ASTVผู้จัดการรายวัน-"อนุพงษ์-ไพบูลย์"รับลูกใช้ ม.44 ทวงคืนผืนป่า มท.สั่งกรมที่ดินตั้งกรรมการสอบเอกสารสิทธิ์ "โบนันซ่า" ด้าน "บิ๊กต็อก"เหน็บปัญหารุกป่าหมักหมมมาตั้งแต่รัฐบาลก่อน ไม่เชื่อไม่รู้ไม่เห็น ส.ป.ก.นำเครื่องจีพีเอสสแกนตรวจพื้นที่ จ่อตรวจสอบที่ดินพิธีกรชื่อดังและอดีตอธิบดีคนดัง "สรยุทธ"ส่อแววหนาว หลังเคยโชว์บ้านหรู 100 ล้านบนเขาใหญ่ "บิ๊กตู่"ย้ำใช้ม.44 เพื่อให้ทำงานเร็วขึ้น "วิษณุ"แจงยังช่วยป้องกันเจ้าหน้าที่เกียร์ว่างหรือทุจริต จนปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลเหิมเกริม
ความคืบหน้าการตรวจสอบสนามแข่งรถอินเตอร์เนชั่นแนล โบนันซ่า สปีดเวย์ (International Bonanza Speed Way) โครงการโบนันซ่า ของนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ นักการเมืองและนักธุรกิจรายใหญ่ ตั้งอยู่ หมู่ 11 บ้านโบนันซ่า ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่มีการตรวจสอบพบว่ามีการก่อสร้างสนามแข่งรถและอาคารที่พักบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน กว่า 100 ไร่ ตามที่มีการนำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่อง
วานนี้ (9 เม.ย.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการตรวจสอบการบุกรุกที่ดินของโบนันซ่า ว่า ได้สั่งการให้กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเอกสารสิทธิของรีสอร์ทดังกล่าวว่าถูกต้องหรือไม่ หากเป็นไปโดยมิชอบ ก็ต้องดำเนินการต่อไป 2 เรื่อง คือ ความผิดของเจ้าหน้าที่ และการเพิกถอนเอกสารสิทธิ
ส่วนการออกประกาศคำสั่งที่ 4/2558 โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรตรา 44 ในเรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ที่คุ้มครองประโยชน์สาธารณะและประชาชนโดยส่วนรวม ที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจเข้าไปดูแลการทำงานของแต่ละกระทรวง ถ้ามีการขอความช่วยเหลือเขามานั้น ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในการทำงาน เพราะที่ผ่านมา ได้มีการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารมาโดยตลอด
***"บิ๊กต็อก"เหน็บรุกป่ามีตั้งแต่รัฐบาลก่อน
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 44 ออกคำสั่งโดยหัวหน้าคสช. เรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายที่คุ้มครองประโยชน์สาธารณะและประชาชนโดยส่วนรวมว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมมีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายดูแลปัญหาบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับตนให้เร่งจัดการแก้ปัญหาโดยเร็ว โดยต้องยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวหมักหมมมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลจากการเลือกตั้ง คนที่ออกมาพูดต่อต้านรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ก็เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหา
"ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรี ผมไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายการทำงานของใคร ไม่เคยพาดพิงถึงใคร สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้ รัฐบาลชุดของพวกท่านแก้ไม่ได้ เรากำลังจะแก้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษ ผมเข้ามาในลักษณะนี้ ก็ต้องมีของวิเศษในการทำงานในช่วงเวลาสั้น ถ้าไม่มีเรื่องหมักหมม มีแต่การพัฒนาประเทศอย่างเดียว จะทำให้มีเวลาคิดได้มากกว่านี้ แต่พบว่าปัญหาเกินกว่าครึ่งที่รัฐบาลชุดนี้ ต้องเข้ามาแก้ไข ทั้งเรื่องค้ามนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ซึ่งเป็นปัญหามาจากรัฐบาลชุดเดิม แต่รัฐบาลนี้กลับถูกตำหนิว่าบริหารประเทศไม่เป็น ส่งออกไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องใช้มาตรา 44 เข้ามาจัดการ เรื่องปัญหาบุกรุกป่าไม้ มีการเข้าไปก่อสร้างอาคารสูงในป่า ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมาจะมองไม่เห็น"พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
***ยื่นฟัน100ข้าราชการเอี่ยวทุจริต
พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงการส่งรายชื่อข้าราชการที่มีส่วนพัวพันกับการทุจริตให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาปรับย้ายจากตำแหน่งว่า ภายในสัปดาห์นี้ นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) จะต้องรวบรวมรายชื่อเสนอมายังกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตนไม่ขอเปิดเผยว่ารายชื่อข้าราชการทั้ง 100 รายชื่อ สังกัดหน่วยงานใด หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการใด ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่มีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับส่วยน้ำมันเถื่อนและการเรียกรับผลประโยชน์ในภูมิภาคต่างๆ แต่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายให้มีตำแหน่งดีขึ้นนั้น เป็นหน้าที่ของอธิบดีดีเอสไอต้องพิจารณา หากต้องการให้ตนเข้าไปดำเนินการอาจถูกตำหนิว่ารัฐมนตรีเข้าไปล้วงลูก แต่ถ้าอธิบดีดีไม่ดำเนินการตามหน้าที่ ก็ต้องสั่งย้ายอธิบดี
***เตรียมตรวจสอบที่ดินพิธีกรชื่อดัง
แหล่งข่าวจากสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) แจ้งว่า ทีมกฏหมายและทีมช่างรางวัดจาก ส.ป.ก.ส่วนกลาง ได้เข้าร่วมหารือกับ พ.อ.สมหมาย บุษบา คณะทำงานด้านกฏหมาย กองทัพภาคที่ 2 พร้อมกับ “ทีมปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า” เน้นตรวจสอบการถือครองของรีสอร์ทโบนันซ่า เขาใหญ่ เช่น สนามกอลฟ์ บ้านจัดสรร และพื้นที่รีสอร์ท มีการนำเอาเครื่องจีพีเอส เข้าไปตรวจสอบ เน้นดูพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ (นส 3) ซึ่งยังเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.เท่านั้น ไม่ต้องดูภาพถ่ายทางอากาศ เนื่องจากมีนโยบายสั่งมาแล้วให้ดำเนินการเด็ดขาด
นอกจากนั้น ส.ป.ก.ได้เตรียมเข้าตรวจสอบการถือครองที่ดินและการปลูกสร้างบ้านพักตากอากาศของพิธีกรชื่อดัง และอดีตอธิบดีคนดัง ที่บริเวณเขาใหญ่ และที่จ.เชียงราย ที่ครองครองไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ โดยเบื้องต้นพบการออกเอกสารสิทธิ์ สค.1 และ นส.3 ทับพื้นที่ของ ส.ป.ก.ทั้งสองแห่ง โดยใส่ชื่อญาติและคนใกล้ชิดแทนชื่อตนเองในโฉนด
***ที่ดิน "สรยุทธ"ส่องานเข้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2557 นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวชื่อดัง ได้โพสต์อินสตาแกรม @sorrayuth9111 อวดบ้านพักตากอากาศ หลังใหญ่อลังการ ซึ่งปลูกอยู่บนเนื้อที่หลายร้อยไร่ แถบพื้นที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา โดยตัวบ้านนั้น มีรายงานระบุว่ามีมูลค่าสูงถึง 100 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในโลกสังคมออนไลน์ตอนนั้น ได้มีผู้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบโฉนดที่ดินของนายสรยุทธว่าเป็นที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อีกทั้งยังมีการตั้งข้อสงสัยถึงราคาบ้านที่มีราคาสูงลิบนั้น นายสรยุทธต้องใช้เวลาหาเงินกี่ปี และต้องหารายได้ต่อเดือนเท่าไร จึงจะสามารถสร้างบ้านหลังนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทาง ส.ป.ก. ได้ให้ข่าวว่าจะทำการตรวจสอบที่ดินของพิธีกรชื่อดัง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นที่ดินของพิธีกรชื่อดังคนนี้หรือไม่ ซึ่งต้องมีการติดตามกันต่อไป และล่าสุด ยังมีข่าวอีกว่า จะมีพิธีชื่อดังอีกราย ซึ่งเคยมีข่าวว่ามีบ้านหลังใหญ่โตที่เขาใหญ่อีกคน จะถูกตรวจสอบในครั้งนี้ด้วย
***ประเมินความเสียหายก่อนฟ้องร้อง
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้ให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)ไปตรวจสอบการบุกรุกที่ดินของรีสอร์ท โบนันซ่า เขาใหญ่ เพื่อประเมินความเสียหาย และดำเนินการตามกฎหมายทั้งการฟ้องแพ่งและอาญา ซึ่งที่ผ่านมา มีการอ้างสิทธิ์ในเอกสารสิทธิ์ นส.3 ขึ้นมาทำให้ ส.ป.ก. จึงยังไม่ได้เข้าไปสำรวจรังวัด ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าประมาณ 79 ไร่ กรณีนี้ต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านั้น เมื่อ.ส.ปก.ได้ดำเนินการตามขั้นตอน คือ การเรียกผู้ถือครองมาพบหรือรายงานตัวพร้อมหลักฐานอื่นเพิ่ม ดังนั้น ในส่วนนี้ก็จะต้องไปดูว่าจะมีการแก้ไขให้กฎหมายมีความรัดกุมอย่างไรต่อไป
นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมายและรังวัดได้ลงพื้นที่แล้ว คาดว่าจะประเมินตัวเลขได้เร็วๆ นี้ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าที่ดินไม่ได้มีการนำดินออกไป จึงไม่มีการคิดความเสียหายของหน้าดิน แต่อาจจะคิดเทียบเคียงในสัดส่วนของอัตราเช่าที่ดิน หรือการเสียโอกาสการทำประโยชน์ในที่ดินของเกษตรกร โดยอาจคำนวนเป็นรายได้ต่อไร่เพื่อนำมาประกอบการฟ้องร้อง ส่วนกรณีที่จะใช้เรื่องค่าปรับคดีทำโลกร้อนมาตั้งค่าเสียหายนั้น จะหารือกับกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
***ตำรวจโคราชรับลูกตรวจที่บุกรุก
พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผบก.ภ.จว.นครราขสีมา กล่าวว่า ทราบว่าเจ้าหน้าที่ส.ป.ก.มาร่วมเดินสำรวจรังวัด โดยมีพล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข รองผบช.ภ. 3 เดินทางมาด้วย จากนั้นส.ป.ก.จะสรุปรายงานส่งมาให้พนักงานสอบสวน และคงต้องให้โอกาสทางโบนันซ่าเสนอหลักฐานและชี้แจง สำหรับคดีนี้แม้มีการแจ้งความหลายหน่วยงาน แต่ตำรวจได้รวมให้เป็นคดีเดียวกัน เพียงแต่มีผู้เสียหายเป็นหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยเท่านั้น และพิจารณาไปตามที่แต่ละหน่วยงานแจ้งความไว้
"คงต้องขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวน เพื่อประกอบการสอบสวน วันนี้พนักงานสอบสวนเร่งทำงานเต็มที่ เพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ผู้บังคับบัญชาก็ขอให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และทำให้ถูก ต้องยุติธรรม ตรงไปตรงมา"
***"บิ๊กตู่"ย้ำใช้ม.44เพื่อให้ทำงานเร็วขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.ป กล่าวว่า การใช้มาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 4 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารไปทำงานกับตำรวจหรือกับป่าไม้ ไม่อย่างนั้นก็ทำไม่ได้ เพราะกฎหมายคนละฉบับ ขอให้เข้าใจว่า ไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะใช้กฎหมายของหน่วยงานเหล่านั้นทำ แต่เมื่อเขาทำไม่ได้ คนไม่พอบ้าง การดำเนินการช้า ไม่ทันการณ์ จึงต้องใช้มาตรา 44 เพื่อให้เร็วขึ้น ให้มันพอดี แต่จะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกคนและข้าราชการ
***ทหารช่วยทำงานมีแต่ข้อดี
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่ง คสช. ที่ 4/2558 ว่า เป็นการใช้อำนาจเพื่อแก้ไขปัญหาบางอย่างในทางบริหาร เพราะปกติกฎหมายแต่ละฉบับ มีรัฐมนตรีที่รักษาการสามารถแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการได้ แต่ระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา พบว่าการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแต่ละฉบับลงไปปฏิบัติไม่ได้ผล เพราะกำลังเจ้าหน้าที่น้อย หย่อนประสิทธิภาพ หรือยังไม่เข้าใจเจตนาความมุ่งหมายของกฎหมายและของรัฐบาล จึงมีเสียงเรียกร้องจากทุกกระทรวงมาว่าทำอย่างไรจะสามารถแต่งตั้งคนนอกกระทรวงมาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อมาเสริมกำลังได้ แต่ปรากฏว่าติดปัญหา เพราะกฎหมายเหล่านี้มักเขียนว่าการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเป็นการแต่งตั้งคนในกระทรวงนั้นๆ เท่านั้น แต่งตั้งคนนอกไม่ได้ จึงมีแนวคิดว่าจะแก้ไขกฎหมาย แต่หากไปแก้กฎหมายจะเป็นการถาวร เพราะจุดประสงค์ต้องการให้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวในระหว่างการจัดระเบียบสังคมนี้ ถึงเวลาหนึ่งจะออกเป็น พ.ร.บ.เพื่อยกเลิก
"คำสั่งดังกล่าวขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีตามกฎหมายจะเป็นผู้ร้องขอไปยังรมว.กลาโหม ขอให้ตั้งทหารเข้ามาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เสริม เมื่อพิจารณาแล้วจะเสนอหัวหน้า คสช. ออกคำสั่งแต่งตั้งทหารเข้าไปเสริมกำลังของฝ่ายกระทรวง ทบวง กรม ในการที่จะปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นั้นๆ ได้"
***แปลกใจผู้มีอิทธิพลกลัวทหาร
นายวิษณุกล่าวว่า โดยข้อเท็จจริง การตั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารลงไปประกบ เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายนั้นๆ มีความระมัดระวัง จะเกียร์ว่าง จะทุจริต หรือจะไปบกพร่องเสียเองอย่างในอดีตไม่ได้ เพราะจะถูกประกบ มีการตรวจสอบจากทหาร ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเอง หากทำผิดกฎหมาย จะถูกประกบโดยพลเรือนเช่นกัน เป็นการทำงานเหมือนคู่ขา ต่างคนต่างตรวจสอบ
"จะดูได้จากนี้ไป เมื่อมีกำลังทหารไปเสริม ทุกอย่างจะดีขึ้นหรือไม่ ที่แล้วมามีปัญหา เวลาเจ้าหน้าที่ทำเอง พวกบุกรุกไม่ยำเกรง แต่เมื่อมีการปรับกำลังเจ้าหน้าที่ทหารไปช่วยดู กลับดีขึ้น แปลกเหมือนกันผู้มีอิทธิพลมักกลัวทหารมากกว่าตำรวจ อาจจะเป็นเพราะนานๆ เขาลงไปที"
***ผบ.ตร.สั่งหนุนทหารทำงาน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีวิทยุในราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เลขที่ 0001 (ศปก.ตร.)/63 ถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) นครบาล ภ.1-9 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแนวภาคใต้ (ศชต.) สอบสวนกลาง และสำนักงานกฎหมายและคดี ระบุว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. มีคำสั่งที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 4/2558 เรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายที่คุ้มครองประโยชน์สาธารณะและประชาชนโดยส่วนรวมนั้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของหัวหน้า คสช. เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพจึงให้มีการกำชับหัวหน้าหน่วยในสังกัดทุกระดับ โดยเฉพาะผู้บังคับการตำรวจนครบาล/ผู้บังคับการจังหวัด/ผู้บังคับการใน สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และหัวหน้า สน./สภ. สนับสนุนการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้า คสช. โดยเคร่งครัด โดยให้รอง ผบช.-รอง ผบก.ไปกำกับดูแลการปฏิบัติ
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ ให้รายงานผลอย่างละเอียด พร้อมปัญหาข้อบกพร่อง ความเห็นหรือข้อเสนอแนะ เสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผ่านผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดีโดยด่วน เพื่อมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบไปศึกษารายละเอียดการปฏิบัติเพื่อให้คำแนะนำ หรือตอบข้อซักถามของหน่วยต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยจัดทำคำแนะนำ คู่มือให้ฝ่ายกฎหมาย ศปก.ตร.เป็นผู้ชี้แจงแนะนำในเบื้องต้น
***"ชูวิทย์"แขวะน้ำลดตอผุดฝั่งเดียว
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว "ชูวิทย์ I'm No.5" ถึงกรณีการเข้าตรวจสอบพื้นที่ของสนามแข่งรถโบนันซ่าเขาใหญ่ หลังถูกร้องเรียนว่าบุกรุกป่าสงวน รวมถึงรีสอร์ทโบนันซ่า อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในส่วนของสนามกอล์ฟ และหมู่บ้านจัดสรร โดยระบุว่า น้ำลดตอผุด (ฝั่งเดียว) หากเรามีรัฐบาลที่ตรงไปตรงมา จัดการปัญหาไม่ว่าอยู่ฝั่งใดพวกใด ทำไมพวกเราคนไทยจะไม่ยินดี?
อย่างกรณี "โบนันซ่า" ที่เขาใหญ่ เมื่อรัฐบาลจะใช้ ม.44 จัดการปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าใหญ่แค่ไหน ก็บุกรุกผืนป่าสงวน ทรัพย์สมบัติของคนไทยไม่ได้ บรรดากรมที่ดิน กรมป่าไม้ ผู้ว่าฯ ที่เพิ่งตื่นตัว รีบประสานเสียงจัดการอย่างรวดเร็ว ว่องไว เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉิบหายแล้ว ทำไปได้อย่างไร?
น้ำลด ตอมันก็ผุด แต่ปัญหา คือ ตอมันผุดอยู่ฝั่งเดียว อีกฝั่งน้ำยังขังไม่ยอมลด ส่วนตอก็ยังแอบมุดหัวสุขสบายอยู่ใต้น้ำ ไม่ว่าจะเป็น ภูเก็ต เกาะสมุย หากโบนันซ่าเอาทรัพยากรธรรมชาติไปทำสนามแข่งรถ แล้วไอ้พวกที่ยึดเขา ยึดชายหาดเอาไปทำรีสอร์ทจะว่าอย่างไร?
จนถึงบัดนี้ ผมยังคิดไม่ออกว่า ม.44 มันจะสร้างสรรค์ตรงไหน ถ้าบังคับใช้กับคนแค่ฝั่งเดียว?
หากกฎหมายศักดิ์สิทธิ์จริง ต้องบังคับใช้กับคนไทยทุกคน ไม่ว่าเป็นใคร ใหญ่แค่ไหน หน้าดำหรือหน้าขาว สีเหลือง สีแดง หรือหลากสี แต่ผมเกรงว่า คงจะตาบอดสีเสียมากกว่า"
***ตรวจพื้นที่มรภ.บุรีรัมย์1,600ไร่
วันเดียวกันนี้ พ.ท.ประพล อาจหาญ ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และช่วยเหลือประชาชน กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อ.ปะคำ ที่ดินจังหวัด ส.ป.ก.จังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าตรวจสอบที่ดินราชพัสดุ ทะเบียน บร. 808 ต.หูทำนบ อ.ปะคำ เนื้อที่กว่า 1,830 ไร่ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) บุรีรัมย์ ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา พบว่ามีชาวบ้าน นายทุน และนักการเมืองปบุกรุกแผ้วถางถือครอง โดยการปลูกยางพารา มันสำปะหลัง 165 ราย เนื้อที่กว่า 1,600 ไร่ ซึ่งที่ผ่านมาทางมรภ.บุรีรัมย์ ได้เข้าห้ามปราม แต่ชาวบ้านและนายทุนไม่ปฏิบัติตาม จนเกิดการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้บุกรุกมากว่า 10 ปี
เจ้าหน้าที่ได้เรียกผู้ใหญ่บ้านเข้าหารือ พร้อมขอความมือให้ไปประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในท้องที่ของตัวเอง ที่เข้าบุกรุกพื้นที่ราชพัสดุทราบ และไม่ให้บุกรุกเพิ่มเติม พร้อมทั้งให้ผู้บุกรุกมาเจรจาหาทางออกกับทางมรภ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่อย่างถูกต้อง ว่าจะยินยอมให้ชาวบ้านและผู้บุกรุกใช้ประโยชน์หรือไม่ เพราะเป็นอำนาจของมรภ.