ในยุคของการแข่งขัน ประชาชนแย่งกันกิน แย่งกันอยู่ ทรัพยากรของประเทศมีจำกัด ภายใต้ระบบทุนสามานย์แฝงอยู่ในระบบการค้าเสรี ถ้ากลไกกฎหมายบ้านเมือง กระบวนการยุติธรรมมีปัญหา เมื่อนั้นจะเกิดความไม่เป็นธรรม คนด้อยโอกาส คนยากจนถูกเอาเปรียบไร้หนทางแข่งขันรอดยาก
ถ้ายังอยู่ได้ สภาพที่จะลืมตาอ้าปาก ดิ้นรนหาข้าวกินได้ครบมื้อ แสนยากเย็น
เราได้เห็นการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ ป่าสงวน อุทยานแห่งชาติ หลายล้านไร่ทั่วประเทศมานานหลายสิบปี นายทุนสร้างรีสอร์ต หมู่บ้านจัดสรร พื้นที่ป่าเกษตร ไร่สวนขนาดใหญ่ พื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์วอดวายภายในไม่กี่สิบปี ทำให้ลดเหลือน้อยกว่า 18 เปอร์เซ็นต์ ทั่วประเทศแห้งแล้ง
ทุนสามานย์การเมืองอุบาทว์ยังพยายามหาทางรุกคืบเข้าสู่พื้นที่ป่าที่เหลือ อ้างมาตรการสารพัด โดยเฉพาะข้ออ้างความจำเป็นต้องสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม จะเอาป่าไม้ไปขายกินง่ายๆ
การทวงคืนพื้นที่สาธารณะยากลำบากเพราะการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ สภาวะเช่นนี้จะเกิดไม่ได้ถ้าข้าราชการไม่ร่วมมือกระทำการทุจริตอย่างเป็นเครือข่าย ระบบยาวนานกับนักการเมือง
เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซ้ำร้ายพวกนี้แหละเป็นตัวการ หรือส่วนร่วมในการปล้นทรัพยากรแผ่นดิน ตอบสนองพ่อค้า นักการเมือง ขาดจิตสำนึก
พวกที่จำต้องรับเคราะห์กรรมคือชาวบ้านซึ่งเข้าไปซื้อโครงการจัดสรรต่างๆ ถ้ารัฐบาลเอาจริง ประชาชนหลายแสนหรือเป็นล้านคนจะได้รับผลกระทบ โดยต้องหาทางไล่เบี้ยเป็นทอดๆ
คงเกิดความวุ่นวาย โกลาหล เสียงร้องคร่ำครวญ คดีแน่นศาลเพราะมีเหตุฟ้องร้อง
ถ้ารัฐบาลนี้ต้องการฟื้นฟูความเคร่งครัดในการรักษากฎหมายและทวงคืนสมบัติของแผ่นดิน ต้องไม่เห็นแก่หน้าใคร ยิ่งใหญ่ มีเส้นสายแข็งแรงอย่างไรก็ตาม เพราะนายกฯ ย้ำว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และประชาชนเฝ้ารอพิสูจน์คำพูดของท่าน
นั่นเป็นเรื่องการปล้นทรัพย์แผ่นดินผิดกฎหมายชัดเจน คนทั่วไปทำมาหากินซื้อขายทรัพย์สินโดยมีเอกสารถูกต้อง ย่อมไม่เดือดร้อน นายทุนรายใหญ่ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องต้องรับโทษ
เรามาดูการปล้นทรัพย์สินแผ่นดินโดยถูกต้องตามกฎหมายภายใต้การส่งเสริมจากภาครัฐ เช่น กฎหมายส่งเสริมการลงทุน การเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ การดำเนินการโครงการขนาดใหญ่
พูดง่ายๆ ภายใต้มิติใหม่ เราต้องมองว่าการส่งเสริมการลงทุนโดยให้นักลงทุนต่างชาติ ข้ามชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยคือการเปิดช่องทางให้คนต่างชาติเข้ามากอบโกยความมั่งคั่งจากทรัพย์สินแผ่นดินไทยโดยการรู้เห็นเป็นใจ ส่งเสริมจากรัฐบาล นักการเมือง ข้าราชการ
ทรัพย์แผ่นดินไทย คนไทยทั่วไปอยากจะได้ ยังเอาไม่ได้ ทั้งการขุดแร่ธาติ ทรัพยากรธรรมชาติ เพราะไม่มีเงินทุนและปัจจัยอื่นๆ เช่น เทคโนโลยี ความรู้ แต่ต่างชาติมาจากไหนก็ไม่รู้ขนเงินเข้ามาลงทุนกอบโกยอย่างสบายๆ โดยรัฐมีข้ออ้างรื่นหูไว้ให้ชาวบ้านเคลิ้ม เช่น การจ้างแรงงาน
พวกนักลงทุนเข้ามาได้สิทธิประโยชน์สารพัด เช่น ถนน ไฟฟ้า งดเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร ภาษีเงินได้ นำคนต่างชาติเข้ามาทำงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ช่างเทคนิค วิศวกร อ้างถ่ายทอดเทคโนโลยี
เห็นแต่มีการทิ้งกากสารพิษ มลพิษ ปัญหาอื่นๆ สารพัด แม่น้ำลำคลอง อากาศเสีย สร้างปัญหาให้ชุมชน รัฐบาลแทบไม่ได้อะไรเพราะนักลงทุนมีสิทธิส่งคืนกำไรกลับต่างประเทศ
ยุคหลังๆ ไม่นำเงินทุนเข้ามา แต่อาศัยเครดิตเข้ามากู้จากแหล่งเงินในประเทศ จับเสือมือเปล่า
ถ้ามีวิกฤต เดินขบวน ข้าราชการ นักการเมืองออกอาการกลัวนักลงทุนจะย้ายไปประเทศอื่นๆ ต้องมีเสียงปรามประชาชนว่าอย่าทำอะไรให้เสียบรรยากาศการลงทุน ดูแล้วน่าอนาถ ทำท่าเกรงใจยิ่งกว่าพ่อแม่ ไม่เห็นหัวประชาชนเจ้าของประเทศ ทั้งๆ ที่เป็นผู้รับผลพวงด้านลบจากการลงทุน
ช่วงแรก อ้างว่าส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนการนำเข้า จากนั้นเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก แต่ละประเทศแข่งกันเสนอเงื่อนไขพร้อมสาธารณูปโภคให้นักลงทุนเข้าไปกอบโกยทรัพย์สิน
เห็นแก่ตัวเลขจีดีพี อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ไม่ดูสภาพความพร้อมของส่วนอื่นๆ ในสังคม นักวางแผนเศรษฐกิจ เรียนจบจากต่างประเทศมาอยู่บนหอคอยงาช้างได้สร้างบาปกรรมให้แผ่นดิน โดยวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจเร่งแปรสภาพสังคมเกษตรกรรมมาเป็นกึ่งอุตสาหกรรม
การตั้งเขตอุตสาหกรรมโดยไม่เลือกพื้นที่ เอาใจนักการเมืองกลุ่มผลประโยชน์ ทำให้อยุธยาแหล่งข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์กลายเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่ง
เห็นความไร้วิสัยทัศน์ และความโง่เขลาเบาปัญญา ให้สร้างโรงงานอุตสาหกรรมอยู่เหนือเมืองหลวงเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมทั่วประเทศ ในปี 2554 ทำให้นิคมอุตสาหกรรมจมน้ำ สารพิษอุตสาหกรรมกระจายสู่แหล่งน้ำซึมเข้าคลองส่งน้ำสำหรับการประปา สร้างความหวาดผวาว่าจะเกิดอันตราย
ปัจจุบันรัฐยังมุ่งส่งเสริมการลงทุนไม่เลิกรา ทั้งที่เห็นว่าคนไทยได้เพียงเศษเงิน ไม่คุ้มกับการเสียทรัพยากรและสารพิษตกค้าง สร้างปัญหาสุขภาพ ภาระงบประมาณด้านสาธารณสุข
ประเทศไทยยังรอผู้นำรัฐบาลที่ห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้ จริง คบหา ห่วงแต่พ่อค้านักลงทุน ประชาชนขาดที่พึ่ง ภาครัฐข้าราชการมุ่งให้สิทธิแก่นักลงทุนต่างชาติเพื่อกอบโกยจากทรัพยากรแผ่นดิน ดังเช่นการออกใบอนุญาตทำเหมืองแร่โปแตชในภาคอีสาน
เสี่ยงต่อมลพิษเป็นพิษดินเค็มเสียหาย ทำมาหากินไม่ได้ ไม่รู้ว่าการมีโปแตชนั้นเป็นคุณหรือโทษต่อคนอีสานกันแน่ เพราะเห็นตัวอย่างความเสียหายจากโครงการก่อนหน้านี้แล้ว
ใครจะเห็นผลประโยชน์ของคนไทยเจ้าของประเทศ พ่อค้า นักลงทุนหน้าเลือด ไม่ใส่ใจแยแสต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนซึ่งถูกมองว่าเป็นเพียงลูกค้า เหยื่อของการค้าพาณิชย์ไร้คุณธรรม
ถ้าพ่อค้า นักลงทุนมีจิตสำนึกเป็นห่วงสภาวะแวดล้อม คงไม่ต้องออกกฎหมายบังคับ แม้มีกฎหมายก็ยังมีการละเมิด สร้างความเสียหายร้ายแรง พ่อค้ามีคุณธรรมคงไม่เลี้ยงหมู ไก่ สัตว์อื่นๆ ใช้อาหารผสมสารเคมีให้ผู้บริโภคเป็นอันตราย ทำลายธรรมชาติ แหล่งสัตว์น้ำเพื่อประโยชน์ส่วนตน
บ้านเมืองไหนผู้นำสมคบคิดสนิทสนมกับพ่อค้าไร้ศีลธรรม เอาแต่กอบโกย บ้านเมืองฉิบหายแน่!
ถ้ายังอยู่ได้ สภาพที่จะลืมตาอ้าปาก ดิ้นรนหาข้าวกินได้ครบมื้อ แสนยากเย็น
เราได้เห็นการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ ป่าสงวน อุทยานแห่งชาติ หลายล้านไร่ทั่วประเทศมานานหลายสิบปี นายทุนสร้างรีสอร์ต หมู่บ้านจัดสรร พื้นที่ป่าเกษตร ไร่สวนขนาดใหญ่ พื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์วอดวายภายในไม่กี่สิบปี ทำให้ลดเหลือน้อยกว่า 18 เปอร์เซ็นต์ ทั่วประเทศแห้งแล้ง
ทุนสามานย์การเมืองอุบาทว์ยังพยายามหาทางรุกคืบเข้าสู่พื้นที่ป่าที่เหลือ อ้างมาตรการสารพัด โดยเฉพาะข้ออ้างความจำเป็นต้องสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม จะเอาป่าไม้ไปขายกินง่ายๆ
การทวงคืนพื้นที่สาธารณะยากลำบากเพราะการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ สภาวะเช่นนี้จะเกิดไม่ได้ถ้าข้าราชการไม่ร่วมมือกระทำการทุจริตอย่างเป็นเครือข่าย ระบบยาวนานกับนักการเมือง
เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซ้ำร้ายพวกนี้แหละเป็นตัวการ หรือส่วนร่วมในการปล้นทรัพยากรแผ่นดิน ตอบสนองพ่อค้า นักการเมือง ขาดจิตสำนึก
พวกที่จำต้องรับเคราะห์กรรมคือชาวบ้านซึ่งเข้าไปซื้อโครงการจัดสรรต่างๆ ถ้ารัฐบาลเอาจริง ประชาชนหลายแสนหรือเป็นล้านคนจะได้รับผลกระทบ โดยต้องหาทางไล่เบี้ยเป็นทอดๆ
คงเกิดความวุ่นวาย โกลาหล เสียงร้องคร่ำครวญ คดีแน่นศาลเพราะมีเหตุฟ้องร้อง
ถ้ารัฐบาลนี้ต้องการฟื้นฟูความเคร่งครัดในการรักษากฎหมายและทวงคืนสมบัติของแผ่นดิน ต้องไม่เห็นแก่หน้าใคร ยิ่งใหญ่ มีเส้นสายแข็งแรงอย่างไรก็ตาม เพราะนายกฯ ย้ำว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และประชาชนเฝ้ารอพิสูจน์คำพูดของท่าน
นั่นเป็นเรื่องการปล้นทรัพย์แผ่นดินผิดกฎหมายชัดเจน คนทั่วไปทำมาหากินซื้อขายทรัพย์สินโดยมีเอกสารถูกต้อง ย่อมไม่เดือดร้อน นายทุนรายใหญ่ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องต้องรับโทษ
เรามาดูการปล้นทรัพย์สินแผ่นดินโดยถูกต้องตามกฎหมายภายใต้การส่งเสริมจากภาครัฐ เช่น กฎหมายส่งเสริมการลงทุน การเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ การดำเนินการโครงการขนาดใหญ่
พูดง่ายๆ ภายใต้มิติใหม่ เราต้องมองว่าการส่งเสริมการลงทุนโดยให้นักลงทุนต่างชาติ ข้ามชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยคือการเปิดช่องทางให้คนต่างชาติเข้ามากอบโกยความมั่งคั่งจากทรัพย์สินแผ่นดินไทยโดยการรู้เห็นเป็นใจ ส่งเสริมจากรัฐบาล นักการเมือง ข้าราชการ
ทรัพย์แผ่นดินไทย คนไทยทั่วไปอยากจะได้ ยังเอาไม่ได้ ทั้งการขุดแร่ธาติ ทรัพยากรธรรมชาติ เพราะไม่มีเงินทุนและปัจจัยอื่นๆ เช่น เทคโนโลยี ความรู้ แต่ต่างชาติมาจากไหนก็ไม่รู้ขนเงินเข้ามาลงทุนกอบโกยอย่างสบายๆ โดยรัฐมีข้ออ้างรื่นหูไว้ให้ชาวบ้านเคลิ้ม เช่น การจ้างแรงงาน
พวกนักลงทุนเข้ามาได้สิทธิประโยชน์สารพัด เช่น ถนน ไฟฟ้า งดเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร ภาษีเงินได้ นำคนต่างชาติเข้ามาทำงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ช่างเทคนิค วิศวกร อ้างถ่ายทอดเทคโนโลยี
เห็นแต่มีการทิ้งกากสารพิษ มลพิษ ปัญหาอื่นๆ สารพัด แม่น้ำลำคลอง อากาศเสีย สร้างปัญหาให้ชุมชน รัฐบาลแทบไม่ได้อะไรเพราะนักลงทุนมีสิทธิส่งคืนกำไรกลับต่างประเทศ
ยุคหลังๆ ไม่นำเงินทุนเข้ามา แต่อาศัยเครดิตเข้ามากู้จากแหล่งเงินในประเทศ จับเสือมือเปล่า
ถ้ามีวิกฤต เดินขบวน ข้าราชการ นักการเมืองออกอาการกลัวนักลงทุนจะย้ายไปประเทศอื่นๆ ต้องมีเสียงปรามประชาชนว่าอย่าทำอะไรให้เสียบรรยากาศการลงทุน ดูแล้วน่าอนาถ ทำท่าเกรงใจยิ่งกว่าพ่อแม่ ไม่เห็นหัวประชาชนเจ้าของประเทศ ทั้งๆ ที่เป็นผู้รับผลพวงด้านลบจากการลงทุน
ช่วงแรก อ้างว่าส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนการนำเข้า จากนั้นเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก แต่ละประเทศแข่งกันเสนอเงื่อนไขพร้อมสาธารณูปโภคให้นักลงทุนเข้าไปกอบโกยทรัพย์สิน
เห็นแก่ตัวเลขจีดีพี อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ไม่ดูสภาพความพร้อมของส่วนอื่นๆ ในสังคม นักวางแผนเศรษฐกิจ เรียนจบจากต่างประเทศมาอยู่บนหอคอยงาช้างได้สร้างบาปกรรมให้แผ่นดิน โดยวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจเร่งแปรสภาพสังคมเกษตรกรรมมาเป็นกึ่งอุตสาหกรรม
การตั้งเขตอุตสาหกรรมโดยไม่เลือกพื้นที่ เอาใจนักการเมืองกลุ่มผลประโยชน์ ทำให้อยุธยาแหล่งข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์กลายเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่ง
เห็นความไร้วิสัยทัศน์ และความโง่เขลาเบาปัญญา ให้สร้างโรงงานอุตสาหกรรมอยู่เหนือเมืองหลวงเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมทั่วประเทศ ในปี 2554 ทำให้นิคมอุตสาหกรรมจมน้ำ สารพิษอุตสาหกรรมกระจายสู่แหล่งน้ำซึมเข้าคลองส่งน้ำสำหรับการประปา สร้างความหวาดผวาว่าจะเกิดอันตราย
ปัจจุบันรัฐยังมุ่งส่งเสริมการลงทุนไม่เลิกรา ทั้งที่เห็นว่าคนไทยได้เพียงเศษเงิน ไม่คุ้มกับการเสียทรัพยากรและสารพิษตกค้าง สร้างปัญหาสุขภาพ ภาระงบประมาณด้านสาธารณสุข
ประเทศไทยยังรอผู้นำรัฐบาลที่ห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้ จริง คบหา ห่วงแต่พ่อค้านักลงทุน ประชาชนขาดที่พึ่ง ภาครัฐข้าราชการมุ่งให้สิทธิแก่นักลงทุนต่างชาติเพื่อกอบโกยจากทรัพยากรแผ่นดิน ดังเช่นการออกใบอนุญาตทำเหมืองแร่โปแตชในภาคอีสาน
เสี่ยงต่อมลพิษเป็นพิษดินเค็มเสียหาย ทำมาหากินไม่ได้ ไม่รู้ว่าการมีโปแตชนั้นเป็นคุณหรือโทษต่อคนอีสานกันแน่ เพราะเห็นตัวอย่างความเสียหายจากโครงการก่อนหน้านี้แล้ว
ใครจะเห็นผลประโยชน์ของคนไทยเจ้าของประเทศ พ่อค้า นักลงทุนหน้าเลือด ไม่ใส่ใจแยแสต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนซึ่งถูกมองว่าเป็นเพียงลูกค้า เหยื่อของการค้าพาณิชย์ไร้คุณธรรม
ถ้าพ่อค้า นักลงทุนมีจิตสำนึกเป็นห่วงสภาวะแวดล้อม คงไม่ต้องออกกฎหมายบังคับ แม้มีกฎหมายก็ยังมีการละเมิด สร้างความเสียหายร้ายแรง พ่อค้ามีคุณธรรมคงไม่เลี้ยงหมู ไก่ สัตว์อื่นๆ ใช้อาหารผสมสารเคมีให้ผู้บริโภคเป็นอันตราย ทำลายธรรมชาติ แหล่งสัตว์น้ำเพื่อประโยชน์ส่วนตน
บ้านเมืองไหนผู้นำสมคบคิดสนิทสนมกับพ่อค้าไร้ศีลธรรม เอาแต่กอบโกย บ้านเมืองฉิบหายแน่!