ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ฟาดงวงฟาดงาแหลกลาญ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลังเหวี่ยงใส่ผู้สื่อข่าว กระทบชิ่งไปถึงใครหลายคน ก่อนขึ้นเครื่องไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศบรูไน ก็ไม่ใช่ภาพที่แปลกหูแปลกตาอะไร คุ้นชินกันอยู่แล้วกับอารมณ์เดือดดาลของผู้นำสีลายพราง แต่อย่างน้อยมันสะท้อนให้เห็นว่า กำลังมีเรื่องให้ปวดกบาลอยู่ในหัวสมองเพียบ
ตั้งแต่มือดีออกแฉความร้าวรานในหมู่พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เกิดขัดคอกันเอง หรือแม้แต่ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ที่มีข่าวว่าเกิดความขัดแย้งในเรื่องเศรษฐกิจกับเขาด้วย จนต้องออกมาเคลียร์หน้าฉากว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ ยังทำงานกันได้ ป้องกันไม่ให้บานปลาย ทั้งที่สังคมรับรู้กันดีว่า ทีมเศรษฐกิจชุดนี้ทำงานกันไม่ค่อยเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะกูรูเศรษฐศาสตร์สองรายในรัฐบาลอย่าง “พ่อคุณปลื้ม” กับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมาชิก คสช.
สถานการณ์ปัจจุบันหลายเรื่องบีบเข้าหา “บิ๊กตู่” ทั้งข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าวเสี้ยม หรือปัญหาที่รัฐบาลยังไม่มีน้ำยาแก้ได้ บริหารประเทศยังไม่ทันเดินหน้าไปไหน ต้องหยุดชั่วคราวมาเคลียร์ปัญหาการเมืองที่เข้ามาผสมโรงเป็นระยะๆ เสมอ ทั้งคดียิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งปัญหาปัญญาชนกลุ่มต้าน ออกมาให้ยกเลิกศาลทหาร ทั้งเรื่องกฎอัยการศึก ที่ถูกบีบให้คลาย ไม่เว้นแม้แต่เรื่องปัจจัยภายนอกประเทศที่จ้องเขย่ารัฐบาลอยู่ทุกเมื่อที่เปิดช่องให้
โดยเฉพาะฉากวีนข่าวแรงงานไทยที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวในอินโดนีเซีย ซึ่งช่อง 3 โหมประโคมข่าวกันต่อเนื่องมาสักระยะ เสียดแทงใจ “บิ๊กตู่” ถึงขนาดต้องเรียกตัวมาคุยกันออกอากาศ สะท้อนความหวาดระแวงในใจเรื่องนี้จริงจัง เพราะอีกไม่กี่เดือนสหรัฐอเมริกา จะทำการประเมินสถานการณ์การค้ามนุษย์ ที่ไทยถูกปรับร่วงไปอยู่ในระดับเทียร์ 3 เมื่อปีก่อน ลุ้นกันตัวโก่งว่า จะผ่านหรือไม่ผ่าน จะหลุดออกจากประเทศค้ามนุษย์ลำดับต้นๆ ได้หรือเปล่า เพราะรู้กันอยู่สหรัฐอเมริกา ไม่ได้รักใคร่พิศวาสรัฐบาลทหาร
ยิ่งเป็นรัฐบาลทหารยุคนี้ ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกากระท่อนกระแท่นมาตลอด มีหลายช็อตหลายฉากที่ “บิ๊กตู่” ผรุสวาทกันตรงๆ หรือเหน็บแนมกันอยู่เป็นระยะ อย่างกรณีตัดเสื้อให้คนทั้งโลกใส่ก็ครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกัน เป็นที่รู้กันว่า มะกันนั้นสนิทแนบแน่นกับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ขนาดไหน แถมยังมีล็อบบี้ยิสต์กันอยู่เกลื่อนกลาด หากร่วมมือกันจับแช่ให้ไทยอยู่ที่เดิม รับรองความบรรลัยบังเกิดแน่
การประเมินอันดับการค้ามนุษย์ในไม่อีกกี่เดือนข้างหน้า ถือว่ามีผลกระทบกับรัฐบาลโดยตรง เพราะจะทำให้นานาประเทศงดซื้อสินค้า หรือนำเข้าของที่มาจากแรงงานในไทย ซึ่งเป็นรายได้สำคัญของประเทศ ทุกภาคส่วนเดือดร้อนกันหมด “บิ๊กตู่” เองแม้จะแข็งกร้าวกับสหรัฐอเมริกามาหลายเวที แต่ปมเรื่องเทียร์ 3 ดังกล่าวนี้ก็ผวาอยู่ไม่น้อย จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ออกอาการฉุนเฉียวใส่ ช่อง 3 เนื่องจากปัญหาแรงงานในอินโดนีเซีย มันผูกติดกับปัญหาการค้ามนุษย์ เกี่ยวพันกันโดยตรง อาจโดนคนประเมินอย่างสหรัฐอเมริกาเล่นแง่ เอาไปสมทบเป็นเหตุผลให้ไทยค้างเติ่งอยู่อันดับล่างๆ อีกปี
แต่กระนั้น ความกังวลที่มีหรือความหวังดีที่ตั้งใจ บางครั้งต้องดูกาลเทศะ คำพูดคำจา อาจโดนตีความไปในแง่ลบได้ การใช้คำพูดแข็งกร้าวหลายครั้งของ “บิ๊กตู่” นำไปสู่ความเข้าใจผิดของสังคม ตั้งแต่เรื่องคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต การทุ่มโพเดียม ที่เข้าทางตีนกลุ่มต้านออกมาเขย่ากันขำๆ จนเสียเซลฟ์ไปพักหนึ่ง ซึ่งระยะหลังๆ มานี้ถูกหยิบคำพูดเอาไปล้อเลียนดิสเครดิตให้เป็นตัวตลกชักบ่อย ไปๆ มาๆ จะคล้ายยิ่งลักษณ์เอาทุกที ไม่ต้องมีใครมาทำอะไร แค่พูดผิดก็โดนตั้งคำถามเรื่องภาวะผู้นำกันแล้ว
อย่างการด่า ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ว่า โง่ เฮงซวย แม้หลายคนจะสะใจ โดยเฉพาะกลุ่มแอนตี้แดง แต่ผลกระทบในภาพรวมของสังคมที่ออกมาต่างมองนายกฯ ว่า ใช้คำพูดคำจาไม่ให้เกียรติคน ดูถูกเหยียดหยาม แถมในทางการเมืองคนที่ถูกด่าก็ไม่เจ็บไม่คัน ยังหัวเราะชอบใจ เพราะ “บิ๊กตู่” ออกมาตอบโต้ได้ ถือว่าประสบความสำเร็จ โวยวายกันไป สุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบก็คือตัวนายกฯเอง
เหล่านี้ “บิ๊กตู่” ต้องคิด ปล่อยตามบุคลิกอนาคตข้างหน้าไม่ดีแน่ แม้จะเป็นทหาร มีบุคลิกขวานผ่าซาก แต่วันหนึ่งเมื่อเข้ามาเป็นผู้นำ จะทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้ เป็นบุคคลสาธารณะ ถ้อยคำที่ออกมาจากปากมีผลทางใดทางหนึ่งกับประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บางครั้งไม่มีใครรู้ว่า คำพูดของ “บิ๊กตู่” ล้อเล่นหรือจริงจัง เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เหมือนผู้สื่อข่าว แต่คนจะสนใจเฉพาะประเด็นเท่านั้น การเรียกสื่อไปพบ หรือการขู่ใส่คอลัมนิสต์คนนั้น คนนี้ อาจจะมีการทำความเข้าใจกันในภายหลัง แต่สำหรับภาพเบื้องหน้าที่ออกมา คนภายนอกตีความแล้วว่า นี่คือคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างโจ๋งครึ่ม
เรื่องการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ก่อนตัดสินใจขึ้นมาเป็นผู้นำ “บิ๊กตู่” เองก็น่าจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจก่อนแล้วว่า จะมีทั้งคนรักและคนชัง จะโดนทั้งก้อนอิฐและดอกไม้ นายกฯเป็นบุคคลสาธารณะ ไม่ใช่เทวดาวิเศษวิโสมาจากไหน ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตได้ ไม่ใช่โดนตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อยก็ตีโพยตีพายใส่รับไม่ได้ คนทำการใหญ่มาคิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้จะแก้ปัญหาไม่คืบ และควรเอาเสียงจิ้งจกทักเหล่านี้ไปพินิจพิเคราะห์บ้างก็ดี จะเอาแต่คนเชลียร์ คนชม จนตัวลอย หลายรัฐบาลตายเพราะคนแบบนี้มานักต่อนักแล้ว
ไม่อดทนอดกลั้นงานใหญ่มิวายจะเสียของ คำพูดเป็นนาย พูดอะไรออกมาสะท้อนตัวตน เหมือนเรื่องเลือกตั้งที่หลุดพูดออกมาว่า เดี๋ยวไม่ต้องเลือกกัน คนคุ้นเคยย่อมรู้ว่าบุคลิกนายกฯเป็นอย่างไรจึงเข้าใจได้ว่าพูดเพราะควันออกหู มีโทสะ แต่ในมุมต่างชาติเขาไม่ได้มัวมาสนใจหรอกว่า วันนี้อารมณ์ไหน รู้แค่เพียงว่านายกฯไทยพูดขู่ว่า จะไม่ให้มีการเลือกตั้ง พาลจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาล รวมไปถึงเรื่องความเชื่อมั่นของต่างประเทศ ที่มองทิศทางการทำมาหากินในประเทศไทยอยู่ตลอดเวลา
คนเป็นนายกฯ พูดอะไรคือ ทิศทางของประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นตัวอย่างของเยาวชน หากโมโหแล้วพูดตามใจปาก ไม่เก็บความคิดเอาไว้ข้างในบ้าง ระวังจะเสียของเพราะปากตัวเองได้เหมือนกัน