00 ในวงการย่อมรู้กันแบบไม่ต้องสาธยายให้มากความกับการเดินทางมาไทยของ นายกฯรัสเซีย ดิมิทรี เมดเวเดฟ เบอร์สองรองจากประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ที่มีกำหนดมาเยือนไทยวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ ถือว่าเป็นการเยือนในระดับผู้นำเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี เลยทีเดียว ที่ผ่านมามีแต่ไทยเท่านั้นที่ไปเยือนมอสโคว์ ดังนั้นการมาเยือนคราวนี้ถือว่าไม่ธรรมดา รวมไปถึงการลงนามทวิภาคี ด้านความมั่นคง การค้าการลงทุน ขณะเดียวกันถัดจากนั้นไม่กี่อึดใจ วันที่ 8-9 เม.ย.เบอร์สองของไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พร้อมด้วยคณะความมั่นคงชุดใหญ่ เช่น รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.ต่างประเทศ ดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.เกษตรฯ อำนวย ปะติเส ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ เรียกกันว่าเต็มคณะ ลักษณะไม่ต่างจากการเยือนในระดับผู้นำเลยทีเดียว ดูจากรายชื่อและตำแหน่งคณะที่ร่วมเดินทาง ก็เดาได้ไม่ยาก คือต้องมีเรื่องเศรษฐกิจ และความมั่นคง เรื่องแรกก็ต้องจับตามดูการเร่งรัดเรื่องการซื้อยางพาราจากไทยให้เป็นรูปเป็นร่าง และ "รีบเซ็นสัญญาสั่งซื้อ" เพื่อดึงราคาในประเทศของไทย เพื่อรับฤดูเปิดกรีด ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
00 อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือ หากปะติดปะต่อจากข่าวเก่าๆ ที่ออกมาจากฝ่ายกองทัพเรือที่เคยแถลงว่าเราสนใจ "จะซื้อเรือดำน้ำจีน" จำนวนสองลำ ซึ่งอยู่ในสามทางเลือกโดยอีกสองทางเลือกก่อนหน้าคือ จะซื้อจากเกาหลีใต้ หรือเยอรมันนี แต่สำหรับจีนอาจมีข้อเสนอซื้อแบบรัฐต่อรัฐ อาจเป็น "เรือดำน้ำแลกข้าวและยาง" ได้หรือเปล่า ซึ่งวิธีการหลังมันก็น่าคิดในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มักใช้วิธีเจรจาแบบรัฐต่อรัฐ เหมือนกับโครงการก่อสร้างรถไฟขนาดรางมาตรฐานไทย-จีน ก่อนหน้านี้ที่คืบหน้าไปตามโรดแมป !!
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตาในแง่ยุทธศาสตร์โลกก็คือ "การถ่วงดุลมหาอำนาจ" กับฝ่ายสหรัฐฯ ที่ก่อนหน้านี้มีท่าทีมึนตึงกับไทยมาทุกเรื่อง หลังจากมี คสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 เป็นต้นมา จนกระทั่งมาถึงการใช้ ม.44 สหรัฐฯ ก็ยังมีท่าทีแบบเดิมกับไทย ดังนั้นการไปแตะมือกับรัสเซียที่กำลังถูกสหรัฐฯนำพันธมิตรยุโรปคว่ำบาตร จากกรณีแหลมไครเมียร์ มองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนหัวอกเดียวกัน เช่นเดียวกับจีนที่กำลังถูกบีบในทะเลจีนใต้ และเมื่อเทียบกันในแบบภูิมศาสตร์และภูมิหลังแล้ว ถือว่าไทยกับจีนสามารถคบกันได้แบบสนิทใจแบบเพื่อนมากกว่าเป็นแบบลูกพี่กับลูกน้อง อย่างที่สหรัฐฯ ทำกับไทยมานาน ดังนั้นถึงได้บอกว่า การเยือนแบบกระชับความสัมพันธ์ ไทย-รัสเซีย-จีน จึงมีความหมายทำให้สหรัฐฯ ต้องเครียดไม่มากก็น้อยแหละ !!
00 คำแถลงล่าสุดของ รองโฆษกรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่ขู่ซ้ำว่า หากยังป่วนกันไม่เลิกก็จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. อยู่ในอำนาจต่อไปอีกยาว คำพูดแบบนี้อาจมองได้หลายมุม อาจเป็นแค่ขู่ให้หยุด ส่งสัญญาณไปถึงกลุ่มการเมือง พรรคการเมือง ก็คือ พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองของทักษิณ ซึ่งก็คือ พรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง ว่าให้หยุดป่วน ไม่เช่นนั้นจะลากยาว ไม่มีการเลือกตั้งในปีหน้า ดับฝันกันไปเลย หรืออีกมุมหนึ่งเป็นการพูดแบบ "หยั่งกระแส" สังคม ว่าคิดอย่างไร หากจะอยู่ยาวจริงๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า "ภารกิจปฏิรูป" ยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็เคยพูดแบบนี้มาหลายครั้งว่า "ถ้าอยากให้ผมไปเร็ว ก็อย่าป่วน" หรือไม่ก็บอกว่ารัฐธรรมนูญจะเสร็จเร็วหรือช้า ต้องช่วยกัน และยังไม่รู้ว่าผ่านหรือเปล่า ถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องเริ่มกันใหม่ แบบนี้มันก็น่าคิดเหมือนกันว่า นี่คือ "การหยั่งเชิง อยากอยู่ต่อ" หรือเปล่า !!
00 อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือ หากปะติดปะต่อจากข่าวเก่าๆ ที่ออกมาจากฝ่ายกองทัพเรือที่เคยแถลงว่าเราสนใจ "จะซื้อเรือดำน้ำจีน" จำนวนสองลำ ซึ่งอยู่ในสามทางเลือกโดยอีกสองทางเลือกก่อนหน้าคือ จะซื้อจากเกาหลีใต้ หรือเยอรมันนี แต่สำหรับจีนอาจมีข้อเสนอซื้อแบบรัฐต่อรัฐ อาจเป็น "เรือดำน้ำแลกข้าวและยาง" ได้หรือเปล่า ซึ่งวิธีการหลังมันก็น่าคิดในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มักใช้วิธีเจรจาแบบรัฐต่อรัฐ เหมือนกับโครงการก่อสร้างรถไฟขนาดรางมาตรฐานไทย-จีน ก่อนหน้านี้ที่คืบหน้าไปตามโรดแมป !!
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตาในแง่ยุทธศาสตร์โลกก็คือ "การถ่วงดุลมหาอำนาจ" กับฝ่ายสหรัฐฯ ที่ก่อนหน้านี้มีท่าทีมึนตึงกับไทยมาทุกเรื่อง หลังจากมี คสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 เป็นต้นมา จนกระทั่งมาถึงการใช้ ม.44 สหรัฐฯ ก็ยังมีท่าทีแบบเดิมกับไทย ดังนั้นการไปแตะมือกับรัสเซียที่กำลังถูกสหรัฐฯนำพันธมิตรยุโรปคว่ำบาตร จากกรณีแหลมไครเมียร์ มองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนหัวอกเดียวกัน เช่นเดียวกับจีนที่กำลังถูกบีบในทะเลจีนใต้ และเมื่อเทียบกันในแบบภูิมศาสตร์และภูมิหลังแล้ว ถือว่าไทยกับจีนสามารถคบกันได้แบบสนิทใจแบบเพื่อนมากกว่าเป็นแบบลูกพี่กับลูกน้อง อย่างที่สหรัฐฯ ทำกับไทยมานาน ดังนั้นถึงได้บอกว่า การเยือนแบบกระชับความสัมพันธ์ ไทย-รัสเซีย-จีน จึงมีความหมายทำให้สหรัฐฯ ต้องเครียดไม่มากก็น้อยแหละ !!
00 คำแถลงล่าสุดของ รองโฆษกรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่ขู่ซ้ำว่า หากยังป่วนกันไม่เลิกก็จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. อยู่ในอำนาจต่อไปอีกยาว คำพูดแบบนี้อาจมองได้หลายมุม อาจเป็นแค่ขู่ให้หยุด ส่งสัญญาณไปถึงกลุ่มการเมือง พรรคการเมือง ก็คือ พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองของทักษิณ ซึ่งก็คือ พรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง ว่าให้หยุดป่วน ไม่เช่นนั้นจะลากยาว ไม่มีการเลือกตั้งในปีหน้า ดับฝันกันไปเลย หรืออีกมุมหนึ่งเป็นการพูดแบบ "หยั่งกระแส" สังคม ว่าคิดอย่างไร หากจะอยู่ยาวจริงๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า "ภารกิจปฏิรูป" ยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็เคยพูดแบบนี้มาหลายครั้งว่า "ถ้าอยากให้ผมไปเร็ว ก็อย่าป่วน" หรือไม่ก็บอกว่ารัฐธรรมนูญจะเสร็จเร็วหรือช้า ต้องช่วยกัน และยังไม่รู้ว่าผ่านหรือเปล่า ถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องเริ่มกันใหม่ แบบนี้มันก็น่าคิดเหมือนกันว่า นี่คือ "การหยั่งเชิง อยากอยู่ต่อ" หรือเปล่า !!