ASTV ผู้จัดการรายวัน - ราคาทองคำยังคงผันผวน ท่ามกลางกระแสการเงินในระบบเศรษฐกิจโลกที่ยังคงแกว่งตัวรับข่าว คาดการณ์ FED ดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป ขณะที่การทำ QE ของทั้งยุโรป และญี่ปุ่นยังคงดันอัตราเงินเฟ้อฟุ่งต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินแนวโน้มทองคำประจำสัปดาห์นี้ว่า ราคาทองเริ่มมีการปรับลงเพื่อพักฐานระยะสั้นหลังจากขึ้นมาต่อเนื่องจบรูปแบบ V-SHAPE ขาขึ้น แต่คาดว่าการปรับลงจะเกิดขึ้นชั่วคราว เพื่อลดความร้อนแรงหลังจบแนวขึ้น V-SHAPE เท่านั้น จากสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,208.76 เหรียญต่อทอยออนซ์ ภายหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนเกี่ยวกับการยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ย 0% (ZIRP) เร็วเกินไป เพราะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และกำลังฟื้นตัวจะไม่สามารถรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมที่มากขึ้นได้ นอกจากนี้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงเนื่องจากธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ประกาศเพิ่มเพดานเงินกู้ฉุกเฉินให้แก่กรีซเป็น 7.18 หมื่นล้านยูโร จาก 7.11 หมื่นล้านยูโร เพื่อเปิดทางให้ภาคธนาคารของกรีซสามารถกู้ยืมเงินภายใต้โครงการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินทางการเงินได้ทำให้กรีซจะไม่ผิดนัดชำระหนี้
ขณะที่ราคามีแนวโน้มจะสร้างรูปแบบกลับตัวในรูปแบบหัวและไหล่ขาขึ้นตามมาหลังจากแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันยังรองรับการปรับลงของราคาได้และทำให้เกิดแนวรับในรูปแบบไหล่ขวาตามมา อย่างไรก็ตามค่าสัญญาณ FAST STOCHASTICS ที่เกิดสัญญาณ BEARISH DIVERGENCE จะสร้างแรงกดดันให้ราคามีแนวโน้มพักตัวลงอีกระยะหนึ่ง แต่จะเป็นการพักตัวออกข้างมากกว่าปรับลงต่อเนื่อง เนื่องจากแรงหนุนจากแนวรับไหล่ขวา และค่าสัญญาณ RSI ที่เป็นบวกยังเป็นแรงหนุนอยู่ และมีแนวโน้มผลักดันให้ราคาปรับขึ้นรอบใหม่ตามแนวไหล่ขวาขึ้น อย่างไรก็ตามเพื่อยืนยันการขึ้นตามรูปแบบราคาต้องไม่ปรับลงต่ำกว่าแนวรับ 1190 เหรียญต่อทอยออนซ์ หากต่ำกว่าจะหักล้างแนวขึ้นและมีโอกาสปรับลงต่อเพื่อหาฐานราคารอบใหม่ พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำเป็น ทยอยเลือกเปิดสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series ยกเว้นลงมาต่ำกว่าแนวรับ 1190 เหรียญต่อทอยออนซ์ ให้ Cut Loss หรือกลับมาเปิดสถานะ Short Gold Futures แทน โดยให้แนวต้านไว้ที่ระดับ 1225 - 1240 เหรียญต่อทอยออนซ์
สอดคล้องกับฝ่ายวิเคราะห์ บ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ ระบุตลาดทองคำแทบไม่แสดงปฏิกิริยาต่อเชิงบวกต่อการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขามินนิอาโปลิสออกมาแสดงความเห็นว่า FED ควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนถึงระดับ 2% ก่อนสิ้นปี 2017 โดยราคาทองคำถูกกดดันจากการที่ค่าเงินดอลลาร์ดีดขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ดอลลาร์มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เพราะการดีดขึ้นนี้ไม่ได้รับแรงกระตุ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ หรือ จากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ขณะเดียวกันธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB และธนาคารกลางญี่ปุ่น และ BOJ มีแนวโน้มที่จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือมาตรการ QE ต่อไป ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังคงกดดันราคาทองคำ เบื้องต้นวายแอลจีแนะนำให้รอจังหวะการย่อตัวของราคาเพื่อเข้าซื้อเก็งกำไรในระยะสั้นพร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือให้รอขายทำกำไรตามบริเวณแนวต้านต่างๆเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตในช่วงนี้
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินแนวโน้มทองคำประจำสัปดาห์นี้ว่า ราคาทองเริ่มมีการปรับลงเพื่อพักฐานระยะสั้นหลังจากขึ้นมาต่อเนื่องจบรูปแบบ V-SHAPE ขาขึ้น แต่คาดว่าการปรับลงจะเกิดขึ้นชั่วคราว เพื่อลดความร้อนแรงหลังจบแนวขึ้น V-SHAPE เท่านั้น จากสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,208.76 เหรียญต่อทอยออนซ์ ภายหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนเกี่ยวกับการยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ย 0% (ZIRP) เร็วเกินไป เพราะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และกำลังฟื้นตัวจะไม่สามารถรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมที่มากขึ้นได้ นอกจากนี้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงเนื่องจากธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ประกาศเพิ่มเพดานเงินกู้ฉุกเฉินให้แก่กรีซเป็น 7.18 หมื่นล้านยูโร จาก 7.11 หมื่นล้านยูโร เพื่อเปิดทางให้ภาคธนาคารของกรีซสามารถกู้ยืมเงินภายใต้โครงการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินทางการเงินได้ทำให้กรีซจะไม่ผิดนัดชำระหนี้
ขณะที่ราคามีแนวโน้มจะสร้างรูปแบบกลับตัวในรูปแบบหัวและไหล่ขาขึ้นตามมาหลังจากแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันยังรองรับการปรับลงของราคาได้และทำให้เกิดแนวรับในรูปแบบไหล่ขวาตามมา อย่างไรก็ตามค่าสัญญาณ FAST STOCHASTICS ที่เกิดสัญญาณ BEARISH DIVERGENCE จะสร้างแรงกดดันให้ราคามีแนวโน้มพักตัวลงอีกระยะหนึ่ง แต่จะเป็นการพักตัวออกข้างมากกว่าปรับลงต่อเนื่อง เนื่องจากแรงหนุนจากแนวรับไหล่ขวา และค่าสัญญาณ RSI ที่เป็นบวกยังเป็นแรงหนุนอยู่ และมีแนวโน้มผลักดันให้ราคาปรับขึ้นรอบใหม่ตามแนวไหล่ขวาขึ้น อย่างไรก็ตามเพื่อยืนยันการขึ้นตามรูปแบบราคาต้องไม่ปรับลงต่ำกว่าแนวรับ 1190 เหรียญต่อทอยออนซ์ หากต่ำกว่าจะหักล้างแนวขึ้นและมีโอกาสปรับลงต่อเพื่อหาฐานราคารอบใหม่ พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำเป็น ทยอยเลือกเปิดสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series ยกเว้นลงมาต่ำกว่าแนวรับ 1190 เหรียญต่อทอยออนซ์ ให้ Cut Loss หรือกลับมาเปิดสถานะ Short Gold Futures แทน โดยให้แนวต้านไว้ที่ระดับ 1225 - 1240 เหรียญต่อทอยออนซ์
สอดคล้องกับฝ่ายวิเคราะห์ บ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ ระบุตลาดทองคำแทบไม่แสดงปฏิกิริยาต่อเชิงบวกต่อการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขามินนิอาโปลิสออกมาแสดงความเห็นว่า FED ควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนถึงระดับ 2% ก่อนสิ้นปี 2017 โดยราคาทองคำถูกกดดันจากการที่ค่าเงินดอลลาร์ดีดขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ดอลลาร์มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เพราะการดีดขึ้นนี้ไม่ได้รับแรงกระตุ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ หรือ จากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ขณะเดียวกันธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB และธนาคารกลางญี่ปุ่น และ BOJ มีแนวโน้มที่จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือมาตรการ QE ต่อไป ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังคงกดดันราคาทองคำ เบื้องต้นวายแอลจีแนะนำให้รอจังหวะการย่อตัวของราคาเพื่อเข้าซื้อเก็งกำไรในระยะสั้นพร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือให้รอขายทำกำไรตามบริเวณแนวต้านต่างๆเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตในช่วงนี้