xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.กสิกรไทยยังให้น้ำหนักหุ้นไทยอยู่ มองกรอบดัชนีปลายปี 1,700 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยยังให้น้ำหนักหุ้นไทย ประเมินดัชนีปลายปีมีโอกาสแตะ 1,700 จุด มองหุ้นกลุ่มสื่อสาร-รับเหมามาแรง พร้อมชวนนักลงทุนทยอยซื้อกองทุน LTF/RMF ในช่วงตลาดหุ้นปรับลด ล่าสุดเตรียมปันผล LTF 4 กองทุน มูลค่ากว่า 444 ล้านบาท

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณของธนาคารกลางยุโรปที่จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นตลาดอาจมีความผันผวนบ้างจากตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงความผันผวนของหุ้นในกลุ่มพลังงาน เนื่องจากยังคงมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลก

ขณะที่หุ้นในกลุ่มสื่อสารคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐที่ผลักดันเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบ Digital Economy ประกอบกับประโยชน์จากการประมูล 4G ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างก็คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลด้วย จากปัจจัยดังกล่าว บลจ.กสิกรไทยจึงมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้ที่ระดับ 1,700 จุด โดยคิดเป็น Forward P/E ที่ระดับ 16 เท่า โดยแนะนำให้ผู้ลงทุนอาศัยจังหวะที่ราคาหุ้นมีการปรับฐานลดลงในช่วงนี้เพื่อทยอยเข้าซื้อกองทุน LTF/RMF

สำหรับมุมมองด้านเศรษฐกิจ และการลงทุน บลจ.กสิกรไทยประเมินว่าจะเป็นในรูปแบบของการฟื้นตัว โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินการเติบโตของจีดีพีปีนี้ที่ระดับ 4.00% อย่างไรก็ตาม คงต้องขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวในภาคการส่งออกและการเบิกจ่ายของรัฐบาลเป็นสำคัญ ทั้งนี้จะได้รับปัจจัยบวกภายในประเทศ ได้แก่ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอย่างมากตั้งแต่ช่วงกลางปี 2557 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์ในแง่ของต้นทุนที่ลดลง

นอกจากนี้ การเร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของภาครัฐ หากสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในด้านการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน ด้านปัจจัยบวกภายนอกประเทศ จะได้รับมาจากการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่ทั่วโลก เช่น ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางจีน รวมถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายังคงส่งสัญญาณการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำอย่างน้อยถึงกลางปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูง

นางสาวธิดาศิริ กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในปี 2557 ที่ผ่านมาดัชนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% และนับตั้งแต่ต้นปี จนถึง ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ได้ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 6% อย่างไรก็ดี กองทุนหุ้นไทยส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมกลับมีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าตลาด สาเหตุเนื่องมาจากหุ้นเฉพาะบางกลุ่มที่อยู่ในดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้มีการปรับตัวขึ้นสูงมากกว่าปกติในระยะสั้น จึงทำให้กองทุนซึ่งไม่ได้ถือหุ้นในกลุ่มเหล่านั้นอยู่มีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม สำหรับกองทุน K20SLTF ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเด่นที่มีศักยภาพสูงไม่เกิน 20 บริษัท และด้วยทีมงานบริหารจัดการที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกหุ้น และสามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตได้สอดรับกับสภาวะตลาดในแต่ละขณะ จึงทำให้กองทุน K20SLTF มีผลดำเนินงานที่สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ โดยกองทุนมีผลดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 25.1% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานที่ 20.4% และมีผลดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 7.7% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานที่ 6%

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยมีกำหนดจะจ่ายเงินปันผล กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จำนวน 4 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2557 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล (K70LTF) โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.14 บาทต่อหน่วย, กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF) จ่ายปันผลในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย, กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ซึ่งจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.11 บาทต่อหน่วย

ขณะที่กองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล (KGLTF) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.12 บาทต่อหน่วย โดยทุกกองทุนข้างต้นจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียน ณ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 2 มีนาคม 2558 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 13 มีนาคม 2558 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 444 ล้านบาท ทั้งนี้ หากนับรวมการจ่ายเงินปันผลของกองทุน LTF ทั้ง 4 กองทุนในงวดก่อนหน้าด้วยแล้ว จะคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยที่ 4-5% ต่อปี


กำลังโหลดความคิดเห็น