ผ่าประเด็นร้อน
เริ่มเข็นตัวอย่างออกมาให้เห็นกันบ้างแล้วสำหรับ “จุลสารทำเนียบรัฐบาล” รายสัปดาห์ แบบแทบลอยด์ จำนวน 8 หน้า หรือที่เรียกกันว่า “จดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชน” พูดกันแบบรวบรัดตัดความ ก็คือ เป็นเอกสารที่แจกประชาชนเพื่อให้ทราบว่ารัฐบาลมีผลงานอะไรบ้าง และได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง เป็นการสื่อสารทางตรงกับประชาชน โดยจะเริ่มแจกในพื้นที่ชุมชน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ภายในเดือนนี้
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้บ่นออกมาดังๆ ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีผลงานออกมามากมาย เพียงแต่ว่าสื่อไม่สนใจไม่ได้นำเสนอสื่อสารออกไปให้ประชาชนได้เห็น พร้อมทั้งต่อว่าต่อขานสื่อที่ถามว่าเรื่องผลงานรัฐบาลทำนองว่า “แทบจะชกปากคนถาม” กันเลยทีเดียว แม้ว่ามองในมุมไม่จริงจัง แต่นั่นก็สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีเริ่มมีความเครียดกับเรื่องแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สร้างผลงานในเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย สร้างความมั่นคงให้กลับคืนมาในระดับดี สร้างความปลอดภัยให้กับชาวบ้านในแบบที่เห็นชัดและเปรียบเทียบกันได้ ส่วนสำคัญอาจเป็นเพราะรัฐบาลมีอำนาจพิเศษกำกับเอาไว้ จนสามารถกำหราบกลุ่มการเมืองที่เคยเคลื่อนไหวได้ดี
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสามารถผลักดันเสนอกฎหมาย หรือแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ อุปสรรคต่อความก้าวหน้าและการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศออกมามากมาย มีการออกระเบียบ คำสั่งเพื่อลดขั้นตอนทางราชการให้มีความรวดเร็ว แต่ก็นั่นแหละสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำหรือทำไปแล้วดังกล่าวต้องถือว่าเป็นผลงานที่ดี แต่ปัญหาก็คือชาวบ้านยังจับต้องไม่ได้ หรือนังเป็นเรื่องไกลตัวของชาวบ้าน แม้ว่าเป็นเรื่องจำเป็นและต้องทำก็ตาม
เพราะสิ่งที่ใกล้ตัวของชาวบ้าน เช่น เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องของแพง เรื่องราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ ทุกอย่างผ่านมากว่า 8 เดือนแล้ว ยังไม่ดีขึ้น แน่นอนต้องยอมรับความจริงเช่นกันว่ามีปัญหามาจากภายนอก บางอย่างเป็นเรื่องเหนือการควบคุม แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องปากท้อง ของแพงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดและใกล้ตัวที่สุดของชาวบ้าน และทุกรัฐบาลที่ผ่านมาดัชนีชี้วัดความสำเร็จและความนิยมก็มาจากเรื่องแบบนี้แหละ
ที่ผ่านมามีภาคเอกชนหลายคนได้ออกมาระบุว่าการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาในไตรมาสแรก รวมไปถึงโครงการสำคัญ โครงการใหญ่ยังเป็นไปด้วยความล่าช้า ทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจที่หวังเงินจากภาครัฐยังไม่เดินหน้าเท่าที่ควร แม้ว่าจะคาดหมายในทางดีว่าในช่วงไตรมาสสองสามจะดีขึ้นก็ตาม แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องอนาคต
พิจารณาจากปัญหาที่รัฐบาลเริ่มประสบอยู่ตั้งแต่ต้นปีก็ต้องการรายงานการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลต่ำกว่าเป้า และต่อมามีการลดการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงมาเหลือร้อยละ 3-4 และมีแนวโน้มลดลงมาอีก นี่คือปัญหา และที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้เคยยอมรับออกมาเองว่า 8 เดือนของรัฐบาลเรื่องเศรษฐกิจถือเป็น “จุดอ่อน” ที่สุด
ขณะเดียวกัน ยิ่งอายุรัฐบาลทอดนานออกไปเท่าไรก็ยิ่งมีแรงกดดันเพิ่มเข้ามาเป็นเงาตามตัว อย่างล่าสุดการที่รัฐบาลพยายามผลักดันการเก็บภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง หลังจากก่อนหน้านี้มีการผ่านกฎหมายจัดเก็บภาษีมรดกไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่านี่คือการปฏิรูประบบภาษีให้เกิดความเป็นธรรม มีการอธิบายว่าเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มรายได้ให้กับประเทศเพื่อนำเงินมาพัฒนา แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ว่าต้องมีการคัดค้านต่อต้าน โดยเฉพาะเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่อาศัย แม้ว่าหากอนุมัติผ่านกฎหมายวันนี้ก็จะมีผลบังคับในอีก 1-2 ปีข้างหน้าก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเรื่องอ่อนไหว สังเกตเห็นได้จากบรรดาพรรคการเมืองใหญ่ นักการเมืองที่จับกระแสสังคมได้ดีต่างก็เริ่มออกโรงต้านกันอย่างขนานใหญ่
ดังนั้น ปรากฏการณ์จริงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ยังเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับความมั่นคงของรัฐบาลทุกชุด ไม่เว้นแม้แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และการที่ต้องลงทุนพิมพ์ผลงานของรัฐบาลแจกให้ประชาชนได้รับรู้นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเริ่มมีปัญหา เพราะที่ผ่านมาทั้งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถบังคับสื่อโทรทัศน์วิทยุออกรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ทุกวัน และยังมีรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” โดยนายกรัฐมนตรีทุกค่ำวันศุกร์ รายงานผลงานอยู่ตลอดเวลา แบบนี้หากยังไม่เข้าหูติดตาชาวบ้านมันก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรกันแล้ว!!