xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเบื้องลึกขบวนค้ามนุษย์ “นายหน้าโรฮิงญา”ค้ากันเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถูกปัญหาการค้ามนุษย์รุมเร้ามาโดยตลอด ตั้งแต่การที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ลดระดับความน่าเชื่อถือของไทยให้อยู่ในกลุ่ม Tier 3 หรือเลวร้ายที่สุด ตลอดจนการถูกสหภาพยุโรป ชูใบเหลือง ในเรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย ก็มีสาเหตุหลักมาจากการใช้แรงงานอย่างไม่ถูกต้องเช่นกัน
ไม่แปลกที่ “รัฐบาลประยุทธ์”ต้องเทกแอกชัน เอาจริงเอาจังด้วยการวางมาตรการต่างๆ เพื่อให้“ต่างประเทศ”เห็นถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของรัฐบาล
เพราะมีการส่งออกสินค้าทางทะเลเป็นเดิมพันใหญ่ ที่ บิ๊กตู่ ต้องนำประเทศผ่านพ้นไปให้ได้ แม้รู้ทั้งรู้ว่าเป็นโจทย์ยาก เนื่องจากปัญหาการค้ามนุษย์ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงของรัฐบาลบิ๊กตู่ แต่เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน และต่างประเทศเองก็เตือนรัฐบาลไทยมาหลายยุคแล้ว
และยิ่งเป็นกระแสที่ต้องตามติดกันอีกนาน สำหรับขบวนการ“คนใจบาป” ที่นำ “ชาวโรฮิงญา”ที่ถือเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เอามาเป็น “สินค้า”มาค้าขายกัน เพื่อทำให้ตัวเองร่ำรวยเงินทอง โดยไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม หรือ สงสารเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ยิ่งทำให้รัฐบาลบิ๊กตู่ ติดภาพลบ
ไปอีก
ทว่าภาพลบที่ใครหลายคนอาจจะคิดว่า รัฐบาลบิ๊กตู่ อาจจะเพลี่ยงพล้ำ เพราะประเด็นการเสียชีวิตของชาวโรฮิงญา อาจจะทำให้ สหรัฐอเมริกา ตัดสินใจปรับลำดับความน่าเชื่อถือ ให้อยู่ในระดับ Tier 3 แบบไร้กำหนด
แต่ในทางกลเกมแล้ว อย่าลืมว่า ขณะนี้รายงานการค้ามนุษย์ของไทย ที่ทำส่งไปยังสหรัฐอเมริกา ได้ถูกตรวจทานเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดแล้ว โดยทางคณะกรรมการของสหรัฐอเมริกา ได้ส่งมอบรายงานดังกล่าวให้ “บารัก โอบามา”ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา รับไว้พิจารณา ก่อนที่จะประกาศภายในเดือนพฤษภาคมนี้
**ซึ่งตามรายงานของ หน่วยข่าวกรองของไทย ได้รับข้อมูลยืนยันค่อนข้างตรงกันว่า สหรัฐอเมริกา ต้องการที่จะปรับลดความน่าเชื่อถือการค้ามนุษย์ของ ไทย ให้อยู่ใน Tier 3 ตั้งแต่ต้นแล้ว
เรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะ"บิ๊กเจี๊ยบ" พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รู้ดีว่า “มะกัน”มี วาระซ่อนเร้นกับ รัฐบาลบิ๊กตู่ เพราะในช่วงการทำรายงานการค้ามนุษย์ ว่ากันว่า“บิ๊กเจี๊ยบ”พยายามส่งเทียบเชิญไปยัง“รัฐบาลวอชิงตัน” ให้ส่งเจ้าหน้าที่มะกัน มาช่วยตรวจสอบข้อมูลในสถานที่จริงนับ 10 ครั้ง
แต่ฝ่าย“พญาอินทรี”กลับเพิกเฉย ไม่ส่งคนมาร่วมตรวจสอบ โดยอ้างแบบข้างๆ คูๆ ว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ของสหรัฐอเมริกา มีจำนวนไม่เพียงพอ และมีภารกิจในหลายประเทศ จึงไม่มีเวลาเพียงพอมาตรวจสอบข้อมูลการค้ามนุษย์ของไทย
ถือเป็นสัญญาณที่ทำให้ รัฐบาลบิ๊กตู่ รู้ตัวว่า อย่างไรเสียประเทศไทยคงไม่รอดจากเงื้อมมือของมะกัน ที่ใช้ความเป็นมหาอำนาจ กดหัวให้ “สยามประเทศ”อยู่ในลิสต์ระดับต่ำที่สุด ในเรื่องการค้ามนุษย์ต่อไป
เป็นจังหวะพอดี ที่มีการจับ และกวาดล้างขบวนการค้าโรฮิงญา บ่อยครั้งในระยะหลัง ซึ่งอ่านเกมได้ว่ารัฐบาลประยุทธ์ ไม่ได้หวังผลเพียงเพื่อกวาดล้างให้ “ขบวนการค้าโรฮิงญา” หมดสิ้นเท่านั้น แต่เป็นการหวังผลเพื่อกล่อมให้ สหรัฐอเมริกา มีท่าที หรือทบทวนท่าทีการพิจารณาให้ Tier 3 ของไทย
การไล่ล่าเช็คบิล ขบวนการค้าโรฮิงญา ที่เชื่อกันว่ามี “เจ้าหน้าที่รัฐของไทย”เข้าไปมีเอี่ยวตั้งแต่ต้นทางก่อนที่จะส่งออกไปตามแนวชายแดน เป็นแค่การเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อกระทบชิ่งไปยังสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงอียู ด้วย
อย่าลืมว่าการจ่าย “ส่วย”ให้กับ เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ยังคงมีอยู่ หรือแม้กระทั่งคนใน กองทัพ ที่จ้องกินรวบอยู่ก็มีมาก การโอนย้ายอำนาจให้ “กองทัพเรือ”เข้ามาดูแลแก้ปัญหา และจัดระเบียบการทำประมงผิดกฎหมาย ฟันธงได้เลยว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาการค้าโรฮิงญา ได้
ตามข้อมูลเชิงลึกพบว่า การค้าโรฮิงญา ลำพังเพียง คนไทย ไม่สามารถที่จะกระทำได้อย่างสะดวกโยธิน เพราะกระบวนการนำตัวชาวโรฮิงญา มาให้หลงเชื่อว่า มีงานที่ดีคอยรองรับ คงเป็นเรื่องยากที่คนไทย จะไปเกลี้ยกล่อม
ดังนั้น การค้าโรฮิงญา ต้องอาศัยคนโรฮิงญาด้วยกันเอง จึงไม่แปลกที่เราจะเห็น “โรฮิงญา”จำนวนมาก ที่หลงเชื่อว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น หากยอมลงเรือมาทำงานด้วยกัน
ระยะหลังข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคง รู้ดีว่า โรฮิงญามักจะค้า โรฮิงญาด้วยกันเอง หนำซ้ำยังมีการแย่งชิง โรฮิงญากันเองอย่างหนักจนถึงขนาดหักหลังกันเอง บ่อยครั้ง
ว่ากันว่าหากชาว โรฮิงญา ลงเรือมา 1 ลำ มีจำนวน 30 คน จะมีนายหน้า ซึ่งเป็นโรฮิงญา ด้วยกันเอง คอยแฝงตัวมาด้วย อย่างน้อย 3 คน ซึ่งทั้งหมดจะถูกเฉลยว่า ใครเป็น นายหน้า ก็ต่อเมื่อ เหยื่อลงเรือหมดแล้ว
และภายในเรือ จะมีการแย่งชิงโรฮิงญา กันอีกชั้นว่า ใครเป็นคนของใคร
ที่ร้ายไปกว่านั้น นายหน้าโรฮิงญา มักจะรู้จักมักคุ้นกับ เจ้าหน้าที่รัฐของไทย เป็นอย่างดี แต่ นายหน้าโรฮิงญาแต่ละคนจะรู้จัก เจ้าหน้าที่รัฐ กันคนละสาย ซึ่งสายไหนใหญ่กว่า มักจะได้เหยื่อไปมากกว่า
และที่ปรากฏเป็นข่าวในหลายครั้งว่า เจ้าหน้าที่รัฐ จับชาวโรฮิงญา ได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มักจะเกิดจากการหักหลังกันเองของ นายหน้าโรฮิงญา ที่โดนเฉือนโควตา โรฮิงญาให้ลดน้อยลง
เมื่อมีการหักหลังกันเองของนายหน้าโรฮิงญา การจับไปกักขัง หรือนำไปฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ก็เกิดขึ้นมากมาย
อย่างที่รู้กัน“เมืองไทย”เป็นแค่ที่พัก-ที่กบดาน-ทางผ่าน ของโรฮิงญา และยังเป็นทางผ่านของ“แก๊งค้ามนุษย์” จำนวนเงินที่มากมายมหาศาลเป็นเหยื่อล่อให้ เจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมมือกับ“แก๊งใจบาป”
นายหน้าโรฮิงญา ที่ค้า โรฮิงญา มีคอนเนกชันกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้น “เรือ”ที่ลอยลำอยู่ในน่านน้ำไทย ก่อนจะเข้าสู่แผ่นดินไทย คงไม่รอดสายตาเจ้าหน้าที่รัฐไปได้โดยง่าย
การที่“รัฐบาลบิ๊กตู่”แก้ปัญหากวาดล้างเจ้าหน้าที่รัฐ ทำแค่เกาะกระแส และไม่ได้แก้ปัญหาระยะยาว ตราบใดที่ ขบวนการค้ามนุษย์ ยังใช้ไทยเป็น“ทางผ่าน-ที่พัก” เหยื่อมนุษย์ล๊อตใหม่ จะเข้ามาอีกในไม่ช้า
**หากยังไม่เอาจริงกับการตัดช่องทางหาประโยชน์ของ “ขบวนการค้ามนุษย์”ได้เด็ดขาด
กำลังโหลดความคิดเห็น