xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯขู่ใช้คำสั่งคสช. จัดการสื่อตีข่าวเสี้ยม สมาคมฯวอนเข้าใจทำหน้าที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"ฉุนกึก โวยสื่อ เฉ่งคอลัมนิสต์ ซัด "เก่งนักมาบริหารเอง" ลั่นขอดูอีกระยะ ขู่จำเป็นจะใช้อำนาจ คสช. จัดการ สมาคมนักข่าววอนนายกฯ เข้าใจการทำหน้าที่

วานนี้ (25 มี.ค.) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนประเทศบรูไน โดยมีสีหน้าเคร่งเครียดและแสดงอารมณ์โกรธและโมโหตลอดระยะเวลาการให้สัมภาษณ์ รวมทั้งได้มีการเตรียมเอกสารเพื่อชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวโดยเฉพาะ ถือเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์มีอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรงถึงขนาดบางช่วงเสียงสั่น และมีการโยนเอกสารใส่ผู้สื่อข่าว

โดยการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ใช้เวลาทั้งสิ้นรวม 23 นาที โดย พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ขอร้องสื่อมวลชนว่าในเรื่องคดีการเมืองต่างๆ ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอให้เป็นไปตามกลไก อย่าไปยุ่งกับมันมากนัก

"อะไรกันนักหนา ผมไม่เข้าใจ จะต้องเมื่อนี่ เมื่อนั่น โดยเฉพาะของผู้จัดการ เปิดอ่านดูไม่ได้สักหน้าหนึ่ง เป็นบ้ากันไปหรืออย่างไร เขียนอะไรไม่รู้กันทุกวัน จะเอาอะไรกันนักหนา เก่งนักหนา มึงมาบริหารงานมา มาเป็นส.ส.เลย ไอ้ชัชวาลย์ (ชาติสุทธิชัย คอลัมนิสต์) ไอ้โสภณ (องค์การณ์ คอลัมนิสต์) พวกนี้ รัฐบาลนี้พูดจาแบบนี้ จะว่าผมก็ว่ามา ยังไงก็รับอยู่แล้ว แต่ผมเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เป็นนายกฯ ที่ไม่ใช่มนุษย์ ก็มีจิตใจ มีชีวิตและจิตใจ"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

***ย้ำคดีการเมืองต้องว่าไปตามกระบวนการ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า การพิจารณาคดีทางการเมืองอย่าไปสนใจ ให้เขาเดินหน้าไปตามกระบวนยุติธรรม อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์กันนัก เพราะเขาทำงานไม่ง่าย ถ้าเรามัวแต่คล้อยตามไปมาแบบนี้ ศาลก็ลำบาก วันนี้ฝ่ายต่อต้านกระบวนการยุติธรรม ถามว่ายอมรับความผิดอะไรบ้างหรือยัง สักอย่าง ยังไม่มีเลย และตนก็ไม่ได้บอกว่าเขาผิด เขาเป็นเพียงผู้ต้องหา ก็ไปสู้คดีกัน แต่ขอร้องว่าอย่ามาสู้นอกศาล สื่อก็ไปขยายความกันเรื่อยเปื่อย เวลาศาลตัดสินว่าไม่ผิด ทำไมไม่โวย แต่พอผิด ก็ออกมาโวยว่าไม่เป็นธรรม ส่วนความผิดอื่นๆ ที่มีการยกฟ้องกลับไม่พูดถึง อย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน คนเหล่านี้ใช้ได้หรือไม่ ก็ต้องคิดดู

เมื่อถามว่า คดีที่พูดถึงหมายถึงคดีอะไร และเกี่ยวข้องกับใคร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างโมโหว่า สื่อก็รู้อยู่จะมาถามอีกทำไม มันก็คือคดีการเมือง ก็รู้อยู่แล้ว

***เลื่อนแถลงผลงานเหตุอยากให้คนฟัง

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเลื่อนการแถลงผลงานรอบ 6 เดือน จากวันที่ 10 เม.ย. เป็นวันที่ 17 เม.ย. เนื่องจากเกรงว่าเป็นวันหยุดยาวจะไม่มีคนฟัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า แล้วจะทำไม ขนาดตนพูดธรรมดา ยังไม่ฟังกันเลย ก็ต้องหาเวลาที่ทุกคนฟัง โดยเฉพาะสื่อ เพราะที่พูดทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครฟัง ถ้าไปพูดวันหยุดแล้วใครจะฟัง

*** ซัด"อำมาตย์เต้น"โง่-เฮงซวย"

พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เหตุระเบิดหลายครั้งที่เกิดขึ้นขณะนี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเองว่า “ก็มันโง่ไง แล้วพวกเธอไปโง่ตามเขาหรือเปล่า รัฐบาลและผมจะทำไปเพื่ออะไร คิดดูสิ ด้วยความเป็นมนุษย์ ฉันมา ฉันไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนั้นแล้ว ฉันจะมาทำเองทำไม เพื่อที่ฉันอยากจะอยู่อย่างนั้นหรือ”

เมื่อถามว่า การออกมาพูดเช่นนี้ จะมีการห้ามปรามอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่สนใจ

เมื่อถามต่อว่าจะเรียกมาปรับทัศนคติอีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่สนใจ เรียกมาแล้วหลายครั้ง แล้วพอเรียกมาจะอย่างไร พอไม่ปล่อย ก็หาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็แค่นี้ เฮงซวยพวกนี้"

***เผยพูดรวบไปเลือกตั้งปลายปี

ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงการเลือกตั้งปลายปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่พูดว่าปลายปีนั้น ตนพูดเร็ว ความจริงตนพูดมาหลายครั้งว่ารัฐธรรมนูญจะออกปลายปี นั่นคือการเริ่มกระบวนการเลือกตั้ง ตนพูดรวบไปหน่อย แต่ไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรกันนักหนาเรื่องการเลือกตั้ง จะเป็นจะตายกันหรืออย่างไร เป็นการแสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตย แต่ก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม หรือใครคิดว่าไม่ใช่รัฐธรรมนูญจะออกได้ไหมก็ต้องไปรอดูกัน

เมื่อถามว่า เท่าที่ดูคิดว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้

** ปัด"บิ๊กป้อม-หม่อมอุ๋ย"ไม่เกาเหลา

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวชี้แจงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีเข้าพบ และหารือเมื่อบ่ายวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า ไม่มีการพูดคุยในเรื่องปัญหาความขัดแย้งอะไร แต่เป็นการปรึกษาเรื่องการงาน

** ขู่ใช้อำนาจ คสช.จัดการสื่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีการไปพูดโยงถึงเรื่องการทำงาน และการปรับ ครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบอย่างเสียงดังว่า "มีแต่พวกคุณพูดกันทั้งนั้นว่าจะมีการปรับครม. ถ้าปรับแล้วมันดีขึ้น เออ มันก็ใช่ แต่ถามว่าสถานการณ์ขณะนี้ การปรับคนจะทำให้แก้ปัญหาได้หรือไม่ อยากให้ตอบ สมมติว่าหนังสือพิมพ์ของพวกคุณ ถ้าจะให้ขายดี ต้องให้ไอ้นักข่าวคนนี้ออกไป บรรณาธิการคนนี้ ก็ต้องออก แล้วมันจะดีขึ้นไหม มันไม่ได้แก้ปัญหาง่ายขนาดนั้น

"เสรีภาพให้ก็ให้แล้ว ทุกอย่างไม่เคยห้ามอะไรเลย ไม่มีใครเขาให้แบบนี้หรอก เดี๋ยวผมจะดูอีกระยะหนึ่งนะ สำหรับการทำงานของสื่อ ที่ผมและรัฐบาลทำมาทั้งหมด ก็เพื่อคนไทยทุกคน แต่พอจะมีกลไกอะไรต่างๆ ออกมา ก็ไม่ยอมกัน จะกลับไปยืนที่เก่า สื่อก็คล้อยตามกันไปเรื่อย ยิ่งทำให้สังคมแตกแยก แล้วผมจะได้อะไรขึ้นมากับสิ่งที่ผมทำ ผมไม่ใช่การเมือง ผมไม่ได้ผลประโยชน์ ผมไม่มีธุรกิจ ที่พูดไม่ได้มาทวงบุญคุณอะไร ทั้งหมดผมทำให้คนไทย ถ้าใครมันไม่เข้าใจ มันก็ไม่ใช่คนเท่านั้น สื่อต้องช่วยกัน ต่อจากนี้ผมจะดูทุกสื่อ และถ้าจำเป็นผมก็จะใช้อำนาจของผมทุกคน ไม่ได้ ไม่ให้มาวิจารณ์ วิจารณ์ได้ แต่ต้องเข้าใจเสียหน่อย วันนี้คำสั่ง คสช. มีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ หรือลืมกันไปหมดแล้ว ลืมหรืออย่างไร สบายกันเกินไปแล้วมั้ง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่า ถ้าสื่อเสนอข่าวลักษณะที่ทำให้แตกแยก จะพิจารณาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า สื่อใดที่เสนอข่าวสร้างความแตกแยก ก็จะให้ทางสมาคมฯ ดำเนินการสอบมา แล้วถ้าสมาคมฯ ไม่ได้เรื่อง ผมก็จะให้คณะข้างบนเขาสอบต่อ

เมื่อถามว่า จะถึงขั้นปิดสื่อเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่ามาหาเรื่องให้ตนต้องไปรบกับสื่อเลย

เมื่อถามย้ำว่า บทลงโทษคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทันทีว่า "ประหารชีวิตมั้ง ถามส่งเดชไปได้ ก็อย่าทำกันสิ ระมัดระวังกันหน่อย สื่อต้องมีวิจารณญาณ มีจรรยาบรรณกันหน่อย"

***ปิดท้ายขอความร่วมมือสื่อช่วยสร้างสรรค์

เมื่อการให้สัมภาษณ์มาถึงจุดดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น ผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสร้างบรรยากาศ โดยขอให้นายกรัฐมนตรีรีบเดินทางขึ้นเครื่องบินเพื่อให้ทันตามกำหนดการเยือนบรูไน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงติดพัน และกล่าวกับผู้สื่อข่าวต่อ

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวกล่าวว่า ไม่มีคำถามจะถามแล้ว เกรงจะถูกคำสั่งประหาร พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า "ใช้เครื่องประหารหัวสุนัขเลย เดี๋ยวจะจัดการกับสื่อสักหน่อย รักกันอยู่แล้ว ขอร้องให้ช่วยกันหน่อย ไม่ใช่ให้มาแก้ตัวให้ผม แต่ขอให้ช่วยกันสร้างความรัก ความสามัคคี ไหนๆ เราก็มาถึงจุดนี้แล้ว เอาวิกฤตให้เป็นโอกาส ในการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ทำวิกฤตให้เป็นวิกฤต"

เมื่อถามว่า ทำไมนายกฯ ไม่มองว่าคำวิจารณ์ต่างๆ เป็นความเห็น และการเสนอแนะ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ไปดูคำวิจารณ์ของพวกสื่อสิ เป็นทางบวกหรือ ถามว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำได้หรือไม่ ก็เข้ามาวันนี้ก็เพื่อสิ่งเหล่านี้ จะถามทำไม สร้างสรรค์ตรงไหนวะ ปัดโธ่"

** อัด"มติชน"เชียร์ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ พูดมาถึงจุดนี้ ได้หันไปสั่งให้ ทส. คนสนิทไปหยิบหนังสือพิมพ์ในรถมา โดยกล่าวว่า "เอามากันสักที แล้วช่วยกันตัดสินดูสิว่าไอ้นี่มันเขียนดีหรือไม่ เดี๋ยวฉันจะบอกว่าไม่ต้องไปซื้อ ตกงานกันให้หมด"

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวได้บอกนายกฯ ว่าไม่มีคำถามแล้ว และถ้าช้าไปกว่านี้ อาจจะทำให้กำหนดการเยือนบรูไน คลาดเคลื่อน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ถ้าฉันไปถึงช้า ฉันจะบอกสมเด็จพระราชาธิบดีว่า เป็นเพราะพวกเธอ วันนี้ไม่ได้โกรธ แต่อารมณ์ไม่ดี"

หลังการให้สัมภาษณ์จบ ทส. คนสนิทได้หยิบหนังสือพิมพ์มติชน และ ASTVผู้จัดการรายวัน มาให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตามคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันไปชี้ พร้อมระบุว่า มีหลายฉบับมาก พร้อมหันมาถามกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า "ไหน เครือมติชนอยู่ไหน ไปดู เขียนให้ดี อย่าเขียนให้มันเข้าข้างฝ่ายโน้นให้มากนักนะ ผมจะบอกให้ รัฐบาลที่แล้ว มติชนนะ ขายกระทรวงมหาดไทยทั้งหมด คุณไปรื้อดู กระทรวงมหาดไทย สั่งให้ซื้อเฉพาะมติชน ทำให้ฉบับอื่นขายกันไม่ออก"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

**ว้าก"ฐปณีย์" ตีข่าวแรงงานไทยในอินโดฯ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีแรงงานไทยในอินโดนีเซียถูกหลอกไปเป็นลูกเรือประมง และกลายเป็นคนตกเรือ เนื่องจากถูกปลอมเอกสาร หลักฐาน จนกลายเป็นคนไม่มีตัวตนว่า รัฐบาลดำเนินการมาตลอด ครั้งที่ผ่านมา ก็สามารถช่วยเหลือมาได้ 26 ราย เรื่องนี้ อย่าเพิ่งขยายความกันมาก เพราะบางข่าวเป็นอันตรายกับประเทศ ในเรื่องความมั่นคง และอยากถามว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ทำไมไม่ทำ จะให้ตนทำทุกอย่างเสร็จในเวลาแป๊บเดียว แล้วไล่ตนไป มันได้ที่ไหน รัฐบาลพยายามเจรจาพูดคุยมาโดยตลอด หากสื่อตีข่าวนี้ออกไป รู้หรือไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร จะเกิดเรื่องการค้ามนุษย์เข้ามาทันที และถ้าเขาไม่ซื้อปลาสองแสนกว่าล้านตัน พวกตีข่าวจะต้องรับผิดชอบ มีอะไรตนรับฟังอยู่แล้ว ขอให้มาพูด และบอกเจ้าหน้าที่ วันนี้รัฐบาลรับฟังปัญหา แต่ต้องมาพูดก่อน ถ้าไปตีข่าวอยู่อย่างนี้ คนไทยทั้งประเทศเสียหาย ฉะนั้นนักข่าวได้ข่าวมาแล้วต้องตรวจสอบ

"ผมบอกจริงๆ ฐปณีย์ (เอียดศรีไชย) มาหาเจ้าหน้าที่เสีย พูดอยู่ข้างนอกมันได้อะไรขึ้นมา ถ้าผมทำ ผมไม่ได้ทำเพราะฐาปณีย์ ผมทำเพราะผมอยากจะทำ รู้หมดว่าใครอยู่ที่ไหน อย่างไร ผมถามว่ามันง่ายหรือไม่ และผิดกฎหมายหรือเปล่า ไม่ยอมรับอะไรซักอย่าง แล้วจะเอาแต่สิทธิ เสรีภาพ จะไปไหนก็ได้ หรือจะไปประเทศนู้น ประเทศนี้ได้โดยที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตหรือเปล่า เรือสี่ห้าลำ ชื่อเดียวกันได้หรือไม่ วันนี้รัฐบาลกำลังขึ้นทะเบียนเรือ และติดจีพีเอสบนเรือ จับปลาที่ไหนมา ต้องแสดงให้เห็นว่าจับมาจากไหน ไม่ใช่นอกน่านน้ำ ต้องไปในพื้นที่ถูกต้อง คนงานต้องมีใบอนุญาต ไม่เช่นนั้นจะถูกหลอกอย่างที่ว่า และผมถามว่า ถูกหลอกสมัยผมหรือเปล่า ซึ่งวันนี้ก็แก้ทุกอัน แล้วมันแก้ได้ไวหรือไม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

**หวังลดต้นทุนลอตเตอรี่เหลือ 65 บาท

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงมาตรการรองรับหลังจากที่มีนโยบายให้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีกลุ่มคนพิการที่มีอาชีพจำหน่ายสลากได้รับผลกระทบว่า อะโธ่ ใครจะไปเลิกโควตาคนพิการ ถามไม่มีความคิดเลย ที่เขามาเรียกร้อง ก็เขาไม่เข้าใจ เพราะพวกเธอ (สื่อ) เขียนกันไปกันมา จนงงไปหมดแล้ว ส่วนแผนที่จะช่วยเหลือก็มีตั้งนานแล้ว ถ้าจะสั่งอะไรก็ต้องมีแผนและนึกถึงคนทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

"วันนี้ลอตเตอรี่ต้นทางมันออกมา สมมติ 65 บาท กว่าจะผ่านไอ้ห้าเสือ ห้าสิงห์ กระทิง แรด ราคาก็ปาเข้าไป 70-80 บาท แล้วก็ต่อกันไปเป็น 90 บาท เป็น100 บาท เป็นปัญหาอย่างนี้ตลอด แล้วยังมีการแบ่งโควตามูลนิธิ โควตาคนพิการ ในส่วนขายจริงก็ขายจริง ส่วนที่ไม่ขายจริง ก็เพราะไม่มีเงิน เวลาที่ขายไม่หมด ก็ไม่รู้จะไปคืนใคร ก็ไปขายคืนไอ้ห้าเสือนั่นแหละ โควตาเหล่านี้กลับไปที่ห้าเสือหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนคนที่เดินขาย พวกนี้ก็จะเหนื่อย ก็กำลังแก้ทั้งหมดว่าจะทำอย่างไร 1.ต้องหาเงินมาให้เขาขายคืนได้ 2.จะทำอย่างไรให้ขายปลายทางได้ในราคา 80 บาท ก็ต้องไปดูที่ต้นทุนว่าเหลือ 65 บาทได้หรือไม่ และอาจจะต่างกันว่า ต้นทุนในกทม. หรือต่างจังหวัด อาจจะมีค่าเดินทางต่างจังหวัดกำไรใบละ 10 บาทได้หรือไม่ ในกทม.จะเท่าไรไม่รู้ แต่ให้ได้กำไรสัดส่วนเท่าๆ กัน

ส่วนการไปรับสลากนั้น กทม.ให้ไปรับที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สำหรับต่างจังหวัดให้ไปรับที่ศาลากลางจังหวัด ไม่ต้องวิ่งมาถึงกทม. ไม่ต้องเสียค่ารถ แล้วก็รับไปขายต่อในราคาที่มันกำไร โอเคไหม พอใจไหม

"ตอนนี้ โควตาของนิติบุคคลของห้าเสือมันจะหมดเดือนก.ค.นี้ ผมจะไม่ต่อโควตาให้ ไปว่ากัน ไปพิจารณากันใหม่ จะนำมาเติมให้คนพิการส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็นำไปขายในร้านสะดวกซื้อ ที่รับจ้างเป็นตัวแทนขายเท่านั้น ขายในราคา 80 บาท ซึ่งใครก็สามารถซื้อได้ แต่เจ้าหน้าที่ต้องมีการควบคุม เพราะไม่ใช่ขนม ยาอม ที่ใครจะมาซื้อได้ แต่คนที่เดินขายก็ไม่ได้ยกเลิกไม่ได้ห้าม"นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าเขาอยากได้ 15% ไม่ใช่ 7-8% นายกฯ กล่าวว่า "เขากำลังปรับกันกันอยู่ เดี๋ยวก็ตีหัวเลยนี่"

**ส.นักข่าวฯ วอน"บิ๊กตู่"เข้าใจการทำหน้าที่

นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูสื่อ และโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อการทำหน้าที่ของสื่อว่า การทำหน้าที่ของสื่อโดยทั่วไป เป็นไปเพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะ ขอให้นายกฯ ได้เข้าใจ เพราะนายกฯ และรัฐบาลเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ สื่อมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐให้เป็นไปโดยโปร่งใส่และมีประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานการรับผิดชอบของผู้บริหารประเทศโดยทั่วไปพึงมี

นายภัทระ คำพิทักษ์ ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ยินดีที่นายกรัฐมนตรีจะใช้กระบวนการตรวจสอบกันเองของสื่อ ซึ่งเป็นไปตามคำแถลงของ คสช. ก่อนหน้านี้ ที่เคยระบุว่า คสช. จะสนับสนุนกระบวนการตรวจสอบกันเองของสื่อ แต่สื่อหลายสำนักไม่ใช่สมาชิก จึงไม่อาจไปแนะนำได้ทุกสื่อ หากหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใดเห็นว่าสื่อที่เป็นสมาชิกของสภาฯ ทำเกินกรอบของการทำหน้าที่สื่อทีดี ก็สามารถแจ้งมาได้ตลอดเวลา สภาฯ มีคณะทำงานรับผิดชอบในการควบคุมจริยธรรมของสื่ออยู่แล้ว แม้นายกฯ จะมีข้อข้องใจในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อ สภาฯ ก็ขอให้ท่านระบุเป็นประเด็น และเป็นรายไปเลย

"แม้นายกฯ และคสช. จะเข้าใจและสนับสนุนกระบวนการควบคุมกันเองของสื่อ แต่หวังว่านายกฯ และคสช.จะเข้าใจวิธีการปฏิบัติตามช่องทางเหล่านั้นด้วย การให้สัมภาษณ์ในลักษณะการใช้เชิงอำนาจ ไม่ได้เป็นผลดีต่อนายกฯ และคสช. แต่อย่างใด"นายภัทระกล่าว

** "บิ๊กป้อม"แจงแก้ปัญหาค้ามนุษย์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายกฯ เกิดความไม่สบายใจในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ในการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในอินโดนีเซียว่า แรงงานประมงดังกล่าว เป็นแรงงานเถื่อน ซึ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว และความจริง รัฐบาลก็กำลังพยายามแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ โดยมีการจัดวางระบบเรือประมงไทยที่จะออกจากท่าทุกลำ จะต้องจดทะเบียน และติดเครื่องติดตามตำแหน่ง (จีพีเอส) ส่วนแรงงานลูกเรือ ก็จะต้องมีการจดทะเบียนให้ถูกต้องเรียบร้อย ถึงจะออกเรือไปได้ และหากออกเรือไปแล้ว เราก็จะจัดมีชุดติดตามออกไปสังเกตการณ์ร่วมด้วย โดยรัฐบาลยืนยันได้จัดระบบการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ ทุกประเภทแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น