xs
xsm
sm
md
lg

รสนาจี้นายกฯใช้อำนาจคสช. เรียกคืนสมบัติชาติจากปตท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (5 พ.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล กรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน สปช. ได้โพสต์เฟซบุกส่วนตัว ถึงกรณีท่อก๊าซ ส่วนที่อยู่ในทะเล ซึ่งปตท.ต้องคืนให้รัฐว่า จากกรณี คำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ภายในอาทิตย์นี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและดิฉันจะนำส่งเป็นหลักฐานเพิ่มเติมต่อสตง.ในคำร้องก่อนหน้านั้น ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและดิฉันได้มีถึงสตง. เพื่อให้ตรวจสอบการแบ่งแยกทรัพย์สินให้กระทรวงการคลังถูกต้องตามมติครม. ของพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ หรือไม่ หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งที่ 800/2557 ยกคำร้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและประชาชน1,455 คน ที่ขอให้ศาลปกครองตรวจสอบการแบ่งแยกทรัพย์สินคืนกระทรวงการคลัง ที่ไม่ครบถ้วนเพราะการไม่ปฏิบัติตามมติครม.ของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ที่ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
ในคำสั่งที่ 800/2557 ศาลปกครองวินิจฉัยว่า การไม่ปฏิบัติตามมติครม. ของหน่วยงานดังกล่าวเป็นเรื่องที่หน่วยราชการที่อยู่ภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีต้องไปว่ากล่าวกันเอง (ไม่ใช่หน้าที่ของประชาชนเพราะประชาชนไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ และวินิจฉัยว่า ผู้ร้องทั้ง 1,455 คนได้ร้องซ้ำในคดีที่ศาลได้ตัดสินไปแล้ว)
อย่างไรก็ดี เมื่อเส้นทางหนึ่งถูกปิด ก็มีเส้นทางใหม่ถูกเปิดเช่นกัน พวกเราได้ช่องทางจากคำสั่งฉบับนี้ เมื่อศาลวินิจฉัยว่า "ให้หน่วยงานไปว่ากล่าวกันเอง" ตามพ.ร.บผู้ตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ 2542 สตง.มีอำนาจหน้าที่ที่จะตรวจสอบว่า หน่วยงานที่เป็นหน่วยตรวจรับเหล่านี้ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง มติครม.ครบถ้วนหรือไม่
ในวิกฤติจึงมีโอกาสใหม่เสมอ ถ้าเราไม่ท้อถอยเสียก่อน
นอกจากนี้ คำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ได้วินิจฉัยในประเด็นที่เป็นหัวใจของเรื่องราว ที่ว่าเอกสารรายงานการแบ่งแยกทรัพย์สินของ บมจ.ปตท จำกัด (มหาชน) ที่รายงานต่อศาลปกครอง เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2551ไม่ได้ปฏิบัติตามมติครม. ที่ให้สตง.เป็นผู้ตรวจสอบ และรับรองความถูกต้องในการแบ่งแยกทรัพย์สินเสียก่อน "ซึ่งเป็นการลัดขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญในการแบ่งแยกทรัพย์สิน อำนาจ และสิทธิดังกล่าวออกจากบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ดังนั้น การกล่าวอ้างของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ในคำร้องที่ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดที่ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดครบถ้วนแล้ว จึงเป็นการรายงานที่เป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุดที่ส่งผลต่อการพิจารณาการบังคับคดีของศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้"
ดังนั้น พวกเราจะดำเนินการต่อไป คือไปร้องเพิกถอนคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2551 ที่ตุลาการเจ้าของคดีได้มีคำสั่งเป็นลายมือบนหัวกระดาษในรายงานการแบ่งแยกทรัพย์สินที่ บริษัทปตท. ส่งถึงศาลปกครองสูงสุด ตามหนังสือ ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2551 โดยตุลาการเจ้าของคดีมีคำสั่งเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2551 ว่า "ได้มีการแบ่งแยกทรัพย์สินครบถ้วนแล้ว" ซึ่งเป็นผลจากการรายงานที่เป็นเท็จต่อศาลปกครองตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน
การแบ่งแยกทรัพย์สินนั้น สตง.ที่ได้รับมอบหมายตามมติครม.ให้เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองความถูกต้องในการแบ่งแยกทรัพย์สินถูกกันออกไปจากกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องก่อนรายงานต่อศาลปกครองสูงสุด และตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ปี2551 ไม่มีหน่วยงานรัฐหน่วยงานใด ที่ตามกฎหมายกำหนดให้เป็น"เจ้าของทรัพย์" แทนประชาชน อยากได้ทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินคืน จึงไม่ให้ความสนใจกับรายงานและการทักท้วงของสตง.ตั้งแต่ปี 2551จนถึงปัจจุบันว่า การคืนทรัพย์สินให้แผ่นดินยังไม่ครบถ้วน
เรื่องการติดตามทรัพย์สินของชาติคืน จึงเหมือนการเล่นหมากรุกกันบนกระดาน ระหว่างประชาชน ( เจ้าของทรัพย์ตัวจริง) กับหน่วยงานรัฐ (เจ้าของทรัพย์ตัวแทน) ที่มีทั้งข้าราชการ + นักการเมือง +กลุ่มทุน ทั้งสองฝ่ายเดินหมากกันคนละตา อันที่จริงประชาชน เดินได้ทีละตา แต่อีกฝ่ายเดินได้ไม่จำกัดตาในทุกทิศทาง ประชาชนเดินได้ช้า เพราะมีอุปสรรคเยอะ ตานี้ก็ห้ามเดิน เพราะไม่ใช่ผู้ชนะคดี ตานั้นก็ห้ามเดิน เพราะไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ ต้องคลำทางหาเส้นทางเดินเรื่อยไปเส้นทางคดเคี้ยวและรกชัฎ อย่างไรก็ตามในหลายปีที่ผ่านมาได้ฝึกให้พวกเรามีความอดทน และรอคอยได้ การที่เราไม่หยุดเดิน ทำให้เราก็เดินมาได้ไกลพอสมควร ตอนนี้หวังแต่ว่าผู้มีอำนาจจะไม่ล้มกระดานเสียก่อน เพราะกลัวตลาดหุ้นถูกกระทบยิ่งกว่ามองเห็นว่าประชาชนและประเทศถูกเอาเปรียบ
อยากจะหวังมากกว่านั้น คือท่านนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจบริหารตัดสินให้มีการแบ่งแยกและคืนทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งมีรายงานการตรวจสอบของสตง.และคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินรองรับอยู่แล้ว และศาลปกครองก็ยังวินิจฉัยให้หน่วยราชการภายใต้การกำกับของท่านนายกรัฐมนตรีไปว่ากล่าวกันเอง ดังนั้นหากท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าหน่วยราชการเหล่านั้นรีบดำเนินการ "ว่ากล่าว" ให้มีการปฏิบัติให้ถูกต้อง ท่านจะได้รับการยกย่องสรรเสริญและได้ใจของประชาชนในกรณีนี้
มิเช่นนั้นแล้วประชาชนก็ยังคงต้องเดินหน้าต่อไปไม่หยุดจนกว่าจะได้ทรัพย์สินของแผ่นดินกลับคืนสู่สถานะที่แท้จริง ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินว่า "เงินแผ่นดินนั้นคือเงินของประชาชนทั้งชาติ" ดังนั้นทรัพย์สินของแผ่นดินก็คือทรัพย์สินของประชาชนทั้งชาติ ที่ประชาชนมีหน้าที่ต้องรักษาและปกป้องทรัพย์สินนั้นจากการทุจริตฉ้อโกงไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของผู้หนึ่งผู้ใด
กำลังโหลดความคิดเห็น