xs
xsm
sm
md
lg

“สงคราม” ของ “คนไม่รู้จักพอ”! ตอน “ประธานาธิบดีจอห์นสัน”เฉียดตาย!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

การศึก-ทุกฝ่ายจะมุ่งทำลายฐานปฏิบัติการทางทหารของอีกฝ่ายทุกวิธีการ!

อเมริกากับชาติตะวันตก และชาติเอเชียที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน ด้วยเชื่อว่า ศึกนี้ “มะกันผู้ยิ่งใหญ่” จะนำชัยมาสู่พวกตนดั่งสงครามโลกที่ผ่านมา ขณะที่รัสเซียและจีนก็ใช้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์สากล สนับสนุนชาติอินโดจีนชนิดสุดลิ่มทิ่มประตูเช่นกัน

ดังนั้น สงครามระหว่างอเมริกา-เวียดนาม จึงเป็นการศึกของรัฐทุนสามานย์ผูกขาด กับรัฐในระบอบสังคมนิยม ที่ทำสงครามกันชนิดตาต่อตา-ฟันต่อฟัน เข่นฆ่าทำลายชีวิตกันและกัน ทั้งทางอากาศ-ทางน้ำ-ทางบก โดยมุ่งทำลายฐานทางทหารกันอย่างต่อเนื่อง

ช่วงเริ่มสงครามอเมริกากับเวียดนาม “ลุงโฮ-โฮจิมินห์” ผู้เป็นเสมือน “บิดาชาวเวียดนาม” ผู้นำการขับไล่มหาอำนาจฝรั่งเศส จนต้องหนีจากเวียดนามไปอย่างเป็นทางการ “ลุงโฮ” ได้ถึงแก่อนิจกรรมในปี 2512

ทำให้ “มะกัน” กับพันธมิตรยิ่งฮึกเหิม เพราะคิดว่าสิ้น “ลุงโฮฯ” ก็เสมือนชาวเวียดนามไร้ผู้นำ มาสู้ศึกกับมะกันอย่างมีพลังอีกแล้ว แต่นั่นเป็นการคิดผิดอย่างมหันต์ จนเป็นบทเรียนเจ็บปวด ที่ถูกบันทึกไว้ทั้งในประวัติศาสตร์มะกันและโลกว่า

ชาวเวียดนาม คือ “แจ๊ค” ผู้ “พิชิต-ยักษ์มะกัน”!!!

แม้ “ลุงโฮ” จะถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว แต่ผู้นำกองทัพเวียดมินห์ ที่เผด็จศึกกองทัพฝรั่งเศสในเบียนเดียนฟูได้ อย่าง “โวเหวียนย้าป” ยังอยู่ และยังนำชาวเวียดนามทำศึก กับมะกันในครั้งนี้อย่างกล้าหาญ

หลังประธานาธิบดี ลินดอน บี จอห์นสัน นำชาติมะกันเข้าสู่สงครามแบบเต็มตัว โดยส่งทหารมะกันเข้าเวียดนามกว่า 5 แสนคน เน้นแนวรบทางอากาศเป็นหลัก ด้วยการทิ้งระเบิดสารพัดชนิดถล่มใส่เวียดนาม ในปี 2508 จำนวน 63,000 ตัน และเพิ่มขึ้นเป็น 226,000 ตัน ในปี 2510

เครื่องบินมะกันมากถึง 80% ที่ทิ้งระเบิดในเวียดนามนั้น บินตรงจากฐานทัพต่างๆ ในไทย ดังนั้น ทหารเวียดนามเหนือจะปล่อยเครื่องบิน มะกันให้ลอยนวลอยู่ในฐานทัพไทยหรือ?

ทว่าเวียดนามเหนือจะยกกองทัพบุกไทยนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ ฝ่าย เสธ.กองทัพเวียดมินห์ จึงตัดสินใจส่งหน่วยกล้าตาย “ดักกง” ที่ทหารตะวันตก เรียกว่า “แซบเปอร์” เข้าไทยอย่างเงียบกริบ

ต้องรู้นะว่า “ดักกง” เป็นหน่วยทหารเวียดนามเหนือ ที่เชี่ยวชาญการใช้อาวุธสงครามทุกชนิด โดยเฉพาะชำนาญการใช้วัตถุระเบิดทั้งของตัวเองและของข้าศึก ทั้งการติดตั้งและการถอดชนวนระเบิด เป็นหน่วยรบที่ฝึกเพื่อต้านกำลังขนาดใหญ่ ด้วยกำลังขนาดเล็กที่เคลื่อนไหวได้อย่างเงียบกริบ-ไร้ร่องรอย-ราวล่องหน

ภารกิจ “หน่วยดักกง” จะมุ่งสู่การทำลายเป้าหมายสำคัญ สังหารผู้บังคับบัญชาข้าศึก ก่อวินาศกรรม ลาดตระเวนเพื่อรุก รบประชิดตัว ซุ่มโจมตีระยะใกล้และไกล เป็นหัวหอกเจาะทะลวง ที่พิเศษ คือ ถนัดการรบในที่มืด ฯลฯ

วิธีรบของ “ดักกง” ที่ทหารตะวันตกกลัวนักหนา คือการรบข้ามไปยังหลังแนวป้องกัน โดยจะเปิดฉากโจมตีด้วยระเบิดในจุดสำคัญที่สุดกลางค่ายก่อน ตามด้วยระเบิดในทุกจุดพร้อมกัน มะกันเรียกการรบชนิดนี้ว่า ยุทธการรบแบบ “ดอกไม้บาน” จาก “ใน-สู่-นอก”นั่นเอง

การรบนี้..จะโจมตีด้วยระเบิด และยิงซ้ำด้วยอาวุธสงครามนานาชนิด เป็นการรบที่เกิดฉับพลันและจบรวดเร็ว โดยข้าศึกไม่ทันรู้ตัว หรือ ตายโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

เรื่องราวจากนี้.. เป็นความลับที่เล่าขาน จากหลายปากของทหารคอมมิวนิสต์ไทย ที่ไปฝึกการรบแบบ “ดักกง” ถึงเวียดนามเหนือ ว่า

“ดักกง” ราว 2 หมวด ประมาณ 30-40 คน แบ่งออกเป็น 2 หมู่ ในหมู่แบ่งเป็นกลุ่มละ 3 คน ได้ลอบเข้ามาปฏิบัติงานลับสุดยอดในประเทศไทย

หน่วยหนึ่งบุกเข้าค่าย “รามสูร” อย่างเงียบกริบ เพื่อทำลายเรดาร์และเสาอากาศ ที่บังคับเครื่องบินจารกรรมไร้คนขับ U2 ในขณะที่ “ดักกง” อีกกลุ่มหนึ่ง ลอบเข้าไปในฐานทัพอู่ตะเภา เพื่อถล่มเครื่องบินยักษ์ B-52

ปฏิบัติการทางการทหาร ของหน่วยกล้าตาย “ดักกง” ครั้งนั้น มะกันพยายามปกปิดเป็นความลับ มีเพียงการปล่อยข่าวในหมู่ผู้คนที่อยู่ตามขอบสนามบินว่า เครื่องบิน B-52 กับฐานเรดาร์กับเสาอากาศบังคับเครื่องบินจารกรรมไร้คนขับรุ่น U2 ปลอดภัยไม่เสียหาย อีกทั้งทหารมะกันที่ดูแลความปลอดภัยในฐานทัพทั้ง 2 แห่ง ได้สังหารหน่วยกล้าตาย “ดักกง” เกือบหมด และอ้างว่า..จับเป็น “ดักกง” ได้ 2 คน

โดยทหารมะกันเสียชีวิตเพียง 2 นาย พร้อมหมาทหารอีก 1 ตัว

แต่ผู้คนในแถบบริเวณข้างสนามบิน อันเป็นจุดจอดเครื่องบิน B-52 ระบุว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า มีควันไฟพวยพุ่งขึ้นฟ้าเป็นจุดๆ มากมาย ส่วน “ค่ายรามสูร” ที่ตั้งเสาอากาศและเรดาร์ก็มีเสียงระเบิดในค่ำคืนเดียวกัน ดังต่อเนื่องอยู่หลายระลอกก่อนจะเงียบลง

ไม่มีใครรู้ว่า.. นักรบหน่วยกล้าตาย “ดักกง” ของกองทัพเวียดนามเหนือเหล่านั้น เป็นหรือตายไปเท่าไหร่กับภารกิจลับครั้งนั้น แต่เครื่องบินยักษ์ B-52 ชะงักปฏิบัติการไปห้วงหนึ่ง และเครื่องบินจารกรรมไร้คนขับ U2 ก็ถูกเวียดนามเหนือและโซเวียต บังคับให้ลงจอดในพื้นที่ของกองทัพเวียดนามเหนือได้คาหนังคาเขา

นั่นเป็นผลงาน “หน่วยดักกง” ของเวียดนามเหนือในไทย ซึ่งมีส่วนปลุกเร้าให้หน่วย “ดักกง” ของคอมมิวนิสต์ไทยกลุ่มหนึ่ง ที่เพิ่งเรียนจบจากทางเวียดนามเหนือ พลุ่งพล่านด้วยจิตใจ “คอมมิวนิสต์สากล” มากยิ่งขึ้น

ซึ่งเป็นห้วงที่ประธานาธิบดี “ลินดอน บี จอห์นสัน” ของสหรัฐฯ มาเยือนไทย 2 ครั้ง คือ ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2509 และ เดือนธันวาคม ปี 2510 นั้น “ดักกงไทย” กลุ่มนี้เพิ่งกลับมาถึงประเทศไทยหมาดๆ

“ดักกงไทย” กลุ่มนี้ได้สำรวจ ตรวจเส้นทางการเดินทางในประเทศไทย ของประธานาธิบดีจอห์นสัน อย่างละเอียด

โดย “ดักกงไทย” กลุ่มนี้ ได้กางแผนที่และออกตระเวนกรุงเทพฯ ตรวจสอบทุกซอกทุกมุมแบบถี่ยิบ ในทุกจุดที่ประธานาธิบดีจอห์นสัน ต้องไปและต้องผ่าน เพราะ “ดักกงไทย” กลุ่มนี้..กำลังจะสร้างเหตุการณ์ช็อกโลกขึ้นในประเทศไทย

นั่นคือ สังหารประธานาธิบดี ลินดอน บี จอห์นสัน ณ จุดในจุดหนึ่งในกรุงเทพมหานครนั่นเอง!

ในที่สุด “ดักกงไทย” กลุ่มนี้ก็สรุปว่า จุดที่เหมาะเป็นจุดตายของ ประธานาธิบดีมะกันสายเหยี่ยว ที่เข่นฆ่าชาวโลกเพียงเพื่อ ให้กลุ่มทุนสามานย์ผูกขาดไม่กี่คน ได้สวาปามผลประโยชน์อย่างอยุติธรรมต่อชาวโลก คือ “สะพานผ่านพิภพลีลา”

มีการเตรียมการอย่างเงียบๆ ทั้งสำรวจคลองหลอดบางจุด มีการประกอบระเบิดสังหาร รวมทั้งมีการทดลองใช้ชุดมนุษย์กบ ดำน้ำในสภาพเช่นเดียวกับคลองหลอด จนทุกขั้นตอนพร้อมจะปฏิบัติการจริง

“ดักกงไทย” กลุ่มนี้ พร้อมพลีชีพเพื่อจบภารกิจสะท้านโลกในครั้งนี้

รอเพียงแค่..วันรุ่งขึ้น วันที่ประธานาธิบดีจอห์นสัน ต้องเดินทางข้าม “สะพานผ่านพิภพลีลา” เท่านั้น !!!

แต่ปฏิบัติการสะท้านโลกครั้งนี้-รั่วไหล ด้วยแกนนำคอมมิวนิสต์ไทยรู้เข้า จึงส่งคนออกติดตามหาตัว “ดักกงไทย” กลุ่มนี้จนพบ ก่อนจะมีคำสั่งให้ยกเลิกปฏิบัติการนี้ทั้งหมด

หนึ่งในกลุ่ม “ดักกงไทย” บอกว่า “ตอนนั้น..พวกเราเสียดายมาก ที่ไม่ได้จัดการกับผู้นำทุนนิยมสามานย์จอห์นสัน..”

แต่ใครคนหนึ่งกลับบอกว่า “ไม่ทำน่ะดีแล้ว..เคนเนดี้ตาย-ก็มีจอห์นสัน ถ้าจอห์นสันตาย-ก็มีนิกสัน

..เชื่อเถอะ..คนมะกันนั่นแหละ จะกำราบผู้นำทุนสามานย์ โลภไม่รู้จักพอ ของพวกเขาเอง..”

เหตุการณ์สะท้านโลกนี้-ไม่เกิดขึ้น! และถ้าเกิด “จอห์นสัน” จะตายไหม?-ไม่รู้

แต่สุดท้าย..รัฐบาลทุนสามานย์มะกัน..ก็พ่ายแพ้ภัยคนในชาติตนเอง!!!



กำลังโหลดความคิดเห็น