เอเอฟพี /เอเจนซี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - แอชตัน บัลด์วิน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ออกโรงให้ความเห็นในวันพุธ ( 17 มิ.ย.) โดยระบุ ระบอบการปกครองของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรียอาจยังคงต้องเผชิญกับ “ความล่มสลาย” อยู่ดี ถึงแม้ว่าระบอบการปกครองนี้จะอยู่รอดปลอดภัยด้วยดีมาตลอดระยะเวลามากกว่า 4 ขวบปีที่ผ่านมาของสงครามกลางเมืองในซีเรียก็ตาม
คาร์เตอร์ในวัย 60 ปี ซึ่งเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ หรือ ตำแหน่ง “นายใหญ่แห่งเพนตากอน” คนที่ 25 ในประวัติศาสตร์เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายหลังจากการโบกมืออำลาตำแหน่งของชัค เฮเกล เจ้าของเก้าอี้คนก่อนหน้า ได้กล่าวถึงระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ก่อนการเข้าชี้แจงถึงสถานการณ์ทางการเมืองในซีเรียล่าสุดต่อคณะกรรมาธิการด้านอาวุธของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
โดยคาร์เตอร์ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยกลาโหมด้านกิจการทางยุทธศาสตร์โลกมาก่อนในช่วงยุคของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน กล่าวย้ำถึงจุดยืนของรัฐบาลอเมริกันในปัจจุบันว่า ทางวอชิงตันมีความประสงค์ที่จะเห็น “การเปลี่ยนผ่าน” เกิดขึ้นในซีเรีย โดยที่การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองดังกล่าวนั้นจะต้องไม่มี “อัสซาด” ร่วมขบวนอยู่ด้วย
รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ ยืนยันว่า จากข้อมูลข่าวกรองล่าสุดที่สหรัฐอเมริกามีอยู่ในมือเวลานี้ สามารถยืนยันได้ว่าในความเป็นจริงแล้วระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดในซีเรีย กำลังตกอยู่ในภาวะระส่ำระส่ายและอ่อนแอลงอย่างสำคัญ ถึงแม้ว่าระบอบการปกครองนี้จะยังคงครองอำนาจอยู่ได้อย่างเหนียวแน่นผ่านสงครามกลางเมืองซีเรียที่ปะทุขึ้นเมื่อปี 2011 และยืดเยื้อจนกำลังจะย่างเข้าสู่ขวบปีที่ 5 ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2016 ที่จะถึงนี้
คาร์เตอร์ยืนยันว่า ในเวลานี้กองทัพของรัฐบาลซีเรียกำลังถูกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้นทุกขณะ และเหลือที่มั่นสำคัญในความควบคุมเพียงแค่พื้นที่ “รอบกรุงดามัสกัส” ที่เป็นเมืองหลวง กับพื้นที่เขตปกครองของพวกมุสลิมนิกายอะลาวิต (แขนงหนึ่งของชีอะห์) ที่อัสซาดนับถือ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเท่านั้น
นายใหญ่แห่งเพนตากอนกล่าวย้ำว่า วิถีทางเดียวที่จะเป็นผลดีที่สุดสำหรับประชาชนชาวซีเรียผู้บริสุทธิ์ คือการที่ผู้นำอย่างประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด จะต้องยินยอม “สละอำนาจด้วยตัวเอง” และจะต้องไม่หวนกลับเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในอนาคตของซีเรียอีก
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียที่เริ่มก่อตัวขึ้นนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2011 นั้น ได้คร่าชีวิตผู้คนในพื้นที่ต่างๆ ของซีเรียไปแล้ว “มากกว่า 230,000 ราย ”