“...ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียว ก็ขอแช่งให้มีอันเป็นไป พูดอย่างนี้หยาบคาย แต่ว่าขอให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าไม่ทุจริต สุจริตและมีความตั้งใจมุ่งมั่น สร้างความเจริญก็ขอให้ต่ออายุได้ถึง 100 ปี ส่วนคนไหนที่มีอายุมากแล้ว ขอให้แข็งแรง ความสุจริตจะทำให้ประเทศไทยรอดพ้นอันตราย...”
“...ภายใน 10 ปี เมืองไทยน่าจะเจริญ ข้อสำคัญคือต้องหยุดการทุจริตให้สำเร็จ และไม่ทุจริตเสียเอง...”
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2546
ยุคทุจริตคอร์รัปชันระบาดหนัก จน “ในหลวง” ของปวงชนชาวไทย ยังต้องแช่งพวกโกงชาติกันแบบตรงไปตรงมา เพราะการทุจริตคอร์รัปชันอันชั่วร้ายนั้น เป็นการทำลายชาติไทยโดยตรงนั่นเอง
การฉ้อราษฎร์และบังหลวงชาติไทยที่ผ่านมา ชุกชุมในยุครัฐบาลเครือข่าย “ชินวัตร” ครองเมือง
ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ระหว่างปี พ.ศ. 2544-2549 ที่บริหารชาติจนถูกครหาว่าเป็นเผด็จการ เป็นนักคอร์รัปชันชาติ เป็นผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย เป็นผู้ขายทรัพยากรชาติให้ต่างชาติโดยไม่คุ้มค่า เป็นผู้ผลาญเงินงบประมาณชาติอย่างมหาศาล หาเสียงทางการเมืองกับนโยบายประชานิยม ที่ทำร้ายเศรษฐกิจชาติ เป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ฯลฯ
ทักษิณ ได้สร้างค่านิยมผิดๆ ขึ้นในสังคม ให้หลงใน “อำนาจและเงินตรา” คือ “พระเจ้า” จนทำลายคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตในสังคมจนแทบสูญสิ้น
ที่สำคัญ...ในยุคทักษิณนั้น ขบวนการ “ล้มเจ้า” ได้ปฏิบัติการทั้งลับและเปิดเผย ทำลายความมั่นคงของชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ อย่างหนัก
การเป็นรัฐบาลของเครือข่ายทักษิณต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี ให้บทเรียนอันมีค่าเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อชาติและประชาชนคนไทยให้รู้ว่า
หนึ่ง -หลังเหตุการณ์รัฐประหารในปี 2475 ของ “คณะราษฎร์” มิได้ทำให้ชาติไทยเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงแต่ประการใดเลย โดย 80 กว่าปีกับการเมืองรูปแบบสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งทั้งสภาฯ นั้น ยังเป็นต้นเหตุ
สอง -ทำให้การเลือกตั้งชาติไทยไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม มีแต่การโกงและการซื้อเสียงเลือกตั้งทุกรูปแบบ เพราะนักธุรกิจการเมืองได้อาศัยจุดอ่อนนี้ใช้เงินซื้อ ส.ส. และซื้อเสียงการเลือกตั้งมาตลอด
สาม -ทำให้ได้ ส.ส.ส่วนใหญ่ในสภาฯ ไร้คุณภาพ ไร้การทำเพื่อความถูกต้อง ไร้การทำเพื่อส่วนรวม ไร้ความรักชาติ จน ส.ส.ในสภาฯ ไทยตกอยู่ภายใต้การบงการของนักธุรกิจการเมืองเจ้าของพรรค
สี่ -ทำให้ ส.ส.ส่วนใหญ่มักใช้เสียงอย่างไร้ความรับผิดชอบต่อชาติ เลือกนายกฯ เพื่อให้นายกฯ ตั้ง ครม.ตามคำบงการของนายทุนพรรคอีกทอดหนึ่ง
ห้า -ทำให้นายทุนสามานย์บางพรรคใช้สภาฯ-รัฐบาล-อำนาจรัฐ-กลไกรัฐแบบเผด็จการคอร์รัปชันโกงกินชาติบ้านเมือง เพื่อถอนทุนบวกกำไรมากมาย ทั้งโครงการของราษฎร์และหลวง
หก -10 กว่าปีที่ทักษิณยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือ ได้เกิดการคอร์รัปชันอย่างโจ๋งครึ่ม จนวงจรอุบาทว์ได้กลับคืนสู่ชาติไทยถึง 2 ครั้ง นั่นคือ “บิ๊กบัง” ทำรัฐประหาร โค่นล้มอำนาจรัฐของทักษิณลงชั่วคราว ในเดือนกันยายน 2549 แต่เป็นรัฐประหารที่ “เสียของ” กับการ “เยี่ยวไม่สุด”
เพราะไม่มีการปฏิรูปใดๆ ทั้งสิ้น ที่สำคัญยังคงรูปแบบการเมือง สภาฯ-ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ยังทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมไม่ได้
ดังนั้น เมื่อ “บิ๊กบัง” และ “รัฐบาล คมช.” จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้ง เครือข่ายทักษิณก็ใช้เงินซื้อเสียงการเลือกตั้ง เข้ามายึดอำนาจรัฐ โกงกินชาติบ้านเมืองได้อีกครั้ง
จึงเกิดเหตุ “พลิกขั้วการเมือง” ทำให้อภิสิทธิ์ได้ขึ้นเป็นนายกฯ แต่ “หล่อจ้อเก่ง” ก็ “เยี่ยวไม่สุด” เช่นกัน แถมบางครั้งยังแอบไปสมานฉันท์กับ “มหาโจรการเมือง” ซึ่งมีเป้าหมายถาวรในการยึดอำนาจรัฐ เพื่อใช้ปล้นชาติปล้นประชาชนเสียอีก!
“หล่อจ้อเก่ง” นอกจากมิได้ปฏิรูปชาติไทยทุกภาคส่วนแล้ว ยังคงใช้รูปแบบสภาฯ ประกอบด้วยสมาชิกต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยปล่อยให้การเลือกตั้งชาติไทย ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมเช่นเดิม ดังนั้น การเลือกตั้งทั่วไปในยุคหล่อ เครือข่ายทักษิณจึงใช้เงินมหาศาลซื้อเสียงการเลือกตั้งยึดอำนาจรัฐได้อีกครา
ในที่สุด...“บิ๊กตู่” จึงจำเป็นต้องทำรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาล “พี่คิด-น้องทำ” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ส่วนจะเป็นรัฐประหาร “เสียของ” หรือ “เยี่ยวไม่สุด” อีกหรือไม่ ต้องให้ผลงาน “บิ๊กตู่” เป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้น
ที่สำคัญ “บิ๊กตู่” อย่าไปหลงเชื่อเชียวนะว่า “งาช้างอาจจะงอกออกมาจากปากสุนัข” ได้ เพราะในความเป็นจริงที่เที่ยงแท้แน่นอน คือ “งาช้างไม่มีวันงอกออกมาจากปากสุนัข” เด็ดขาด!
ปัญหาทั้งหมดจึงอยู่ที่ “บิ๊กตู่” จะใช้มาตรา 44 อย่างสร้างสรรค์ แก้ปัญหาชาติที่ต้นเหตุหรือไม่? นั่นคือ เร่งขจัด “มหาโจรการเมือง” กับสมุนบริวารอย่างจริงจัง
ดังนั้น “ไอ้ชัช” ขอถามตรงไปตรงมาว่า “ฯพณฯ ตู่” จะใช้มาตรา 44 ขจัดต้นเหตุปัญหาของชาติโดยไวหรือไม่...?
งานนี้...จะเป็น “วีรบุรุษ” หรือ “โมฆบุรุษ” ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัว “บิ๊กตู่” เองครับ
“...ภายใน 10 ปี เมืองไทยน่าจะเจริญ ข้อสำคัญคือต้องหยุดการทุจริตให้สำเร็จ และไม่ทุจริตเสียเอง...”
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2546
ยุคทุจริตคอร์รัปชันระบาดหนัก จน “ในหลวง” ของปวงชนชาวไทย ยังต้องแช่งพวกโกงชาติกันแบบตรงไปตรงมา เพราะการทุจริตคอร์รัปชันอันชั่วร้ายนั้น เป็นการทำลายชาติไทยโดยตรงนั่นเอง
การฉ้อราษฎร์และบังหลวงชาติไทยที่ผ่านมา ชุกชุมในยุครัฐบาลเครือข่าย “ชินวัตร” ครองเมือง
ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ระหว่างปี พ.ศ. 2544-2549 ที่บริหารชาติจนถูกครหาว่าเป็นเผด็จการ เป็นนักคอร์รัปชันชาติ เป็นผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย เป็นผู้ขายทรัพยากรชาติให้ต่างชาติโดยไม่คุ้มค่า เป็นผู้ผลาญเงินงบประมาณชาติอย่างมหาศาล หาเสียงทางการเมืองกับนโยบายประชานิยม ที่ทำร้ายเศรษฐกิจชาติ เป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ฯลฯ
ทักษิณ ได้สร้างค่านิยมผิดๆ ขึ้นในสังคม ให้หลงใน “อำนาจและเงินตรา” คือ “พระเจ้า” จนทำลายคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตในสังคมจนแทบสูญสิ้น
ที่สำคัญ...ในยุคทักษิณนั้น ขบวนการ “ล้มเจ้า” ได้ปฏิบัติการทั้งลับและเปิดเผย ทำลายความมั่นคงของชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ อย่างหนัก
การเป็นรัฐบาลของเครือข่ายทักษิณต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี ให้บทเรียนอันมีค่าเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อชาติและประชาชนคนไทยให้รู้ว่า
หนึ่ง -หลังเหตุการณ์รัฐประหารในปี 2475 ของ “คณะราษฎร์” มิได้ทำให้ชาติไทยเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงแต่ประการใดเลย โดย 80 กว่าปีกับการเมืองรูปแบบสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งทั้งสภาฯ นั้น ยังเป็นต้นเหตุ
สอง -ทำให้การเลือกตั้งชาติไทยไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม มีแต่การโกงและการซื้อเสียงเลือกตั้งทุกรูปแบบ เพราะนักธุรกิจการเมืองได้อาศัยจุดอ่อนนี้ใช้เงินซื้อ ส.ส. และซื้อเสียงการเลือกตั้งมาตลอด
สาม -ทำให้ได้ ส.ส.ส่วนใหญ่ในสภาฯ ไร้คุณภาพ ไร้การทำเพื่อความถูกต้อง ไร้การทำเพื่อส่วนรวม ไร้ความรักชาติ จน ส.ส.ในสภาฯ ไทยตกอยู่ภายใต้การบงการของนักธุรกิจการเมืองเจ้าของพรรค
สี่ -ทำให้ ส.ส.ส่วนใหญ่มักใช้เสียงอย่างไร้ความรับผิดชอบต่อชาติ เลือกนายกฯ เพื่อให้นายกฯ ตั้ง ครม.ตามคำบงการของนายทุนพรรคอีกทอดหนึ่ง
ห้า -ทำให้นายทุนสามานย์บางพรรคใช้สภาฯ-รัฐบาล-อำนาจรัฐ-กลไกรัฐแบบเผด็จการคอร์รัปชันโกงกินชาติบ้านเมือง เพื่อถอนทุนบวกกำไรมากมาย ทั้งโครงการของราษฎร์และหลวง
หก -10 กว่าปีที่ทักษิณยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือ ได้เกิดการคอร์รัปชันอย่างโจ๋งครึ่ม จนวงจรอุบาทว์ได้กลับคืนสู่ชาติไทยถึง 2 ครั้ง นั่นคือ “บิ๊กบัง” ทำรัฐประหาร โค่นล้มอำนาจรัฐของทักษิณลงชั่วคราว ในเดือนกันยายน 2549 แต่เป็นรัฐประหารที่ “เสียของ” กับการ “เยี่ยวไม่สุด”
เพราะไม่มีการปฏิรูปใดๆ ทั้งสิ้น ที่สำคัญยังคงรูปแบบการเมือง สภาฯ-ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ยังทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมไม่ได้
ดังนั้น เมื่อ “บิ๊กบัง” และ “รัฐบาล คมช.” จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้ง เครือข่ายทักษิณก็ใช้เงินซื้อเสียงการเลือกตั้ง เข้ามายึดอำนาจรัฐ โกงกินชาติบ้านเมืองได้อีกครั้ง
จึงเกิดเหตุ “พลิกขั้วการเมือง” ทำให้อภิสิทธิ์ได้ขึ้นเป็นนายกฯ แต่ “หล่อจ้อเก่ง” ก็ “เยี่ยวไม่สุด” เช่นกัน แถมบางครั้งยังแอบไปสมานฉันท์กับ “มหาโจรการเมือง” ซึ่งมีเป้าหมายถาวรในการยึดอำนาจรัฐ เพื่อใช้ปล้นชาติปล้นประชาชนเสียอีก!
“หล่อจ้อเก่ง” นอกจากมิได้ปฏิรูปชาติไทยทุกภาคส่วนแล้ว ยังคงใช้รูปแบบสภาฯ ประกอบด้วยสมาชิกต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยปล่อยให้การเลือกตั้งชาติไทย ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมเช่นเดิม ดังนั้น การเลือกตั้งทั่วไปในยุคหล่อ เครือข่ายทักษิณจึงใช้เงินมหาศาลซื้อเสียงการเลือกตั้งยึดอำนาจรัฐได้อีกครา
ในที่สุด...“บิ๊กตู่” จึงจำเป็นต้องทำรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาล “พี่คิด-น้องทำ” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ส่วนจะเป็นรัฐประหาร “เสียของ” หรือ “เยี่ยวไม่สุด” อีกหรือไม่ ต้องให้ผลงาน “บิ๊กตู่” เป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้น
ที่สำคัญ “บิ๊กตู่” อย่าไปหลงเชื่อเชียวนะว่า “งาช้างอาจจะงอกออกมาจากปากสุนัข” ได้ เพราะในความเป็นจริงที่เที่ยงแท้แน่นอน คือ “งาช้างไม่มีวันงอกออกมาจากปากสุนัข” เด็ดขาด!
ปัญหาทั้งหมดจึงอยู่ที่ “บิ๊กตู่” จะใช้มาตรา 44 อย่างสร้างสรรค์ แก้ปัญหาชาติที่ต้นเหตุหรือไม่? นั่นคือ เร่งขจัด “มหาโจรการเมือง” กับสมุนบริวารอย่างจริงจัง
ดังนั้น “ไอ้ชัช” ขอถามตรงไปตรงมาว่า “ฯพณฯ ตู่” จะใช้มาตรา 44 ขจัดต้นเหตุปัญหาของชาติโดยไวหรือไม่...?
งานนี้...จะเป็น “วีรบุรุษ” หรือ “โมฆบุรุษ” ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัว “บิ๊กตู่” เองครับ