ASTVผู้จัดการรายวัน-"บิ๊กตู่"แย้มญี่ปุ่นส่งสัญญาณดี ปลดล็อคการบิน หลัง "อาเบะ"รับปาก ด้าน "ประจิน"ไฟเขียว บพ.ลงนาม MOU กับกรมการบินของญี่ปุ่นวันนี้ แก้ปัญหาการบินช่วง 2 เดือน 1 เม.ย.-30 พ.ค. ทำให้สายการบินสัญชาติไทยบินเข้าญี่ปุ่นได้ตามแผนเดิม แต่มีเงื่อนไขตรวจเครื่องบินทุกด้านอย่างเข้มงวด พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหามาตรฐานตามข้อท้วงติงของ ICAO ให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน
หลังจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) พบมาตรฐานกรมการบินพลเรือน (บพ) ไทยต่ำ และมีหลายประเทศได้ประกาศห้ามสายการบินสัญชาติไทยเพิ่มเที่ยวบิน หรือเปิดเส้นทางการบินใหม่ รวมทั้งห้ามเครื่องบินเช่าเหมาลำสายการบินของไทยบินเข้าประเทศในช่วงสงกรานต์ปีนี้ และทางรัฐบาลไทยได้มีการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสายการบินที่ถูกห้ามได้มีการแถลงรายละเอียดการเยียวยาผู้โดยสารไปแล้วนั้น
ล่าสุด วานนี้ (1 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ภายหลังมอบโอวาทต่อข้าราชการ เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2558 ว่า มีแนวโน้มในทางที่ดี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กำลังประสานอยู่ และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น รับปากจะพิจารณาให้ เพราะเราขอเพียงแค่ว่าชะลอไปก่อนได้หรือไม่
"ได้คุยกับนายอาเบะระหว่างที่ไปร่วมพิธีศพนายลี กวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์หลายเรื่อง ทั้งเรื่องรถไฟ การลงทุน และญี่ปุ่นยังจะซื้อผลไม้ของเราเพิ่มเป็นจำนวนมาก เพราผมได้ขอไป เราเองก็ซื้อของเขานิดหน่อย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งเราขอที่จะขายมะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงเขียวเสวย ซึ่งในรายละเอียดการซื้อขายผลไม้ จะต้องมีการพูดคุยในรายละเอียดร่วมกันอีกครั้ง ตอนนี้รอรัฐมนตรีพูดคุยให้เรียบร้อยก่อน"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้ (2 เม.ย.) จะมีการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างนายอาคิอิโกะ ทามูรุ ผู้อำนวยการกรมการบินเรือนของประเทศญี่ปุ่นหรือ Japan Civil Aviation Bureau (JCAB) กับนายสมชาย พิพุธวัฒน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน เพื่อร่วมมือปลดล็อคข้อบกพร่องที่มีนัยต่อความปลอดภัย (SSC) ตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล (USOAP) ของอ ICAO ในระยะสั้น ซึ่งจะทำให้สายการบินที่ได้ขอทำการบินในช่วง 1เม.ย.-31 พ.ค. 2558 รวม 60 วัน ยังคงบินได้
ทั้งนี้ เนื่อหาใน MOU จะเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ตามที่ JCAB มีความกังวล เช่น กระบวนการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC Certification) ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน การอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าอันตราย การแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยต่อความปลอดภัย การตรวจสอบสายการบินที่จะออกใบอนุญาต เป็นต้น ซึ่งทาง JCAB และ บพ. จะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อหารือในการแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป
"ทุกอย่างจะมีผลบังคับหลังมีลงนามใน MOU ร่วมกัน ซึ่งปกติเมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินญี่ปุ่น จะมีการสุ่มตรวจอยู่แล้ว แต่สายการบินสัญชาติไทยจะถูกตรวจถี่มากขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นประเทศใดที่ต้องการสุ่มตรวจสายการบินของประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษ ไม่มีปัญหา เพราะสายการบินมีความพร้อมให้ตรวจสอบ เนื่องจากมีมาตรฐานความปลอดภัยอยู่แล้ว”พล.อ.อ.ประจินกล่าว
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า การแก้ไขผลกระทบตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากลของ ICAO ซึ่งพบประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น คือ การออกใบรับรองอนุญาต (AOC) ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และอำนาจในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าอันตรายยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในกรณีของการบินบนพื้นน้ำและกรณีที่เกิดสภาพอากาศนั้น จะดำเนินการอย่างรอบคอบและเต็มที่ โดยจะสรุปแผนแก้ไขฉบับใหม่รายงานต่อ ICAO ในวันที่ 6 เม.ย.นี้
"หวังว่าทาง ICAO จะสบายใจมากขึ้น และเชื่อมั่นว่า กรณีที่ไทยจะใช้มาตรการพิเศษ โดยใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 44 มาช่วยเร่งรัดกระบวนการทั้งการจัดตั้งองค์กร การปรับโครงสร้าง การแก้ไขบทบาทหน้าที่ การบรรจุกำลังคน การแก้ไขกฎหมาย เพื่อปลดล็อค SSC โดยเร็ว"
ทั้งนี้ บพ.จะเดินทางไปเกาหลีใต้ ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ จากนั้นจะไปจีนในวันที่ 8 เม.ย.และสัปดาห์ต่อไป จะเดินทางไป ออสเตรเลีย เยอรมนี เพื่อทำความเข้าใจก่อนที่ประเทศเหล่านี้จะมีปฎิกิริยาในทางที่เป็นผลลบ และส่งผลกระทบเหมือนกรณี JCAB ซึ่งขณะนี้ทั้งเกาหลีใต้และ จีน ยังไม่มีการดำเนินการใดต่อสายการบินของไทย
ส่วนกรณีที่จีนไม่ให้เพิ่มเช่าเหมาลำของไทยนั้น เป็นเรื่องที่จีนมีเที่ยวบินจำนวนมากในช่วงเดือน เม.ย. และไม่ให้เพิ่มกับสายการบินในหลายประเทศ ไม่ใช่สายการบินของไทยอย่างเดียว
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่า สาเหตุที่ทาง JCAB ผ่อนปรนนั้น มาจากการเจรจาพัฒนารถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง เรื่องนี้คนเขียนข่าวนี้ต้องอธิบายว่าทำไมถึงเขียนไปแบบนั้น เพราะ 2 เรื่องนี้ จินตนาการอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกัน ด้วยหลักเหตุผลจะเอามาเกี่ยวข้องกันไม่ได้แน่นอน เขียนไปโดยไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่คณะทำงานและตนเองได้พูดคุยกับทางญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการแถลงกับผู้สื่อข่าวหลายคน ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจไปเองว่า MOU ที่ได้พูดคุยกันเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ระหว่างรมว.คมนาคมกับรองปลัดกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) เป็นการพัฒนาระบบราง แต่ MOU วันที่ 1 เม.ย. เป็นความร่วมมือระหว่าง บพ.กับ JCAB เรื่องการบิน แล้วไปเข้าใจกันเองตีความกันเอง
“คนเขียนก็ต้องเป็นคนแก้ และฝากสื่อมวลชนช่วยอธิบายกันด้วยว่าไม่เกี่ยวกัน โยงอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกัน แค่บังเอิญมี คำว่า MOU มีคำว่าไทย มีคำว่าญี่ปุ่น แต่เป็นคนละเรื่องกัน”รมว.คมนาคมกล่าว
นายวรเดช หาญประเสริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การแก้ไขตามข้อท้วงติงของ ICAO กรณีสินค้าอันรายนั้นได้ออกกฎข้อบังคับ กบร. เพื่อให้การกำกับดูแลที่สอดคล้องกับมาตรฐาน ICAO แล้ว ซึ่งไม่น่ามีปัญหา ส่วนการออกใบรับรองอนุญาต (AOC) นั้น มีหลายขั้นตอน โดยการตรวจสอบเบื้องต้นมี 60-70 เรื่องที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีการคัดกรองออกมาได้ในวันที่ 3 เม.ย.และจะเสนอขอแก้ไขต่อไป โดยจะพิจารณาว่าจะเสนอตามขั้นตอนปกติหรือเข้ามาตรา 44
ทั้งนี้ ในด้านบุคลากร บพ.ได้ทำแผนจ้างบุคลากร 13 คน วงเงิน 23 ล้านบาทเสร็จแล้ว จะเสนอรมว.คมนาคมเห็นชอบ ค่าจ้างมีตั้งแต่ 1 แสน -3 แสนบาทต่อคน ส่วนการอบรมจะต้องเสนอขอเพิ่มงบประมาณอีก 20 ล้านบาท จากเดิมที่มี 5-6 ล้านบาทเท่านั้น กรณีการปรับปรุงระบบเป็นดาต้าเบส วงเงิน 80 ล้านบาท ได้เลือกระบบแล้ว โดยจะว่าจ้างทำระบบและเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 3 เดือนหรือในวันที่ 15 มิ.ย.2558 ตามที่ ICAO ต้องการ ซึ่งจะต้องทบทวนข้อมูลของสายการบิน 64 สายการบิน ให้เสร็จใน 1 เดือน มี 28 สายการบินที่ทำการบินระหว่างประเทศ เมื่อทำกระบวนการเสร็จ จะเชิญ ICAO มาตรวจแผนปรับปรุงอีกครั้ง ถ้าสมบูรณ์ทาง ICAO จะปลด SSC ถ้าไม่สมบูรณ์ ICAO ไม่ปลดล็อค จะเกิดปัญหาแน่นอน เพราะจะกระทบไปถึงสายการบินประจำด้วย ส่วนการปรับโครงสร้าง บพ. นั้น จะต้องดำเนินการให้เสร็จใน 8 เดือน
หลังจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) พบมาตรฐานกรมการบินพลเรือน (บพ) ไทยต่ำ และมีหลายประเทศได้ประกาศห้ามสายการบินสัญชาติไทยเพิ่มเที่ยวบิน หรือเปิดเส้นทางการบินใหม่ รวมทั้งห้ามเครื่องบินเช่าเหมาลำสายการบินของไทยบินเข้าประเทศในช่วงสงกรานต์ปีนี้ และทางรัฐบาลไทยได้มีการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสายการบินที่ถูกห้ามได้มีการแถลงรายละเอียดการเยียวยาผู้โดยสารไปแล้วนั้น
ล่าสุด วานนี้ (1 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ภายหลังมอบโอวาทต่อข้าราชการ เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2558 ว่า มีแนวโน้มในทางที่ดี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กำลังประสานอยู่ และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น รับปากจะพิจารณาให้ เพราะเราขอเพียงแค่ว่าชะลอไปก่อนได้หรือไม่
"ได้คุยกับนายอาเบะระหว่างที่ไปร่วมพิธีศพนายลี กวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์หลายเรื่อง ทั้งเรื่องรถไฟ การลงทุน และญี่ปุ่นยังจะซื้อผลไม้ของเราเพิ่มเป็นจำนวนมาก เพราผมได้ขอไป เราเองก็ซื้อของเขานิดหน่อย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งเราขอที่จะขายมะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงเขียวเสวย ซึ่งในรายละเอียดการซื้อขายผลไม้ จะต้องมีการพูดคุยในรายละเอียดร่วมกันอีกครั้ง ตอนนี้รอรัฐมนตรีพูดคุยให้เรียบร้อยก่อน"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้ (2 เม.ย.) จะมีการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างนายอาคิอิโกะ ทามูรุ ผู้อำนวยการกรมการบินเรือนของประเทศญี่ปุ่นหรือ Japan Civil Aviation Bureau (JCAB) กับนายสมชาย พิพุธวัฒน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน เพื่อร่วมมือปลดล็อคข้อบกพร่องที่มีนัยต่อความปลอดภัย (SSC) ตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล (USOAP) ของอ ICAO ในระยะสั้น ซึ่งจะทำให้สายการบินที่ได้ขอทำการบินในช่วง 1เม.ย.-31 พ.ค. 2558 รวม 60 วัน ยังคงบินได้
ทั้งนี้ เนื่อหาใน MOU จะเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ตามที่ JCAB มีความกังวล เช่น กระบวนการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC Certification) ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน การอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าอันตราย การแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยต่อความปลอดภัย การตรวจสอบสายการบินที่จะออกใบอนุญาต เป็นต้น ซึ่งทาง JCAB และ บพ. จะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อหารือในการแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป
"ทุกอย่างจะมีผลบังคับหลังมีลงนามใน MOU ร่วมกัน ซึ่งปกติเมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินญี่ปุ่น จะมีการสุ่มตรวจอยู่แล้ว แต่สายการบินสัญชาติไทยจะถูกตรวจถี่มากขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นประเทศใดที่ต้องการสุ่มตรวจสายการบินของประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษ ไม่มีปัญหา เพราะสายการบินมีความพร้อมให้ตรวจสอบ เนื่องจากมีมาตรฐานความปลอดภัยอยู่แล้ว”พล.อ.อ.ประจินกล่าว
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า การแก้ไขผลกระทบตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากลของ ICAO ซึ่งพบประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น คือ การออกใบรับรองอนุญาต (AOC) ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และอำนาจในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าอันตรายยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในกรณีของการบินบนพื้นน้ำและกรณีที่เกิดสภาพอากาศนั้น จะดำเนินการอย่างรอบคอบและเต็มที่ โดยจะสรุปแผนแก้ไขฉบับใหม่รายงานต่อ ICAO ในวันที่ 6 เม.ย.นี้
"หวังว่าทาง ICAO จะสบายใจมากขึ้น และเชื่อมั่นว่า กรณีที่ไทยจะใช้มาตรการพิเศษ โดยใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 44 มาช่วยเร่งรัดกระบวนการทั้งการจัดตั้งองค์กร การปรับโครงสร้าง การแก้ไขบทบาทหน้าที่ การบรรจุกำลังคน การแก้ไขกฎหมาย เพื่อปลดล็อค SSC โดยเร็ว"
ทั้งนี้ บพ.จะเดินทางไปเกาหลีใต้ ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ จากนั้นจะไปจีนในวันที่ 8 เม.ย.และสัปดาห์ต่อไป จะเดินทางไป ออสเตรเลีย เยอรมนี เพื่อทำความเข้าใจก่อนที่ประเทศเหล่านี้จะมีปฎิกิริยาในทางที่เป็นผลลบ และส่งผลกระทบเหมือนกรณี JCAB ซึ่งขณะนี้ทั้งเกาหลีใต้และ จีน ยังไม่มีการดำเนินการใดต่อสายการบินของไทย
ส่วนกรณีที่จีนไม่ให้เพิ่มเช่าเหมาลำของไทยนั้น เป็นเรื่องที่จีนมีเที่ยวบินจำนวนมากในช่วงเดือน เม.ย. และไม่ให้เพิ่มกับสายการบินในหลายประเทศ ไม่ใช่สายการบินของไทยอย่างเดียว
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่า สาเหตุที่ทาง JCAB ผ่อนปรนนั้น มาจากการเจรจาพัฒนารถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง เรื่องนี้คนเขียนข่าวนี้ต้องอธิบายว่าทำไมถึงเขียนไปแบบนั้น เพราะ 2 เรื่องนี้ จินตนาการอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกัน ด้วยหลักเหตุผลจะเอามาเกี่ยวข้องกันไม่ได้แน่นอน เขียนไปโดยไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่คณะทำงานและตนเองได้พูดคุยกับทางญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการแถลงกับผู้สื่อข่าวหลายคน ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจไปเองว่า MOU ที่ได้พูดคุยกันเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ระหว่างรมว.คมนาคมกับรองปลัดกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) เป็นการพัฒนาระบบราง แต่ MOU วันที่ 1 เม.ย. เป็นความร่วมมือระหว่าง บพ.กับ JCAB เรื่องการบิน แล้วไปเข้าใจกันเองตีความกันเอง
“คนเขียนก็ต้องเป็นคนแก้ และฝากสื่อมวลชนช่วยอธิบายกันด้วยว่าไม่เกี่ยวกัน โยงอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกัน แค่บังเอิญมี คำว่า MOU มีคำว่าไทย มีคำว่าญี่ปุ่น แต่เป็นคนละเรื่องกัน”รมว.คมนาคมกล่าว
นายวรเดช หาญประเสริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การแก้ไขตามข้อท้วงติงของ ICAO กรณีสินค้าอันรายนั้นได้ออกกฎข้อบังคับ กบร. เพื่อให้การกำกับดูแลที่สอดคล้องกับมาตรฐาน ICAO แล้ว ซึ่งไม่น่ามีปัญหา ส่วนการออกใบรับรองอนุญาต (AOC) นั้น มีหลายขั้นตอน โดยการตรวจสอบเบื้องต้นมี 60-70 เรื่องที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีการคัดกรองออกมาได้ในวันที่ 3 เม.ย.และจะเสนอขอแก้ไขต่อไป โดยจะพิจารณาว่าจะเสนอตามขั้นตอนปกติหรือเข้ามาตรา 44
ทั้งนี้ ในด้านบุคลากร บพ.ได้ทำแผนจ้างบุคลากร 13 คน วงเงิน 23 ล้านบาทเสร็จแล้ว จะเสนอรมว.คมนาคมเห็นชอบ ค่าจ้างมีตั้งแต่ 1 แสน -3 แสนบาทต่อคน ส่วนการอบรมจะต้องเสนอขอเพิ่มงบประมาณอีก 20 ล้านบาท จากเดิมที่มี 5-6 ล้านบาทเท่านั้น กรณีการปรับปรุงระบบเป็นดาต้าเบส วงเงิน 80 ล้านบาท ได้เลือกระบบแล้ว โดยจะว่าจ้างทำระบบและเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 3 เดือนหรือในวันที่ 15 มิ.ย.2558 ตามที่ ICAO ต้องการ ซึ่งจะต้องทบทวนข้อมูลของสายการบิน 64 สายการบิน ให้เสร็จใน 1 เดือน มี 28 สายการบินที่ทำการบินระหว่างประเทศ เมื่อทำกระบวนการเสร็จ จะเชิญ ICAO มาตรวจแผนปรับปรุงอีกครั้ง ถ้าสมบูรณ์ทาง ICAO จะปลด SSC ถ้าไม่สมบูรณ์ ICAO ไม่ปลดล็อค จะเกิดปัญหาแน่นอน เพราะจะกระทบไปถึงสายการบินประจำด้วย ส่วนการปรับโครงสร้าง บพ. นั้น จะต้องดำเนินการให้เสร็จใน 8 เดือน