**ไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไปกินดีหมีที่ไหนมา ถึงกับฟาดงวงฟาดงา กับสื่อที่เกาะติด ตามไปส่งขึ้นเครื่องไปเยือนบรูไนดารุสซาลาม
ท่าทีฉุนเฉียวของนายกฯลุงตู่ ไม่ใช่เพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรก แต่มีมาจน (เกือบ) ชินกันแล้ว สำหรับใครที่ติดตามมาตลอด
สิ่งที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ปรี๊ดแตก หนีไม่พ้นสื่อ โดยเฉพาะคอลัมนิสต์จากหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลกับการแก้ปัญหาไม่ตก วันนี้จึงกลายเป็นว่าที่มีสารพัดปัญหารุมเร้า โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง เสียงชาวบ้านเริ่มบ่นกันขรม ทำมาหากินฝืดเคือง ไหนจะเรื่องการเมือง ยกร่างรัฐธรรมนูญ ไหนจะพวกตั้งป้อมรอเลือกตั้ง แหย่ให้อารมณ์ขึ้นทุกวัน
แม้จะออกตัวว่าไม่ได้มีปัญหากับสื่อ แต่หลายๆ ครั้งพล.อ.ประยุทธ์ ก็ระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ที่ถูกเขียนถึงในฝีมือการบริหารประเทศ ทำให้อดรนทนไม่ได้ทุกที เหมือนมีปมในใจ ซ้ำยังมีกระแสข่าวปั่นเรื่องความขัดแย้งภายในระหว่างคณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ แอบซดเกาเหลากันโฮกฮาก หลังฉาก
กระแสความขัดแย้งที่เป็นอยู่นี้ คนเริ่มเชื่อว่ามีเค้าลางความจริง
ความขัดแย้งที่ลือกันในวง ต้องมีชื่อ คุณชายอุ๋ย หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลจะต้องมีชื่อเอี่ยวกับชามเกาเหลาทุกครั้งไป ก่อนหน้านี้ก็หาว่า คุณชายขัดแข้งขัดขากันกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”ที่ปรึกษาคสช. หรือนัยหนึ่งเป็นกุนซือด้านเศรษฐกิจ ที่มีมุมมองด้านเศรษฐกิจต่างกัน ก็ต่างเป็นชั้นเซียนกันทั้งนั้น ก็ต้องมีเรื่องเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่กระแสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ย้ำมาตลอดไม่มีความขัดแย้งกันแน่นอน
**กระทั่งข่าวล่าสุด ก็มีชื่อคุณชายอุ๋ย ไม่ลงรอยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงมีคำตอบเดิม คือ ไม่มีเกาเหลา
อย่างไรก็ตาม หากติดตามข่าวมาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาล จะเห็นว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จะถูกผูกโยงในเรื่องความขัดแย้งกับคนนั้น คนนี้มาโดยตลอด หรือแม้กระทั่งกับพล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็มีเสียงลือว่าไม่ค่อยปลื้มกับคุณชายสักเท่าไหร่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ไปให้น้ำหนักกับ“สมคิด”เสียมากกว่า ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจเป็นแค่ข่าวลือ หรือเป็น“เรื่องจริง”ก็ตาม
แต่ทว่า สิ่งที่สะท้อนออกมาในเรื่องเศรษฐกิจของรัฐบาลดูเหมือนว่าจะไม่ค่อย“คลิก”กันสักเท่าไหร่ จึงทำให้เรื่องไม่ลงรอยกัน มีน้ำหนักมากขึ้น
เพราะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ก็ไม่ค่อยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาให้คนไทยได้เห็นให้ชื่นใจ ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับกันว่า เรื่องเศรษฐกิจตอนนี้ป่วยเป็นโรคระบาดกันทั่วโลก ซบเซาซึมกระทือกันไปหมด สำหรับประเทศไทย ยอดการส่งออกลดลงฮวบฮาบ ขาดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้หนีหายไปลงทุนประเทศอื่น การจ้างงานลดลง แม้กระทั่งบริษัทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังออกปากบ่น คงจะฝืดเคืองกันมาก จึงดูเหมือนว่าประเทศไทยตกอยู่ในสภาพคนป่วย อาการร่อแร่
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองพยายามกระตุ้นให้เกิดการเบิกจ่ายงบประมาณที่ค้างท่อ เพื่อให้เม็ดเงินกระจายไปตามจุดต่างๆ คงได้ผลเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะลองทบทวนปรับเปลี่ยนตัวบุคคล โดยเฉพาะครม.เศรษฐกิจ เพราะใช้พะยี่ห้อ คุณชายอุ๋ย โรคเศรษฐกิจป่วยเหมือนจ่ายยาไม่ถูกขนาน อาการยังทรุดๆ ทรงๆ ซึ่งการทำงานของรัฐบาลและครม.ชุดนี้ ทำงานมาระยะหนึ่ง จนเห็นฝีไม้ลายมือกันมาพอสมควรแล้ว นายกฯน่าจะพิจารณาปรับเปลี่ยนในบางตำแหน่งได้แล้ว หรือว่าการหาคนมาร่วมครม. กลายเป็นเรื่องยาก เกรงอกเกรงใจครม. ที่ตั้งมากับมือ หากปรับออกจะเหมือนหักหน้ากัน หรือจะกลัวเสียหน้าว่า รัฐบาลขาดประสิทธิภาพอย่างที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. เย้ยหยัน
แต่ภายใต้การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ประชาชน และความอยู่รอด นอกเหนือกว่าการรักษาหน้า เมื่อมีจุดบกพร่องก็ต้องยอมรับที่จะแก้ไขในจุดบอด เรื่องเศรษฐกิจอาจจะไม่ง่ายที่จะแก้ในวันสองวัน อย่างที่ท่านนายกฯ ย้ำมาตลอดว่า รัฐบาลก่อนทำเหลวมามาก รัฐบาลนี้ต้องมาเก็บกู้ซาก
ก็คงจะคาดหวังว่าจะมาเก็บกวาดซาก แต่ไม่ใช่มาเพิ่มซากเน่าให้เพิ่มพูนขึ้นอีก แค่นี้คนไทยก็เริ่มจะรับไม่ไหว แล้วแปรสภาพเป็นพลังหลอมรวมกันบนถนน แล้วรัฐบาลจะลำบาก
**ลองทบทวนอีกที ถึงเวลาที่จะปรับครม. หรือยัง
ท่าทีฉุนเฉียวของนายกฯลุงตู่ ไม่ใช่เพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรก แต่มีมาจน (เกือบ) ชินกันแล้ว สำหรับใครที่ติดตามมาตลอด
สิ่งที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ปรี๊ดแตก หนีไม่พ้นสื่อ โดยเฉพาะคอลัมนิสต์จากหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลกับการแก้ปัญหาไม่ตก วันนี้จึงกลายเป็นว่าที่มีสารพัดปัญหารุมเร้า โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง เสียงชาวบ้านเริ่มบ่นกันขรม ทำมาหากินฝืดเคือง ไหนจะเรื่องการเมือง ยกร่างรัฐธรรมนูญ ไหนจะพวกตั้งป้อมรอเลือกตั้ง แหย่ให้อารมณ์ขึ้นทุกวัน
แม้จะออกตัวว่าไม่ได้มีปัญหากับสื่อ แต่หลายๆ ครั้งพล.อ.ประยุทธ์ ก็ระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ที่ถูกเขียนถึงในฝีมือการบริหารประเทศ ทำให้อดรนทนไม่ได้ทุกที เหมือนมีปมในใจ ซ้ำยังมีกระแสข่าวปั่นเรื่องความขัดแย้งภายในระหว่างคณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ แอบซดเกาเหลากันโฮกฮาก หลังฉาก
กระแสความขัดแย้งที่เป็นอยู่นี้ คนเริ่มเชื่อว่ามีเค้าลางความจริง
ความขัดแย้งที่ลือกันในวง ต้องมีชื่อ คุณชายอุ๋ย หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลจะต้องมีชื่อเอี่ยวกับชามเกาเหลาทุกครั้งไป ก่อนหน้านี้ก็หาว่า คุณชายขัดแข้งขัดขากันกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”ที่ปรึกษาคสช. หรือนัยหนึ่งเป็นกุนซือด้านเศรษฐกิจ ที่มีมุมมองด้านเศรษฐกิจต่างกัน ก็ต่างเป็นชั้นเซียนกันทั้งนั้น ก็ต้องมีเรื่องเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่กระแสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ย้ำมาตลอดไม่มีความขัดแย้งกันแน่นอน
**กระทั่งข่าวล่าสุด ก็มีชื่อคุณชายอุ๋ย ไม่ลงรอยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงมีคำตอบเดิม คือ ไม่มีเกาเหลา
อย่างไรก็ตาม หากติดตามข่าวมาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาล จะเห็นว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จะถูกผูกโยงในเรื่องความขัดแย้งกับคนนั้น คนนี้มาโดยตลอด หรือแม้กระทั่งกับพล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็มีเสียงลือว่าไม่ค่อยปลื้มกับคุณชายสักเท่าไหร่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ไปให้น้ำหนักกับ“สมคิด”เสียมากกว่า ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจเป็นแค่ข่าวลือ หรือเป็น“เรื่องจริง”ก็ตาม
แต่ทว่า สิ่งที่สะท้อนออกมาในเรื่องเศรษฐกิจของรัฐบาลดูเหมือนว่าจะไม่ค่อย“คลิก”กันสักเท่าไหร่ จึงทำให้เรื่องไม่ลงรอยกัน มีน้ำหนักมากขึ้น
เพราะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ก็ไม่ค่อยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาให้คนไทยได้เห็นให้ชื่นใจ ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับกันว่า เรื่องเศรษฐกิจตอนนี้ป่วยเป็นโรคระบาดกันทั่วโลก ซบเซาซึมกระทือกันไปหมด สำหรับประเทศไทย ยอดการส่งออกลดลงฮวบฮาบ ขาดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้หนีหายไปลงทุนประเทศอื่น การจ้างงานลดลง แม้กระทั่งบริษัทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังออกปากบ่น คงจะฝืดเคืองกันมาก จึงดูเหมือนว่าประเทศไทยตกอยู่ในสภาพคนป่วย อาการร่อแร่
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองพยายามกระตุ้นให้เกิดการเบิกจ่ายงบประมาณที่ค้างท่อ เพื่อให้เม็ดเงินกระจายไปตามจุดต่างๆ คงได้ผลเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะลองทบทวนปรับเปลี่ยนตัวบุคคล โดยเฉพาะครม.เศรษฐกิจ เพราะใช้พะยี่ห้อ คุณชายอุ๋ย โรคเศรษฐกิจป่วยเหมือนจ่ายยาไม่ถูกขนาน อาการยังทรุดๆ ทรงๆ ซึ่งการทำงานของรัฐบาลและครม.ชุดนี้ ทำงานมาระยะหนึ่ง จนเห็นฝีไม้ลายมือกันมาพอสมควรแล้ว นายกฯน่าจะพิจารณาปรับเปลี่ยนในบางตำแหน่งได้แล้ว หรือว่าการหาคนมาร่วมครม. กลายเป็นเรื่องยาก เกรงอกเกรงใจครม. ที่ตั้งมากับมือ หากปรับออกจะเหมือนหักหน้ากัน หรือจะกลัวเสียหน้าว่า รัฐบาลขาดประสิทธิภาพอย่างที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. เย้ยหยัน
แต่ภายใต้การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ประชาชน และความอยู่รอด นอกเหนือกว่าการรักษาหน้า เมื่อมีจุดบกพร่องก็ต้องยอมรับที่จะแก้ไขในจุดบอด เรื่องเศรษฐกิจอาจจะไม่ง่ายที่จะแก้ในวันสองวัน อย่างที่ท่านนายกฯ ย้ำมาตลอดว่า รัฐบาลก่อนทำเหลวมามาก รัฐบาลนี้ต้องมาเก็บกู้ซาก
ก็คงจะคาดหวังว่าจะมาเก็บกวาดซาก แต่ไม่ใช่มาเพิ่มซากเน่าให้เพิ่มพูนขึ้นอีก แค่นี้คนไทยก็เริ่มจะรับไม่ไหว แล้วแปรสภาพเป็นพลังหลอมรวมกันบนถนน แล้วรัฐบาลจะลำบาก
**ลองทบทวนอีกที ถึงเวลาที่จะปรับครม. หรือยัง