน้าจ.สงขลา ว่าเช้านี้ขออนุมัติหมายจับอีก 11 ราย และกำลังขออนุมัติอีก 7 ราย รวมวันนี้ 18 ราย ทำให้ขณะนี้มีผู้ต้องหาในขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญานี้รวม 36 ราย และล่าสุดวันนี้ รับรายงานว่า นายบรรณจง ปองผล นายกเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ ผู้ต้องหารายสำคัญเป็นเบอร์ 1 ของขบวนการนี้ที่กำลังขอศาลออกหมายจับได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งในเวลา 15.00 น.วันนี้จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ส่วนตำรวจที่เกี่ยวข้องถูกออกหมายจับจะเรียกมารายงานตัวและแจ้งข้อกล่าวหา
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ในคดีค้ามนุษย์ขบวนการดังกล่าวมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นเกี่ยวพัน 2 คดีคาบเกี่ยวพื้นที่ จ.สตูล และตำบลปาดังเบซาร์ อ.สะเดา โดยสืบสวนพบว่า มีนายสุพจน์ หมื่นซิ่ว เป็นผู้ต้องหาซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในขบวนการค้ามนุษย์ที่ปาดังเบซาร์ด้วย ทั้งนี้ต้องชื่นชมตำรวจภูธรภาค 9 ที่สามารถติดตามจับกุมนายสุพจน์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตรวจค้นที่พักหาหลักฐานในการกระทำความผิด รับรายงานว่าพบของกลางเป็นระเบิดจำนวนหนึ่ง โดยจะแถลงข่าวอีกครั้ง ส่วนความเกี่ยวพันของผู้ต้องหาในขบวนการนี้โดยเฉพาะนายสุพจน์กับนายกเทศบาลปาดังฯ นั้นไม่ขอเปิดเผยเพื่อความสะดวกในการสืบสวนสอบสวน อย่างไรก็ตามจะขยายผลออกหมายจับเพิ่มเติมอีก ไม่หยุดเพียงเท่านี้ จะโยงใยถึงผู้บงการเกี่ยวข้องในพื้นที่อื่นๆ แน่นอน
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นพบการค้ามนุษย์ในพื้นที่ต่อเนื่อง เร็วๆ นี้ตำรวจภาค 9จะเปิดปฏิบัติการปิดปลายทาง เอกซเรย์ทุกพื้นที่ที่อาจใช้เป็นที่พักรอในการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะพื้นที่เทือกเขาแก้ว เทือกเขาสันกาลาคีรี พรมแดนไทย-มาเลเซีย ระยะทาง 16 กิโลเมตร โดยจะตรวจพื้นที่แนวยอดเขาทั้งหมดว่ายังมีจุดใดใช้เป็นค่ายพักรออีกหรือไม่ จะมียุทธการในการตรวจค้นทำลาย และเสริมมาตรการป้องกันในบริเวณชายฝั่งทะเลของจังหวัดสตูลซึ่งเป็นแนวทอดยาวหลายกิโลเมตร โดย พล.ต.ท.มนตรีได้ออกแผนบูรณาการกำลังตั้งด่านสกัด เรามั่นใจว่าหากมีมาตรการในเชิงรุกในด้านการป้องกันทั้งในพื้นที่ จ.สงขลา และสตูลได้แล้ว ที่เป็นจุดทางออกสำคัญ การแก้ปัญหาในการอพยพย้ายถิ่นฐานของชาวโรฮิงญา การแก้ปัญหาค้ามนุษย์จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เชื่อว่าหากสกัดปลายทางได้ก็จะสกัดต้นทาง กลางทางไปในตัว โดยทางกองทัพก็ช่วยสกัดกั้นทางทะเล
พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า ยืนยันว่าตอนนี้ตำรวจที่ร่วมคลี่คลายคดีนี้ทำอย่างเต็มที่ร่วมมือกันดีทุกหน่วย มีความคืบหน้าต่อเนื่อง ทั้งนี้ที่ออกหมายจับทั้งหมด 36 คนในขณะนี้ มีตำรวจเพียง 2 นาย ข้อราชการอื่นๆ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน นายกอบต.นายกฯเทศมนตรี นักการเมืองท้องถิ่น นายก อบจ. รองนายก อบจ. สมาชิกสภาเทศบาลตำบลปาดังฯ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ส่วนที่มีกนระแสข่าวว่าทหารชั้นยศต่างๆเกี่ยวข้องนั้นตนยังไม่ได้รับรายงาน ในส่วนที่ตนรับผิดชอบไม่มี ที่ผ่านมามีข้อมูลข่าวสารต่างๆเข้ามาตลอด ทุกข้อมูลต้องพิสูจน์ทราบ และมีหลักฐานก่อนจะกล่าวอ้าง ไม่มีการเหวี่ยงแห ทุกอย่างต้องมีหลักฐานมีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนจะขออนุมัติหมายจับ ไม่กล่าวหาใครโดยไม่มีหลักฐาน ผบ.ตร.ย้ำว่าดำเนินการดำเนินคดีผู้ที่พบหลักฐานเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด
“คดีนี้มีปัจจัยกดดันหลายเรื่องทั้งสภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ของข้าราชการในพื้นที่กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ยืนยันว่าตอนนี้สืบสวนขยายผลถึงตัวการใหญ่ เปิดเผยแล้ว ขณะนี้เบอร์ 1 ของขบวนการนี้คือนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ ยังไม่มีใหญ่กว่านี้ แต่ยังขยายผลต่อ กฎหมายที่มีอยู่พอบังคับใช้ให้มีประสิทธิภาพ ปัญหาที่การสืบสวนสอบสวนที่ต้องทำให้มีประสิทธิภาพ อย่างเช่นคดีนี้ก็ได้ถึงตัวใหญ่ ไม่ใช่แค่ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้น เชื่อว่าการทลายเครือข่ายนี้ได้จากนี้ต่อไปจะไม่มีคนไทยคนใดบังอาจเข้าไปเกี่ยวข้องการค้ามนุษย์ทำธุรกิจประเภทนี้อีก อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนร่วมแจ้งเบาะแส"