xs
xsm
sm
md
lg

“สงคราม”ของ“คนไม่รู้จักพอ”! ตอน “อินทรี”ในแดน“ขวานทอง”!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

อเมริการบกับเวียดนาม แต่ดันทะลึ่งมาเกี่ยวข้องกับชาติไทยได้อย่างไร?

หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 “เลนิน” นำพลพรรคลุกฮือยึดประเทศโซเวียตสำเร็จ ก่อเกิดระบอบคอมมิวนิสต์แห่งแรกขึ้นบนโลก ส่วนสงครามโลกครั้งที่ 2 “เหมาเจ๋อตุง” ก็นำกองทัพประชาชน บุกยึดประเทศจีน ก่อเกิดรัฐคอมมิวนิสต์ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง

หลังสงครามโลกทั้ง 2 ครั้งนี้แหละ กลุ่มชาติที่ปกครองด้วยระบอบทุนนิยม ที่มีมหาอำนาจอเมริกาหนุนหลัง กับกลุ่มชาติที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ อันมีสหภาพโซเวียตและจีนหนุนหลัง เผชิญหน้ากันด้วย “สงครามเย็น” และ “สงครามร้อน” โจมตีกันทั้งลับและเปิดเผยในหลายพื้นที่ของโลก

โดยเฉพาะสงครามทุนนิยม กับคอมมิวนิสต์ในอินโดจีน หลังฝรั่งเศสถูกกองทัพ “โฮจิมินห์” โจมตีแตกพ่ายจนต้องทิ้งอินโดจีนไปอย่างหมดรูป

มะกันจึงเข้าทำสงครามในอินโดจีนแทน ทำให้สงครามเข้ามาเกี่ยวข้องกับชาติไทย อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในยามนั้น เพราะการรุกคืบของกองทัพคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือ ได้สร้างความหวาดกลัว ให้กับผู้นำมะกันยิ่งนัก เพราะถ้าคอมมิวนิสต์ยึดเวียดนามใต้ได้ กัมพูชาและลาวก็หนีไม่พ้น ที่จะกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ตามไปด้วย และจะเป็น“โดมิโน”ลามไปยังชาติในเอเชียอาคเนย์

โดยมะกันมองว่า “โดมิโนจุดแรก” ที่จะเกิดขึ้นคือ “ไทย” นั่นเอง!

เพราะชายแดนไทยติดลาวและกัมพูชา ซึ่งเป็น 2 ใน 3 ของอินโดจีน มะกันจึงพุ่งเป้าไปยังรัฐบาลเวียดนามเหนือ ซึ่งมีกำลังกล้าแข็งมากที่สุด เนื่องจากได้รับการสนับสนุน จากคอมมิวนิสต์โซเวียตและจีนนั่นเอง แถมยังเป็นฐานส่งทอดอาวุธยุทโธปกรณ์ ไปเกื้อหนุนต่อกองทัพคอมมิวนิสต์ ทั้งลาวและกัมพูชารุกรบอีกด้วย

ดังนั้น “พญาอินทรี”จึงกางปีก บินตรงเข้าไปโรมรันกับคอมมิวนิสต์ในอินโดจีน แทนมหาอำนาจฝรั่งเศสแบบเต็มตัว เพื่อตัดตอนมิให้เกิดโดมิโนขึ้นในไทยไงล่ะครับ

โดยสหรัฐฯ นำพันธมิตรในองค์การ SEATO เข้าร่วมรบในเวียดนาม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยเวียดนามเหนือรบแบบกองโจร ลอบวางระเบิดและซุ่มโจมตี ทำให้ทหารเวียดนามใต้และมะกัน เสียชีวิตเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง

เล่นเอาทหารเวียดนามใต้และมะกันสติแตก จึงใช้การปราบปรามอย่างเหวี่ยงแห เช่น ยิงทิ้งผู้ที่คาดว่าเป็นเวียดกง เผาหมู่บ้านและวัดวาอารามของชาวพุทธ ที่คิดว่าเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังเวียดกง ตลอดจนทิ้งระเบิดปูพรมตามชายแดนเวียดนามกับกัมพูชา เพื่อตัดเส้นทางการลำเลียงทหาร และอาวุธจากเวียดนามเหนือ สู่เวียดนามใต้ผ่านทางกัมพูชา จนเกิดความเสียหายต่อพลเรือนจำนวนมหาศาล

รัฐบาลไทยยุคนั้น ก็เกรงกลัวคอมมิวนิสต์อย่างหนัก เพราะในชาติไทยก็มีกองกำลังคอมมิวนิสต์ทั้งในเมืองและชนบท มีการใช้อาวุธโจมตีทหารกับตำรวจเสียชีวิตอยู่เนืองๆ อีกทั้งคอมมิวนิสต์ไทยก็ได้รับความช่วยเหลือ ทางยุทธปัจจัยและอาวุธสงคราม จากคอมมิวนิสต์เพื่อนบ้านทั้งในอินโดจีน และคอมมิวนิสต์จีนมาโดยตลอดอีกด้วย

สงครามในเวียดนาม จึงเป็นการรบเพื่อเอาชนะกันของ 2 มหาอำนาจ 2 ระบอบการเมือง ผ่านตัวแทนรัฐบาลทุนนิยม และคอมมิวนิสต์ในพื้นที่นั้นๆ แต่มะกันได้กระโจนเข้าสงครามเวียดนาม โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องยับยั้งและทำลายการแพร่ขยาย ลัทธิคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลที่พิชิตฝรั่งเศสให้ได้

งานนี้..มะกันจึงทุ่มเงินมหาศาล ทุ่มทหารกว่าครึ่งล้านคน ทุ่มอาวุธทันสมัยสารพัดถล่มใส่เวียดนามชนิดไม่ยั้ง เพราะผู้นำกับทุนสามานย์มะกัน ที่เห็นแก่ผลประโยชน์ชนิดไม่รู้จักพอ

ไม่สนใจว่า-กำลังทำสงครามอธรรมรุกรานเวียดนาม! ไม่สนใจว่า-ประชาชนมะกันจะบาดเจ็บล้มตายมากแค่ไหน! ไม่สนใจว่า-เงินงบประมาณที่รีดไถจากประชาชนมะกัน จะถูกผลาญไปมากแค่ไหน! ผู้นำกับกลุ่มทุนสามานย์มะกันไม่กี่คน ที่ค้ากำไรจากสงครามมีข้อสรุปหนึ่งเดียว คือ กองทัพมะกันจะพ่ายแพ้แบบฝรั่งเศสไม่ได้เด็ดขาด “พญาอินทรี”ต้องรบชนะลูกเดียวเท่านั้น

เพื่อทำให้ชัยชนะในสงครามเวียดนาม เป็นการสั่งสอนมหาอำนาจคอมมิวนิสต์ ทั้งจีนและโซเวียตให้รู้ว่า มะกันคือจ้าวโลกตัวจริงเสียงจริงนะโว้ย!!!

เดือนมกราคม ปี 2512 มะกันส่งทหารกว่า 5 แสนคนเข้ามารบในเวียดนาม รัฐบาลไทยได้ยกแผ่นดินหลายแห่ง ให้มะกันใช้ปฏิบัติการทางการทหาร เพื่อส่งเครื่องบินไปโจมตีเวียดนามเหนือ เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลในการรบ และเพื่อเป็นฐานพักฟื้นกำลังพลและซ่อมแซมอาวุธยุทโธปกรณ์

มะกันได้เชื่อมต่อผลประโยชน์ กับบุคคลสำคัญเพียง 2 คน ที่เกี่ยวดองเป็นญาติกันอย่างใกล้ชิด นั่นคือ จอมพลถนอม กิตติขจร ที่เป็นทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ส่วน จอมพลประภาส จารุเสถียร ก็เป็นทั้งรองนายกฯ ผู้บัญชาการทหารบก รัฐมนตรีมหาดไทย

มะกันจึงได้ใช้ฐานทัพถึง 7 แห่งในไทย นั่นคือ ดอนเมือง อู่ตะเภา-สัตหีบ ตาคลี-นครสวรรค์ โคราช อุบลราชธานี อุดรธานี นครพนม มีการระบุว่า ระเบิดประมาณ 80% ที่มะกันทิ้งใส่เวียดนามนั้น มาจากเครื่องบินในประเทศไทย ที่บินขึ้นลงทิ้งระเบิดกันชนิดเกือบตลอด 24 ชั่วโมง

โดยเฉพาะสนามบินอู่ตะเภานั้น ถูกมะกันใช้เป็นฐานปฏิบัติการครั้งแรก ของเครื่องบินยักษ์รุ่น B52 และใช้เป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบินรบ ส่วนทะเลก็ถูกใช้ซ่อมเรือรบนานาชนิด จนลือกันว่า..เป็นอู่ซ่อมเรือดำน้ำของมะกันอีกด้วย

ฐานทหารที่สำคัญทางอีสานอีกแห่ง คือ ค่าย “รามสูร” ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านโนนสูง ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่ถูกใช้เป็นฐานอิเล็กทรอนิกส์ มีฐานเรดาห์มากมาย มีศูนย์ตรวจจับสัญญาณวิทยุ ที่สำคัญเป็นศูนย์ส่งเครื่องบินไร้คนขับ U2 ซึ่งมีเพดานบินที่สูง เกินกว่าปืนต่อสู้อากาศยานธรรมดาจะยิงได้ U2 จึงมีฉายาเป็น “เครื่องบินล่องหน” ในยุคนั้น

อย่างไรก็ตาม..สุดท้ายเจ้าเครื่องบินจารกรรม U2 ที่ติดกล้องประสิทธิภาพสูง ขนาดสามารถถ่ายภาพเหรียญบนถนนด้านล่างได้อย่างชัดเจน-ก็สิ้นฤทธิ์ เพราะถูกโซเวียตกับเวียดนามเหนือ ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง ผสานกับปืนต่อสู้อากาศยาน “แซม” บีบบังคับให้เครื่องบินล่องหน U2 ของมะกันหลายลำ ต้องร่อนลงจอดในพื้นที่เวียดนามเหนือ

เรียกว่า..ฝ่ายคอมมิวนิสต์จับเป็น เครื่องบิน“ล่องหน”ไร้คนขับมะกัน ได้คาหนังคาเขานั่นเอง!

ต้องยอมรับว่า..ฝรั่งเศสและอเมริกันล้วนทำสงครามอธรรม กับประเทศเวียดนามเหมือนกันทั้งสองชาติ ดังนั้นชาวเวียดนามที่รักชาติทั่วโลก จึงให้การสนับสนุนนักรบของพวกเขาเช่นกัน ซึ่งรวมทั้งชาวไทยเชื้อสายเวียดนามที่อยู่ในประเทศไทยด้วย

“ลุงโฮ-โฮจิมินห์” เคยมาพักอาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ทั้งที่จังหวัดอุดรธานีและนครพนม นานถึง 7 ปี ในระหว่างปี 2467-2474 ช่วงต่อสู้กู้เอกราชเวียดนามจากนักล่าอาณานิคมฝรั่งเศส และเมื่อตอน “ลุงโฮ” เดินทางออกจากไทยเข้าสู่เวียดนามเหนือ ก็มีชาวเวียดนามในไทยจำนวนหนึ่ง เดินทางไปกอบกู้เอกราชร่วมกับ “ลุงโฮ” ด้วย

ความลับไม่มีในโลก-ความลับมะกันก็ไม่มีในเวียดนามเหนือ ปฏิบัติการทางการทหารของมะกัน จึงล่วงรู้ไปถึงหูตารัฐบาลเวียดนามเหนือ จนถึงกับมีการส่งหน่วยกล้าตาย “ดักกง” ที่ทหารมะกันกลัวนักกลัวหนา เรียกขานกันว่า “แซปเปอร์” เข้าสู่ชาติไทยอย่างเงียบเชียบ

โดยหน่วยกล้าตาย “ดักกง”หลายชุดนี้ มุ่งหน้าไปยังสนามบินบางแห่งของมะกันในไทย!

นั่นหมายถึง..สงครามที่มะกันทำในเวียดนาม ได้ลามมาเข้ามาในชาติไทยแล้ว!!

เชื่อไหมว่า..ประธานาธิบดีมะกันคนหนึ่ง เฉียดใกล้ความตายในประเทศไทย???



กำลังโหลดความคิดเห็น