ตำนานนี้เกิดขึ้นในยุคกิเลสทุนสามานย์-ก่อความชั่วระบาดทั่วทุกวงการในสังคมมนุษย์!!!
ในชาติไทยยุค “ไทยลักไทย” ครองเมือง มี “กลุ่มคนชั่ว” ที่เต็มไปด้วยกิเลส มุ่งแสวงหาแต่อำนาจทรัพย์สินเงินทอง-ยศถาบรรดาศักดิ์ ได้ขึ้นปกครองชาติบ้านเมืองนานกว่าทศวรรษ จนชาติบ้านเมืองไร้ความเป็นธรรมสิ้นความถูกต้อง ทำให้สังคมไทยมีโอกาสจะเกิดกลียุค เลือดนองท้องช้างภายในชาติได้
เหตุและผลที่สัมพันธ์ในกันและกัน แห่งคำสอนของพุทธศาสนา คือ “เมื่อมีเหตุนี้...จึงมีเหตุนี้...เมื่อเหตุนี้ดับ...เหตุนี้ก็ดับ”
ต้นเหตุเกิดเพราะทุนสามานย์ “เหลี่ยม” ในคราบนักการเมือง กับ “ไชโย” ในคราบ “พระเทียม” สมคบกันวางแผนหลอก “คนมืดบอดทางปัญญา” ทั้งรวยจน เข้ายึดอำนาจในราชอาณาจักร และศาสนจักร ด้วยวิธีการชั่วๆ ดังนี้
ทุนสามานย์ “เหลี่ยม” ใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งได้ ส.ส.เกินครึ่งสภาฯ แล้วใช้เผด็จการรัฐสภาตั้งนายกรัฐมนตรีและครม.เข้าไปยึดทำเนียบ “ตึกไทยคู่ฟ้า” ในฐานะรัฐบาล ก่อนจะใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐปล้นชาติ และสนับสนุนขบวนการโกงชาติ ในภาคส่วนอื่นๆ ที่เป็นพรรคพวกตนนั่นเอง
ขณะที่ “ไชโย” ก็ตั้งขบวนการ “จิ้งเหลือง” แพร่คำสอน “พุทธเทียม” ทำลายคำสอน “พุทธแท้” อันเป็นการทำลายศาสนาพุทธโดยตรงอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างแค่เรื่องเดียว เช่น พุทธแท้สอนให้ “คนทำดีได้ขึ้นสวรรค์-คนทำชั่วต้องตกนรก” แต่พุทธเทียมกลับสอนให้เชื่อว่า คนดีหรือชั่วไม่สำคัญ “เงิน” ต่างหากเป็น “หนทางพาคนไปสู่สวรรค์!”
แต่มีข้อแม้ว่า...ถ้าจ่ายเงินน้อยก็ได้บุญน้อย ทางไปสวรรค์จะวิบากและช้ามาก ต้องจ่ายเงินเยอะๆ ได้บุญเยอะๆ ทางไปสวรรค์จะได้สะดวกรวดเร็ว ส่วนมหาเศรษฐีที่จ่ายเงินก้อนโตมั่กมาก บุญใหญ่มโหฬารจะได้ขึ้นทางด่วน ด้วยการเหมาลำบินตรงขึ้นสู่สวรรค์เลย
ถ้าจ่ายเพิ่มพิเศษอีก ก็จะได้เดินทางไปสวรรค์กับ “จิ้งเหลืองไชโย” อาจได้พบกับ“สตีฟ จอบส์” แห่ง“แอปเปิล” เจ้าพ่อ “ไอโฟน-ไอแพด” เพื่อกระซิบข้างๆ หูว่า “สตีฟ...ไอเลิฟยู”
แหม...เรื่องนั่งคุยกับ “ผีสตีฟ จอบส์” น่ะ เป็นแค่เรื่องจิ๊บๆ เท่านั้น เพราะ “จิ้งเหลืองไชโย” คนนี้เคยอวดอุตริถึงขั้นโกหกผู้คนหน้าตาเฉยว่า ตนเคยไปตักบาตรกับพระพุทธเจ้าบนสวรรค์มาแล้วนะวุ้ย...555...!
คำต้มตุ๋นอันมิใช่พุทธแท้ จากพระกำมะลอที่ว่า “เงินนำคนไปสวรรค์” ได้ ดังฮอตฮิตในหมู่ “คนมืดบอดทางปัญญา” ทั้งคนดี-คนชั่ว-คนจน-คนรวยที่อยากเดินทางลัดไปสู่สวรรค์ ทรัพย์สินเงินทอง “คนมืดบอดฯ” ทั้งสะอาดและสกปรก จึงไหลไปสู่ขบวนการ “จิ้งเหลืองไชโย” อย่างมหาศาล
อลัชชีที่เต็มไปด้วยกิเลสไม่รู้จักพอ ทำให้ “ไชโย” ขโมยทรัพย์สินเงินทอง จำนวนมากของวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัว ทั้งยังนำเงินและสิ่งของราคาแพงบางส่วน ส่งไปบรรณาการให้บรรดา “จิ้งเหลือง” ที่เป็นใหญ่อยู่ในศาสนจักร เพื่อเป็นอามิสปัจจัยให้ “จิ้งเหลือง” รุ่นเดอะ สนับสนุนขบวนการ “เงินคือพระเจ้า” และ “เงินพาคนมืดบอดฯ” ไปสู่สวรรค์ได้นั่นเอง
คนโกง-ทำผิดต้องชดใช้หรือติดคุก พระแท้ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัยโดยเคร่งครัด หากพระรูปใดโกงเงินวัดและญาติโยมถวายแค่บาทเดียว เท่ากับทำผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง ต้องอาบัติปาราชิกสิ้นความเป็นพระทันที ทั้งต้องโดนจับสึกและห้ามแต่งตัวเลียนแบบสงฆ์เด็ดขาด
พระแท้ต้องปฏิบัติหน้าที่เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ผู้คนเห็นและเข้าใจธรรมที่แท้จริง เพื่อเปลี่ยนผู้คนจาก “บัวใต้น้ำ-ปริ่มน้ำ” ให้เป็น “บัวพ้นน้ำ” ให้ได้
แต่พระเทียมอย่าง “จิ้งเหลืองไชโย” ใช้คำสอนผิดๆ ต้มตุ๋นผู้คนที่ยังมืดบอดทางธรรมปัญญาให้จมสู่ความมืดมนอนธการยิ่งขึ้นไปอีก เพียงแค่จะกอบโกยทรัพย์สินเงินทองชนิดไม่รู้จักพอ โดยไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม ในการ “ปล้น” ทรัพย์ “คนมืดบอดฯ” แม้แต่น้อย
บาปกรรมมีจริง...กรรมชั่วมหันต์ที่ก่อขึ้นในห้วงนั้น ทำให้สมเด็จพระสังฆราชฯ มีพระลิขิต 5 ฉบับ ชี้ให้ชาวพุทธได้รับรู้อย่างชัดเจนว่า ทันทีที่ “ไชโย” โกงทรัพย์สมบัติวัด ก็สิ้นความเป็นพระกลายเป็นเดียรถีย์ไปแล้ว อีกทั้งการแพร่คำสอนพุทธธรรมผิดๆ ก็ถือเป็นการจงใจทำลายพุทธศาสนาโดยตรงอีกด้วย
แต่ลิขิตที่ยืนบนหลักพระธรรมวินัยของพระสังฆราชฯ กลับถูกเมินเฉยจากผู้มีอำนาจในวงการศาสนาตราบจนพระสังฆราชฯ ทรงประชวร!
ทั้งหมดที่ “จิ้งเหลืองไชโย” กระทำนั้น จึงผิดทั้งพระธรรมวินัยของศาสนาพุทธ และยังผิดกฎหมายของราชอาณาจักรต้องติดคุกอีกด้วย แต่ตลกไหมล่ะ...ที่ “จิ้งเหลืองไชโย” ยังเดินหน้าทำลายพุทธศาสนา ด้วยการแพร่คำสอนผิดๆ ต้มตุ๋นปล้นทรัพย์ “คนมืดบอดทางปัญญา” ลอยนวลอยู่ได้จนทุกวันนี้
ทั้งนี้ เพราะเหลี่ยม-ยึดอำนาจในราชอาณาจักรได้ และปลูกฝังค่านิยม “เงินคือพระเจ้า” รวมทั้งใช้เงินจ้าง “ผีโม่แป้ง” บางส่วนได้ ทั้งผีนักการเมือง-ผีข้าราชการ-ผีนักวิชาการ-ผีสื่อมวลชน ฯลฯ
ที่สำคัญยิ่งคือ เหลี่ยมกับจิ้งเหลืองไชโย ซื้อ “ผี-จิ้งเหลือง” รุ่นเฮฟวี่เวทได้เป็นพรวน ทำให้ “ผี-จิ้งเหลือง” ที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายในศาสนจักร เกิดตาฝ้าตาฟางมาอย่างยาวนาน
จนถึงกับมองไม่เห็นความสำคัญยิ่ง ในพระของพระสังฆราชฯ แม้แต่น้อย...!!!
เพราะ “มหาสมาคมจิ้งเหลือง” ผู้ทรงอำนาจในศาสนจักร กำลังตาใสปิ๊งๆ เห็นแต่ทรัพย์สมบัติ ที่ “จิ้งเหลืองไชโย” ประเคนให้สวาปามเท่านั้น...นะจ๊ะ…!!!
ในชาติไทยยุค “ไทยลักไทย” ครองเมือง มี “กลุ่มคนชั่ว” ที่เต็มไปด้วยกิเลส มุ่งแสวงหาแต่อำนาจทรัพย์สินเงินทอง-ยศถาบรรดาศักดิ์ ได้ขึ้นปกครองชาติบ้านเมืองนานกว่าทศวรรษ จนชาติบ้านเมืองไร้ความเป็นธรรมสิ้นความถูกต้อง ทำให้สังคมไทยมีโอกาสจะเกิดกลียุค เลือดนองท้องช้างภายในชาติได้
เหตุและผลที่สัมพันธ์ในกันและกัน แห่งคำสอนของพุทธศาสนา คือ “เมื่อมีเหตุนี้...จึงมีเหตุนี้...เมื่อเหตุนี้ดับ...เหตุนี้ก็ดับ”
ต้นเหตุเกิดเพราะทุนสามานย์ “เหลี่ยม” ในคราบนักการเมือง กับ “ไชโย” ในคราบ “พระเทียม” สมคบกันวางแผนหลอก “คนมืดบอดทางปัญญา” ทั้งรวยจน เข้ายึดอำนาจในราชอาณาจักร และศาสนจักร ด้วยวิธีการชั่วๆ ดังนี้
ทุนสามานย์ “เหลี่ยม” ใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งได้ ส.ส.เกินครึ่งสภาฯ แล้วใช้เผด็จการรัฐสภาตั้งนายกรัฐมนตรีและครม.เข้าไปยึดทำเนียบ “ตึกไทยคู่ฟ้า” ในฐานะรัฐบาล ก่อนจะใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐปล้นชาติ และสนับสนุนขบวนการโกงชาติ ในภาคส่วนอื่นๆ ที่เป็นพรรคพวกตนนั่นเอง
ขณะที่ “ไชโย” ก็ตั้งขบวนการ “จิ้งเหลือง” แพร่คำสอน “พุทธเทียม” ทำลายคำสอน “พุทธแท้” อันเป็นการทำลายศาสนาพุทธโดยตรงอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างแค่เรื่องเดียว เช่น พุทธแท้สอนให้ “คนทำดีได้ขึ้นสวรรค์-คนทำชั่วต้องตกนรก” แต่พุทธเทียมกลับสอนให้เชื่อว่า คนดีหรือชั่วไม่สำคัญ “เงิน” ต่างหากเป็น “หนทางพาคนไปสู่สวรรค์!”
แต่มีข้อแม้ว่า...ถ้าจ่ายเงินน้อยก็ได้บุญน้อย ทางไปสวรรค์จะวิบากและช้ามาก ต้องจ่ายเงินเยอะๆ ได้บุญเยอะๆ ทางไปสวรรค์จะได้สะดวกรวดเร็ว ส่วนมหาเศรษฐีที่จ่ายเงินก้อนโตมั่กมาก บุญใหญ่มโหฬารจะได้ขึ้นทางด่วน ด้วยการเหมาลำบินตรงขึ้นสู่สวรรค์เลย
ถ้าจ่ายเพิ่มพิเศษอีก ก็จะได้เดินทางไปสวรรค์กับ “จิ้งเหลืองไชโย” อาจได้พบกับ“สตีฟ จอบส์” แห่ง“แอปเปิล” เจ้าพ่อ “ไอโฟน-ไอแพด” เพื่อกระซิบข้างๆ หูว่า “สตีฟ...ไอเลิฟยู”
แหม...เรื่องนั่งคุยกับ “ผีสตีฟ จอบส์” น่ะ เป็นแค่เรื่องจิ๊บๆ เท่านั้น เพราะ “จิ้งเหลืองไชโย” คนนี้เคยอวดอุตริถึงขั้นโกหกผู้คนหน้าตาเฉยว่า ตนเคยไปตักบาตรกับพระพุทธเจ้าบนสวรรค์มาแล้วนะวุ้ย...555...!
คำต้มตุ๋นอันมิใช่พุทธแท้ จากพระกำมะลอที่ว่า “เงินนำคนไปสวรรค์” ได้ ดังฮอตฮิตในหมู่ “คนมืดบอดทางปัญญา” ทั้งคนดี-คนชั่ว-คนจน-คนรวยที่อยากเดินทางลัดไปสู่สวรรค์ ทรัพย์สินเงินทอง “คนมืดบอดฯ” ทั้งสะอาดและสกปรก จึงไหลไปสู่ขบวนการ “จิ้งเหลืองไชโย” อย่างมหาศาล
อลัชชีที่เต็มไปด้วยกิเลสไม่รู้จักพอ ทำให้ “ไชโย” ขโมยทรัพย์สินเงินทอง จำนวนมากของวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัว ทั้งยังนำเงินและสิ่งของราคาแพงบางส่วน ส่งไปบรรณาการให้บรรดา “จิ้งเหลือง” ที่เป็นใหญ่อยู่ในศาสนจักร เพื่อเป็นอามิสปัจจัยให้ “จิ้งเหลือง” รุ่นเดอะ สนับสนุนขบวนการ “เงินคือพระเจ้า” และ “เงินพาคนมืดบอดฯ” ไปสู่สวรรค์ได้นั่นเอง
คนโกง-ทำผิดต้องชดใช้หรือติดคุก พระแท้ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัยโดยเคร่งครัด หากพระรูปใดโกงเงินวัดและญาติโยมถวายแค่บาทเดียว เท่ากับทำผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง ต้องอาบัติปาราชิกสิ้นความเป็นพระทันที ทั้งต้องโดนจับสึกและห้ามแต่งตัวเลียนแบบสงฆ์เด็ดขาด
พระแท้ต้องปฏิบัติหน้าที่เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ผู้คนเห็นและเข้าใจธรรมที่แท้จริง เพื่อเปลี่ยนผู้คนจาก “บัวใต้น้ำ-ปริ่มน้ำ” ให้เป็น “บัวพ้นน้ำ” ให้ได้
แต่พระเทียมอย่าง “จิ้งเหลืองไชโย” ใช้คำสอนผิดๆ ต้มตุ๋นผู้คนที่ยังมืดบอดทางธรรมปัญญาให้จมสู่ความมืดมนอนธการยิ่งขึ้นไปอีก เพียงแค่จะกอบโกยทรัพย์สินเงินทองชนิดไม่รู้จักพอ โดยไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม ในการ “ปล้น” ทรัพย์ “คนมืดบอดฯ” แม้แต่น้อย
บาปกรรมมีจริง...กรรมชั่วมหันต์ที่ก่อขึ้นในห้วงนั้น ทำให้สมเด็จพระสังฆราชฯ มีพระลิขิต 5 ฉบับ ชี้ให้ชาวพุทธได้รับรู้อย่างชัดเจนว่า ทันทีที่ “ไชโย” โกงทรัพย์สมบัติวัด ก็สิ้นความเป็นพระกลายเป็นเดียรถีย์ไปแล้ว อีกทั้งการแพร่คำสอนพุทธธรรมผิดๆ ก็ถือเป็นการจงใจทำลายพุทธศาสนาโดยตรงอีกด้วย
แต่ลิขิตที่ยืนบนหลักพระธรรมวินัยของพระสังฆราชฯ กลับถูกเมินเฉยจากผู้มีอำนาจในวงการศาสนาตราบจนพระสังฆราชฯ ทรงประชวร!
ทั้งหมดที่ “จิ้งเหลืองไชโย” กระทำนั้น จึงผิดทั้งพระธรรมวินัยของศาสนาพุทธ และยังผิดกฎหมายของราชอาณาจักรต้องติดคุกอีกด้วย แต่ตลกไหมล่ะ...ที่ “จิ้งเหลืองไชโย” ยังเดินหน้าทำลายพุทธศาสนา ด้วยการแพร่คำสอนผิดๆ ต้มตุ๋นปล้นทรัพย์ “คนมืดบอดทางปัญญา” ลอยนวลอยู่ได้จนทุกวันนี้
ทั้งนี้ เพราะเหลี่ยม-ยึดอำนาจในราชอาณาจักรได้ และปลูกฝังค่านิยม “เงินคือพระเจ้า” รวมทั้งใช้เงินจ้าง “ผีโม่แป้ง” บางส่วนได้ ทั้งผีนักการเมือง-ผีข้าราชการ-ผีนักวิชาการ-ผีสื่อมวลชน ฯลฯ
ที่สำคัญยิ่งคือ เหลี่ยมกับจิ้งเหลืองไชโย ซื้อ “ผี-จิ้งเหลือง” รุ่นเฮฟวี่เวทได้เป็นพรวน ทำให้ “ผี-จิ้งเหลือง” ที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายในศาสนจักร เกิดตาฝ้าตาฟางมาอย่างยาวนาน
จนถึงกับมองไม่เห็นความสำคัญยิ่ง ในพระของพระสังฆราชฯ แม้แต่น้อย...!!!
เพราะ “มหาสมาคมจิ้งเหลือง” ผู้ทรงอำนาจในศาสนจักร กำลังตาใสปิ๊งๆ เห็นแต่ทรัพย์สมบัติ ที่ “จิ้งเหลืองไชโย” ประเคนให้สวาปามเท่านั้น...นะจ๊ะ…!!!