“อนุพงษ์ - ไพบูลย์” รับลูกใช้ ม.44 ทวงคืนผืนป่า มท. สั่ง “กรมที่ดิน” ตั้งกรรมการสอบ “โบนันซ่า” บุกรุกที่ป่าสงวน อัดปัญหาหมักหมมจากรัฐบาลเลือกตั้ง ด้าน ส.ป.ก. นำ “เครื่องจีพีเอส” ประสาน ทภ.2 ตรวจพื้นที่ ปูด! เตรียมตรวจสอบที่ดินพิธีกรชื่อดัง
วันนี้ (9 เม.ย.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบการบุกรุกที่ดินของรีสอร์ตหรู ใน จ.นครราชสีมา ว่า ได้สั่งการกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเอกสารสิทธิของรีสอร์ตดังกล่าวว่าถูกต้องหรือไม่ หากเป็นไปโดยมิชอบ ก็ต้องดำเนินการต่อไป 2 เรื่อง คือ ความผิดของเจ้าหน้าที่ และการเพิกถอนเอกสารสิทธิ
ส่วนการออกประกาศคำสั่งที่ 4/2558 โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 44 ในเรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ที่คุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และประชาชนโดยส่วนรวม ที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจเข้าไปดูแลการทำงานของในแต่ละกระทรวง ถ้ามีการขอความช่วยเหลือว่า ที่ผ่านมา เราทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารมาโดยตลอด อาทิ ในเรื่องการปรองดอง ที่มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงไปในชุมชน เพื่อไปทำความเข้าใจกับประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย”
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมมีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายดูแลปัญหาบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้กำชับตนให้เร่งจัดการแก้ปัญหาโดยเร็ว ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวหมักหมมมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลจากการเลือกตั้ง คนที่ออกมาพูดต่อต้านการใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ก็เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหา
“ตั้งแต่ผมเป็นรัฐมนตรี และ คสช. ผมไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายการทำงานของใคร ไม่เคยพาดพิงถึงใคร เช่นเดียวกับปัญหาบุกรุกป่าไม้มีการเข้าไปก่อสร้างอาคารสูงในป่า ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมาจะมองไม่เห็น” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
อีกด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) แจ้งว่า ทีมกฎหมายและทีมช่างรางวัดจาก ส.ป.ก.ส่วนกลาง ได้เข้าร่วมหารือกับ พ.อ.สมหมาย บุษบา คณะทำงานด้านกฏหมาย กองทัพภาคที่ 2 พร้อมกับ “ทีมปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า” เน้นตรวจสอบการถือครองของรีสอร์ตโบนันซ่า เขาใหญ่ เช่น สนามกอลฟ์ บ้านจัดสรร และพื้นที่รีสอร์ต มีการนำเอาเครื่องจีพีเอส เข้าไปตรวจสอบเน้นดูพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ (น.ส.3) ซึ่งยังเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. เท่านั้น ไม่ต้องดูภาพถ่ายทางอากาศ เนื่องจากมีนโยบายสั่งมาแล้วให้ดำเนินการเด็ดขาด
นอกจากนั้น ส.ป.ก. ได้เตรียมเข้าตรวจสอบการถือครองที่ดิน และการปลูกสร้างบ้านพักตากอากาศของพิธีกรชื่อดัง และอดีตอธิบดีคนดัง ที่บริเวณเขาใหญ่ และ จ.เชียงราย ที่ครองครองไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ โดยเบื้องต้นพบการออกเอกสารสิทธิ ส.ค.1 และ น.ส.3 ทับพื้นที่ของ ส.ป.ก. ทั้งสองแห่ง โดยใส่ชื่อญาติและคนใกล้ชิดแทนชื่อตนเองในโฉนด
อีกด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “ชูวิทย์ I'm No.5” ถึงกรณีการเข้าตรวจสอบพื้นที่ของสนามแข่งรถโบนันซ่าเขาใหญ่ หลังถูกร้องเรียนว่าบุกรุกป่าสงวน รวมถึงรีสอร์ตโบนันซ่า อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในส่วนของสนามกอล์ฟ และหมู่บ้านจัดสรร โดยระบุว่า
“น้ำลดตอผุด (ฝั่งเดียว) หากเรามีรัฐบาลที่ตรงไปตรงมา จัดการปัญหาไม่ว่าอยู่ฝั่งใดพวกใด ทำไมพวกเราคนไทยจะไม่ยินดี?
อย่างกรณี “โบนันซ่า” ที่เขาใหญ่ เมื่อรัฐบาลจะใช้ ม.44 จัดการปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าใหญ่แค่ไหนก็บุกรุกผืนป่าสงวน ทรัพย์สมบัติของคนไทยไม่ได้ บรรดากรมที่ดิน กรมป่าไม้ ผู้ว่าฯที่เพิ่งตื่นตัว รีบประสานเสียงจัดการอย่างรวดเร็ว ว่องไว เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉิบหายแล้ว ทำไปได้อย่างไร?
น้ำลด ตอมันก็ผุด แต่ปัญหาคือ ตอมันผุดอยู่ฝั่งเดียว อีกฝั่งน้ำยังขังไม่ยอมลด ส่วนตอก็ยังแอบมุดหัวสุขสบายอยู่ใต้น้ำ ไม่ว่าจะเป็น ภูเก็ต เกาะสมุย
หากโบนันซ่าเอาทรัพยากรธรรมชาติไปทำสนามแข่งรถ แล้วไอ้พวกที่ยึดเขา ยึดชายหาด เอาไปทำรีสอร์ตจะว่าอย่างไร?
จนถึงบัดนี้ ผมยังคิดไม่ออกว่า ม.44 มันจะสร้างสรรค์ตรงไหน ถ้าบังคับใช้กับคนแค่ฝั่งเดียว?
หากกฎหมายศักดิ์สิทธิ์จริง ต้องบังคับใช้กับคนไทยทุกคน ไม่ว่าเป็นใคร ใหญ่แค่ไหน หน้าดำหรือหน้าขาว สีเหลือง สีแดง หรือหลากสี
แต่ผมเกรงว่า คงจะตาบอดสีเสียมากกว่า”