ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชุดปฏิบัติการพิเศษ ก.ยุติธรรมร่วมทหาร “ทภ. 2” ลุยตรวจสอบ “สนามแข่งรถโบนันซ่า” ของนักธุรกิจนักการเมืองใหญ่ชื่อดังฉาวรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้าฯ ปากช่อง โคราช กว่า 100 ไร่ และพบสร้างบ้านพัก ลานคอนเสิร์ต สั่งกรมป่าไม้แจ้งดำเนินคดีฐานบุกรุกครอบครองโทษหนักคุก 20 ปี พร้อมรื้อถอนและฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย ระบุส่ง ป.ป.ท.เชือด จนท.รัฐออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ กม. ขณะลูกสาวอ้างไม่เจตนาบุกรุกป่า หากพบผิดยินดีคืนให้รัฐ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (31 มี.ค.) ชุดปฏิบัติการพิเศษกระทรวงยุติธรรม ร่วมกรมป่าไม้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นำโดย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.อ.สมหมาย บุษบา หัวหน้าคณะทำงานเพื่อความมั่นคง กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2, นายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่ากรมป่าไม้ และ พ.ต.อ.สิทธิโรจน์ นพโพธิพงศ์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) และคณะรวมถึงสื่อมวลชน
ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่สนามแข่งรถอินเตอร์เนชั่นเนล โบนันซ่า สปีดเวย์ (International Bonanza Speed Way) โครงการโบนันซ่า ของ นายไพรวงษ์ เตชะณรงค์ นักการเมืองและนักธุรกิจใหญ่ชื่อดัง ตั้งอยู่ หมู่ 11 บ้านโบนันซ่า ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นหุบเขารายล้อมด้วยภูเขา และถูกปรับให้เป็นสนามแข่งรถระดับนานาชาติ พร้อมลานกิจกรรมที่ใช้จัดงานคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ และยังเคยใช้เป็นสถานที่จัดงานพิธีมงคลสมรสของ นายสงกรานต์ และ นางทักษอร เตชะณรงค์ ดาราชื่อดัง บริเวณต้นมะขามคู่ที่โด่งดังไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีการสร้างบ้านพักจำนวนกว่า 10 หลัง รวมกว่า 30 ห้อง
โดยในขณะที่คณะของ พ.ต.อ.ดุษฎีลงตรวจสอบ น.ส.พัทธมน เตชะณรงค์ ลูกสาวของ นายไพรวงษ์ เตชะณรงค์ อ้างตัวเป็นเจ้าของพื้นที่เข้าชี้แจงและให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมนำเอกสาร น.ส.3 ก. มาแสดงยืนยันต่อเจ้าหน้าที่จำนวน 5 แปลง
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า การลงพื้นที่พร้อมหน่วยงานต่างๆ ทั้งตำรวจ ทหาร และป่าไม้วันนี้สืบเนื่องจากกระทรวงยุติธรรมได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่ามีนายทุนก่อสร้างสนามแข่งรถในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน จึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าที่ดินในพื้นที่สนามแข่งรถมีหลักฐาน น.ส.3 ก. รวม 5 แปลง พื้นที่ 47 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด จำนวน 151 ไร่ โดยส่วนใหญ่รวมกว่า 100 ไร่เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้าฯ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวดั้งเดิมมีการประกาศเป็นพื้นที่ป่าถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2506 ต่อมาปี 2509 ได้มีกฎกระทรวงประกาศให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้าฯ ในพื้นที่บางส่วนของป่าไม้ถาวร และในปี 2519 กรมที่ดินได้เข้าไปเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในเขตป่าไม้ถาวร และป่าสงวนแห่งขาติป่าเขาเสียดอ้าฯ ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดินห้ามมิให้เดินสำรวจออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
และปี 2536 กรมป่าไม้ยกที่บางส่วนให้ ส.ป.ก.นำไปจัดให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ทำกินหรือมีที่ทำกินแต่ไม่พอแก่การยังชีพ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะกรมที่ดินนำไปออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. แล้ว จากนั้นในปี 2549 มีการเดินสำรวจออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินในเขตป่าไม้ถาวร จึงมีการนำ น.ส.3 ก. ซึ่งเคยเดินสำรวจออกเมื่อปี 2519 มาขอออกโฉนดที่ดินอีกรอบหนึ่ง
พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่สำรวจครั้งนี้ชัดเจนว่าสนามแข่งรถอินเตอร์เนชั่นเนล โบนันซ่า สปีดเวย์ ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้าฯ และอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร และมีการสร้างทับทางสาธารณประโยชน์ และลำรางสาธารณประโยชน์
โดยในส่วนที่มีการบุกรุกได้มอบหมายให้กรมป่าไม้ ซึ่งเป็นผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีข้อหากระทำความผิดตาม ม.14 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2507 ฐานบุกรุกแผ้วถางก่นสร้าง ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มีโทษจำคุก 20 ปี ปรับ 150,000 บาท/ไร่ และจะต้องทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด พร้อมดำเนินคดีทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป
ส่วนเอกสารสิทธิที่มีการออก น.ส.3 ก. ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ ในพื้นที่บางส่วนของป่าไม้ถาวรเมื่อปี พ.ศ. 2519 ได้มอบหมายให้สำนักงาน ป.ป.ท.ดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและทำการเพิกถอนเอกสารสิทธิดังกล่าว
นอกจากนี้จะได้ทำการตรวจสอบสนามกอล์ฟ หมู่บ้านจัดสรรให้นักการเมือง บ้านจัดสรร ส่วนสัตว์ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. เมื่อปี 2519 และนำมาออกโฉนดที่ดินในภายหลัง ซึ่งจะส่งเรื่องให้สำนักงาน ป.ป.ท.ดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ร่วมกับนายทุนออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด และเพิกถอนเอกสานสิทธิทั้งหมดที่ออกไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ด้าน น.ส.พัทธมน เตชะณรงค์ เจ้าของโครงการโบนันซ่า กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวมีชาวบ้านมาขายให้พ่อของตน ส่วนตนมารับบริหารต่อในรุ่น 2 ไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวมีเอกสารสิทธิหรือไม่ เนื่องจากข้อมูลต่างๆ อยู่สำนักงานที่กรุงเทพฯ แต่หากเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและพบว่ามีการรุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนฯ ตนพร้อมและยินดีที่จะส่งคืนให้ทางรัฐเพราะไม่มีเจตนาที่จะกระทำผิดกฎหมาย โดยเมื่อ 3 ปีก่อนครอบครัวตนได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นสนามแข่งรถและพื้นที่จัดงานคอนเสิร์ต ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาแจ้งให้ทราบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าฯ
อย่างไรก็ตาม อยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้ชัดเจนลงไปเลยจะได้รู้กันเพราะครอบครัวตนไม่มีเจตนาบุกรุก และอยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกพื้นที่ทั้งหมดของโบนันซ่าด้วย
