xs
xsm
sm
md
lg

แปรรหัส “บิ๊กตู่” นอตหลุด แค่อาการพาลคนรอบตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
รายงานการเมือง

ต้องเรียกว่าเป็น “ซูเปอร์เหวี่ยง” ที่สุดครั้งหนึ่งของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จัดหนักจัดเต็มเกรี้ยวกราดใส่สื่อมวลชนไม่ยั้ง ไล่บี้ตั้งแต่นักข่าวชื่อดัง ยันคอลัมนิสต์ต่างๆ ว่า เขียนโจมตีอย่างเดียว

ขู่ฟ่อออกอากาศว่า จะสั่งปิด หากยังไม่เลิกวิพากษ์วิจารณ์รุนแรง ตามอารมณ์ฉุนเฉียวที่ปรากฏออกมา อย่างน้อยมันสะท้อนให้เห็นได้อย่างหนึ่งว่า “บิ๊กตู่” อยู่ในสภาวะคับอกคับใจ โดยเฉพาะสารพัดปัญหาที่กำลังถาโถมรัฐบาล เรื่องอะไรต่างๆ ที่มันไม่ได้ดังใจ ในทำนองประมาณ กลับตัวก็ไม่ได้ จะเดินต้องไปก็ไปไม่ถึงอย่างไรอย่างนั้น

ตามคิวฟาดงวงฟาดงาใส่สื่อมวลชนเต็มฝีตีน โดยธรรมชาติแล้วไม่น่าจะใช่รายการตั้งใจมาถล่มสื่อโดยตรง แต่บังเอิญว่า เป็นทางหนึ่งที่จะระบายความในใจถึงปัญหานานาสารพันที่กำลังแบกอยู่ไว้บนบ่า

ต้องยอมรับว่า ปัจจุบัน คสช. และ รัฐบาล เดินทางมากว่าครึ่งทางบนความคาดหวังแต่แรกเริ่มที่วางเอาไว้สูง แต่พอเดินไปเรื่อยๆ อะไรๆ มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ ติดนู่นติดนี่จนไม่เป็นอันทำอะไร พอจะบริหารประเทศก็มีปัญหาการเมืองเข้ามาให้ต้องสาง พาลเอางานบริหารสะดุดอยู่ร่ำไป

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มต้านที่เคลื่อนไหวเรื่องสิทธิเสรีภาพต่างๆ ทั้งเรื่องศาลทหาร เรื่องกฎอัยการศึก กวนใจกันเป็นระยะๆ ไหนจะมีคดีความของ “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในโครงการรับจำนำข้าวที่อยู่ในมือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ที่จะโผล่มาให้ตอบหรือชี้แจงอยู่เรื่อยๆ

ปัญหาการเมืองวกไปวกมากวนใจกันอยู่ไม่ขาด โยนให้กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว แต่ในฐานะผู้มีอำนาจในประเทศอย่างไรก็ปัดความรับผิดชอบไม่ได้อยู่ดี ขณะที่งานบริหารประเทศ ว่ากันตามเนื้อผ้า จนถึง ณ ขณะนี้ ยังไม่มีอะไรถูกอกถูกใจประชาชนถึงขนาดเป็นกระแสยกย่องเชิดชู

โดยเฉพาะโจทย์ใหญ่อย่างเรื่องปากท้อง ที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลกำลังโดนตีจนน่วม เพราะไม่สามารถคลอดผลงานออกมาเป็นที่ฮือฮาได้ โพลล์สำรวจกี่ครั้งได้คะแนนติดบ๊วยจนเป็นขาประจำ แม้ “บิ๊กตู่” จะอ้างว่า มันมีปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจโลกมาเป็นตัวฉุดด้วยก็ตาม แต่โดยความรู้สึกประชาชนแล้ว ไม่ได้มองว่า สาเหตุเป็นเพราะอะไรอย่างที่มีการอธิบาย ดูแค่เพียงว่า มันมีอะไรดีขึ้นกว่าเก่าหรือไม่เท่านั้น

ตราบใดที่ไม่เห็นถึงความแตกต่างหรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ในความคิดของประชาชนจะฟันธงไปแล้วว่า ฝีมือรัฐบาลยังไม่ถึงขั้น

เรื่องนี้ไม่ใช่ “บิ๊กตู่” เองไม่รู้ แต่รู้อยู่เต็มอก ทว่ามันเหมือนยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก ทำอะไรไม่ได้ กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ที่แม้จะออกมาโต้ภายหลังว่า ไม่เคยอยู่ในความคิด แต่ทุกคนรู้ดีว่า มันถึงเวลาต้องปรับเพื่อสร้างความเชื่อมั่น หรือสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง หากปล่อยไปเรื่อยๆ มีแต่ “ทรง” กับ “ทรุด”

ปัญหาปากท้องคือ จุดตายของทุกรัฐบาล เป็นประเด็นที่จะทำให้คนในสังคมมีฉันทามติร่วมกันได้โดยมิได้นัดหมาย ไม่ว่าสีเสื้อใด เพื่อออกมาเป็นตัวบีบรัฐบาล เพราะมันเป็นเรื่องใกล้เนื้อใกล้ตัวที่ได้รับผลกระทบโดยตรง หากปล่อยให้ไปถึงจุดนั้น อาจตกที่นั่งลำบากได้

แต่ที่ “บิ๊กตู่” ไม่สามารถขยับอะไรได้มากนัก เพราะมันมีหลายปัจจัยค้ำคอ ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ที่เป็นคนหนึ่งที่คัดเลือกบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีตอนตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ที่พาทีมเศรษฐกิจติดมาด้วยเพียบ

ยิ่งช่วงนี้ยิ่งมีกลิ่นตุๆ ออกมาหนาหูว่า “หม่อมอุ๋ย’ เริ่มงานฝืดอยู่ด้วย “บิ๊กตู่” เข็นไม่ไหว ต้องให้ถึงมือ “พี่ป้อม” ช่วยอีกแรง

ครั้นหลายๆ คนจะปรับออกแล้วเอาบุคคลอื่นมาแทนก็เกรงจะทำงานร่วมกันไม่ได้ เพราะอีกสายเป็นของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” สมาชิก คสช. “คู่เกาเหลา” ของ “หม่อมอุ๋ย” ที่ดูแล้ว ยุคนี้ปรับจูนให้กลับมาทำงานร่วมกันได้อีกครั้งคงยาก

ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ “บิ๊กตู่” เองก็ติดลูกถนอมน้ำใจ เพราะบางคนอุตส่าห์ไปเทียบเชิญมาให้ทำงาน ครั้นอยากจะปรับออกมาก็อ้าปากไม่ขึ้น จะดูเหมือนหมดประโยชน์แล้วเขี่ยทิ้งเอา ใจร้ายเกินไป อีกจุดที่สำคัญคือ ไม่มีใครอยากมารับเผือกร้อนๆ ให้เจ็บตัวฟรีๆ เนื่องจากเห็นแนวโน้มและทิศทางข้างหน้าอยู่ตำตาว่าจะเป็นอย่างไร

จะขยับอะไรก็ติดนู่นติดนี่ไปเสียทุกเรื่อง!!!

ขณะที่ฝ่ายข้าราชการประจำเองก็เฉกเช่นเดียวกัน หลายคนอยู่เพื่อรอเวลา คสช. ลาโรง ประเภทเกียร์ว่างจะเห็นได้ทั่วไปในยุคนี้ เหมือนที่ “บิ๊กตู่” เคยขู่จะทัณฑ์บนหากพบ มันเลยทำให้งานบางส่วนไม่ไหลลื่นได้ดังใจ

กับอีกประเภทหนึ่ง ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเลย รอเพียงเจ้านายสั่ง ประเด็นล่อแหล่มๆ วางแช่รอคนมาเคาะอย่างเดียว จนไม่เป็นอันทำอะไร มีเสียงซุบซิบออกมาเหมือนกันว่า ประเด็นนี้ “บิ๊กตู่” เองก็ปวดหัวไม่น้อย

ไม่ต่างจากเรื่องผลงานที่ระยะหลังๆ “บิ๊กตู่” มีบัญชาให้ทุกกระทรวงช่วยแถลงผลงานกันทุกสัปดาห์ ช่วยอ้าปากพูดกันเยอะๆ เรื่องของเรื่องก็เป็นเพราะว่า รัฐมนตรีแต่ละคนหรือข้าราชการในกระทรวงต่างๆ เงียบเป็นเป่าสาก ไม่กล้าออกมาโพนทะนา เพราะกลัวเรื่อง “เทคไซด์”

พอไม่พูด ไฮไลต์ทุกวันเลยมาตกอยู่ที่ “บิ๊กตู่” คนเดียว ในขณะที่รัฐมนตรีบางคนที่แม้ทำงาน แต่พอทำตัวโลว์โปรไฟล์ กลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก ก็กลายเป็นพวกผลงานไม่มีโดยบัดดล กลายเป็นนายกฯมีผลงานอยู่คนเดียว ตามคิวที่รัฐบาลต้องงัด “การประชาสัมพันธ์เชิงรุก” มาช่วย ไม่ว่าจะเป็นการออกจุลสารผลงานรัฐบาล หรือการให้แต่ละกระทรวงแถลงแบบถี่ยิบ

โดยรวมปัญหาทั้งหมดน่าจะส่องไปที่ การสั่งแล้วงานไม่เดิน มันไม่เหมือนวัฒนธรรมทหารที่สั่งแล้วต้องได้ครับพี่ ดีครับนาย แต่พอเปลี่ยนฉากมาเป็นสั่งข้าราชการพลเรือน งานมันคนละเรื่อง บางครั้งจ่ายลมได้ลมมีซะบ่อย

ในภาวะที่เวลาก็บีบเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ในขณะที่เป้าหมายที่วางไว้ยังไปไม่ถึงไหน ความกดดันมันเลยมาตกอยู่ที่ “บิ๊กตู่” ในฐานะผู้นำรัฐประหารที่ต้องรับผิดชอบทุกๆ เรื่อง ครั้นจะขยายระยะเวลาโรดแม็พเพื่อทำงานให้เสร็จ ก็อาจจะกลายเป็น “พล.อ.สุจินดา คราประยูร 2” ที่กลืนน้ำลายตัวเอง

พอเป็นแบบนี้ ก็เลยต้องแข่งกับเวลา แถมเวลาที่เหลือยังต้องมาแก้กับปัญหายากๆ ที่ไม่สามารถทำได้ภายในปีสองปี มันเลยมีอาการ “นอตหลุด” ออกมาให้เห็น
กำลังโหลดความคิดเห็น