“ประยุทธ์” โชว์จดหมายข่าวรัฐบาล หวังทำความเข้าใจประชาชน เผยกำลังสอบสวนกรณีจัดซื้อจัดจ้างมหาดไทย-ศึกษาธิการไม่โปร่งใส แต่ชี้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย 100 เปอร์เซ็นต์ โยนให้ สตง. ดูแล ท้าถ้าทุจริตไปฟ้องเอา
วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงจดหมายข่าวรัฐบาล “เพื่อประชาชน” ที่มีการเผยแพร่ในวันนี้ ว่า เรื่องการสร้างความเข้าใจกับประชาชน รัฐบาลจะออกเอกสารจดหมายข่าวรัฐบาล “เพื่อประชาชน” ออกมาเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง รวมทั้งจะมีการแพร่หลายไปยังสาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ฉบับแรกยังไม่ครบยังต้องมีการแก้ไขอีกพอสมควร เพราะมีทั้ง 19 กระทรวงที่จะต้องรายงานผลงานต่างๆ ด้วย และการทำเอกสารดังกล่าวไม่ได้ต้องการโชว์ผลงาน แต่ต้องการให้รู้ว่ารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง โดยเฉพาะในสิ่งใหม่ จะได้มีหลักฐานมากกว่าการตอบคำถามกับสื่อของตน บางครั้งประชาชนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจ นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งสร้างการรับรู้ ทุกอย่างต้องเดินภายใต้กฎหมายและการรับรู้ รวมทั้งการจัดเตรียมคณะทำงานบริหารราชการ ตอนนี้ในวอทแอป เริ่มมีการแจ้งข้อมูลในโทรศัพท์มากขึ้น โดยรัฐบาลจะใส่ข้อมูลต่างๆ เข้าไปในทุกกระทรวง ทบวง กรม ใครอยากดูในเรื่องงบประมาณก็เจ้าไปดูได้ ใครอยากรับทราบข้อมูลข่าวสารก็สามารถไปไล่ดูว่ามีการเปิดโครงการดังกล่าวที่ไหนอย่างไร
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดซื้อจัดจ้างรถ เรือดับเพลิง ของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงเครื่องออกกำลังกาย ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารต้องมีการเผยแพร่ข้อมูล แต่ข้อมูลบางส่วนถูกปกปิด ว่า ขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ และการเข้าถึงข้อมูลเป็นไปตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งตนเองได้สั่งการให้มีการลงข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ ลองดูว่ามีการเปิดเผยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ข้อมูลรายละเอียดของโครงการรับจำนำข้าว ก็ไม่สามารถขอข้อมูลได้เช่นกัน นายกฯ กล่าวว่า มีการเปิดเผยความคืบหน้าออกมาแล้ว บางอย่างอาจไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องให้ข้าราชการทำงานบ้าง ซึ่งมีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดูแลอยู่ โดยหลักการมีอยู่ว่า เปิดเผยคือโปร่งใส ปกปิดคือข้อยกเว้น ซึ่งที่ยกเว้นนั้นยกเว้นด้วยกรอบอะไร การบริหารหรือไม่ ต้องดูด้วย ถ้าเปิดเผยทุกอย่างจะทำงานลำบาก ซึ่งต้องเข้าใจ
ส่วนกรณีที่เครือข่ายเอกชนมีการผูกขาดการจัดซื้อจัดจ้างของหลายกระทรวง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เบื้องต้นต้องดูว่าเครื่องมือที่ขาย ในประเทศไทยมีขายอยู่กี่บริษัท ส่วนความเชื่อมโยงของบริษัทเหล่านั้นตนเองไม่ทราบ ต้องดูว่าอยู่ในกติกาหรือไม่ เพราะก่อนการจัดซื้อจัดจ้างต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ถ้าผ่านกรรมการอาจจะเป็นบริษัทเดียวกันตนก็ไม่รู้ แต่มันเข้ามาตรฐาน แต่ถ้าคำว่าเครือข่ายหมายถึงเครือญาติ พี่น้อง และประกอบการอย่างถูกต้องก็ไม่เป็นไร ต้องว่ากันด้วยกฎหมาย ซึ่งหากมีปัญหาก็ฟ้องร้องดำเนินการตามกฎหมาย ตนเองไม่เข้าข้างใครอยู่แล้ว
“กลไกข่าวสาร เขาให้ได้เท่าที่ให้ได้ ที่เขาไม่ให้แสดงว่ายังมีข้อยกเว้นอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรู้ด้วยถ้ามีการทุจริตก็ต้องไปฟ้องเอา ไม่ใช่ว่าต้องเปิดเผยทั้งหมด ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
