xs
xsm
sm
md
lg

เผยระยะสั้นดัชนียังอาจผันผวน คาดปลายปีน่าจะมีโอกาสแตะ 1,700 จุด ที่ พี/อี ระดับ 16 เท่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หุ้นเช้าแกว่งตัวในกรอบแคบทั้งบวกและลบ “เอเซีย พลัส” มั่นใจเกิดเทคนิเคิลรีบาวนด์สำเร็จ “กสิกร” มองระยะสั้นยังผันผวน แต่ปลายปีน่าจะมีโอกาสแตะ 1,700 จุด โดยคิดเป็น Forward P/E ที่ระดับ 16 เท่า เชื่อจีดีพียังโตได้ 4%

ภาวะตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (6 มี.ค.) ดัชนีแกว่งผันผวนในกรอบแคบ ดัชนีปรับตัวทั้งแดนบวกและลบ โดยเมื่อเวลา 11.04 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,555.42 จุด เพิ่มขึ้น 2.09 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.13% มูลค่าการซื้อขาย 11,981.04ล้านบาท

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะเกิดเทคนิเคิลรีบาวนด์กลับได้ หลังจากผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วานนี้คงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป และให้เริ่มซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ ด้วยเม็ดเงิน 6 หมื่นล้านยูโร ซึ่งจะเป็นลักษณะของการทยอยซื้อทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงกรีซ แม้ผลตอบแทนอาจติดลบ

ด้วยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นเยอรมนีทำ New High และตลาดในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ส่วนบ้านเราก็น่าจะรีบาวนด์ขึ้นมาได้ หลังจากช่วง 4 วันที่ผ่านมา ดัชนีฯ ได้ปรับตัวลงไปราว 2.7% แล้วพร้อมให้แนวรับ 1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570-1,575 จุด

ด้าน น.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด มองว่า ในปีนี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณของธนาคารกลางยุโรป ที่จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นตลาดอาจมีความผันผวนบ้างจากตัวเลขเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศ รวมถึงความผันผวนของหุ้นในกลุ่มพลังงาน เนื่องจากยังคงมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่หุ้นในกลุ่มสื่อสาร คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐที่ผลักดันเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบ Digital Economy ประกอบกับประโยชน์จากการประมูล 4G ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างก็คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลด้วย

จากปัจจัยดังกล่าว บลจ.กสิกรไทย จึงมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้ที่ระดับ 1,700 จุด โดยคิดเป็น Forward P/E ที่ระดับ 16 เท่า โดยแนะนำให้ผู้ลงทุนอาศัยจังหวะที่ราคาหุ้นมีการปรับฐานลดลงในช่วงนี้เพื่อทยอยเข้าซื้อกองทุน LTF/RMF

สำหรับมุมมองด้านเศรษฐกิจ และการลงทุน บลจ.กสิกรไทย ประเมินว่า จะเป็นในรูปแบบของการฟื้นตัว โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินการเติบโตของจีดีพีปีนี้ที่ระดับ 4.00% อย่างไรก็ตาม คงต้องขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวในภาคการส่งออก และการเบิกจ่ายของรัฐบาลเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ จะได้รับปัจจัยบวกภายในประเทศ ได้แก่ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอย่างมากตั้งแต่ช่วงกลางปี 57 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์ในแง่ของต้นทุนที่ลดลง

นอกจากนี้ การเร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนของภาครัฐ หากสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในด้านการใช้จ่าย และการลงทุนภาคเอกชน ด้านปัจจัยบวกภายนอกประเทศ จะได้รับมาจากการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่ทั่วโลก เช่น ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางจีน รวมถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ยังคงส่งสัญญาณการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำอย่างน้อยถึงกลางปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูง

น.ส.ธิดาศิริ กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในปี 57 ดัชนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% และนับตั้งแต่ต้นปี จนถึง ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ได้ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 6% อย่างไรก็ดี กองทุนหุ้นไทยส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมกลับมีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าตลาด สาเหตุเนื่องมาจากหุ้นเฉพาะบางกลุ่มที่อยู่ในดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้มีการปรับตัวขึ้นสูงมากกว่าปกติในระยะสั้น จึงทำให้กองทุนซึ่งไม่ได้ถือหุ้นในกลุ่มเหล่านั้นอยู่ มีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กำลังโหลดความคิดเห็น