นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ดิน บริเวณสนามแข่งรถของรีสอร์ทดัง ซึ่งมีการรุกที่ป่าสงวนกว่า 100 ไร่ ว่า หลังร่วมกับกองทัพภาคที่ 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมป่าไม้ ลงพื้นที่ตรวจสอบ ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการรุกล้ำไปในพื้นที่ป่าสงวนจริง ซึ่งส่วนของ ป.ป.ท.ต้องเข้าไปตรวจสอบว่า เจ้าหน้าที่ที่ออกเอกสารสิทธิดำเนินการอย่างไร เหตุใดปล่อยให้มีการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ป่าสงวนได้ ทั้งนี้ เบื้องต้นมอบหมายให้ ป.ป.ท.เขตพื้นที่ 3 รับผิดชอบรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ทั้งหมด โดยต้องประสานขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกรมที่ดิน เพื่อตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง ตั้งแต่การได้มาของ น.ส. 3 ก. เมื่อช่วงปี 2519
เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวอีกว่า หากพบเป็นการครอบครองที่ดินโดยอ้างเอกสารสิทธิที่ได้โดยมิชอบ เจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่ช่างรังวัดไปจนถึงเจ้าหน้าที่ทุกระดับต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งมีการกำชับให้ ป.ป.ท.เขตพื้นที่ 3 รวบรวมหลักฐานให้ชัดเจน โดยไม่ได้กำหนดเวลาเร่งรัด เพราะต้องการให้ตรวจสอบอย่างรอบคอบเป็นธรรมทุกฝ่าย
ส่วนการเพิกถอนเอกสารสิทธินั้น อำนาจโดยตรงเป็นของกรมที่ดิน ซึ่งต้องร่วมกันทำงาน หากเอกสารสิทธิได้มาไม่ชอบต้องเพิกถอนตามขั้นตอน สำหรับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง กรมป่าไม้ในฐานะเจ้าของที่ดินต้องใช้อำนาจผลักดันออกไป เพื่อรักษาพื้นที่ป่าเป็นของส่วนรวม
เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวอีกว่า หากพบเป็นการครอบครองที่ดินโดยอ้างเอกสารสิทธิที่ได้โดยมิชอบ เจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่ช่างรังวัดไปจนถึงเจ้าหน้าที่ทุกระดับต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งมีการกำชับให้ ป.ป.ท.เขตพื้นที่ 3 รวบรวมหลักฐานให้ชัดเจน โดยไม่ได้กำหนดเวลาเร่งรัด เพราะต้องการให้ตรวจสอบอย่างรอบคอบเป็นธรรมทุกฝ่าย
ส่วนการเพิกถอนเอกสารสิทธินั้น อำนาจโดยตรงเป็นของกรมที่ดิน ซึ่งต้องร่วมกันทำงาน หากเอกสารสิทธิได้มาไม่ชอบต้องเพิกถอนตามขั้นตอน สำหรับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง กรมป่าไม้ในฐานะเจ้าของที่ดินต้องใช้อำนาจผลักดันออกไป เพื่อรักษาพื้นที่ป่าเป็นของส่วนรวม