ASTVผู้จัดการรายวัน-ประชาคม สธ. ร้องทุกข์ถึงรัฐบาลทุกช่องทาง ทั้งแจ้งผ่านเว็บไซต์ ไปรษณียบัตร ร้องขอความเป็นธรรมให้ "หมอณรงค์" พร้อมขอให้ปฏิรูประบบการเงินการคลังด้านสาธารณสุข เผยมีชื่อ ที่อยู่ ตัวตนชัดเจน ไม่ใช่บัตรสนเท่ห์ ด้าน "หมอสุรเชษฐ์" ตั้งโต๊ะแถลงยุติขัดแย้ง รพ.-นายหน้าประกัน สปสช. สั่งตั้งคณะกรรมการร่วมเร่งรัดการใช้งบประมาณ พร้อมดันของบปี 59 เพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ บุคลากรในแวดวงสาธารณสุขจำนวนมากกำลังเดินหน้าร้องขอความเป็นธรรมให้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ถูกให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยได้ร้องผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล 1111 ทุกช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ www.1111.go.th และไปรษณียบัตร ตู้ ปณ.1111 ทำเนียบรัฐบาล มีการลงชื่อ นามสกุล แสดงตัวตน และระบุข้อกังวลถึงประเด็นต่างๆ ในเรื่องของระบบสาธารณสุขอย่างชัดเจน เนื่องจากนายกฯ เคยให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ว่าหากไม่เห็นด้วย ก็ให้ร้องทุกข์มาและกรุณาลงชื่อด้วย ไม่ใช่บัตรสนเท่ห์ที่หาได้ทั่วไป
การดำเนินการดังกล่าว เป็นการเพิ่มเติมหลังจากที่ได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกฯ และยื่นหนังสือเร่งรัดให้น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เร่งรัดการพิจารณาสอบสวน เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า ไปรษณียบัตรที่ส่งถึงนายกฯ มีฉบับที่น่าสนใจ คือ นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล กรมสุขภาพจิต ที่ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งในกระทรวงสาธารณสุขและระบบหลักประกันสุขภาพ เป็นปัญหาเชิงระบบที่สะสมมายาวนาน ไม่ใช่ปัญหาตัวบุคคล และปัญหานี้จะกระทบคุณภาพบริการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระผมจึงขออนุญาตกราบเรียนท่านเพื่อโปรด 1.ใช้เป็นโอกาสในการปฏิรูปกลไกการเงินการคลังด้านสาธารณสุข ให้มีความยั่งยืน เกิดประโยชน์สูงสุด 2.เร่งรัดการสอบสวนต่างๆ ให้รวดเร็ว เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคืนความเป็นธรรมให้ปลัด สธ.
ขณะเดียวกัน มีไปรษณียบัตรจาก นพ.วิรุฬห์ พรพัฒน์กุล ผอ.รพ.พระนั่งเกล้า นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า และบุคลากร รพ.พระนั่งเกล้าจำนวนมาก รวมไปถึง รพ.พะเยา ก็มีการแชร์รูปภาพไปรษณียบัตรที่เขียนข้อความถึงนายกฯ เพื่อเตรียมส่งไปยังตู้ ปณ.1111 ทำเนียบรัฐบาลด้วย
วันเดียวกันนี้ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรักษาการปลัด สธ. แถลงข่าวการเดินหน้าพัฒนาระบบสุขภาพร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาต (สปสช.) ตามนโยบายรัฐบาล ว่า ผ่านมา สธ. และ สปสช. มีความเห็นต่าง แต่มีจุดหมายเหมือนกัน คือ ให้ประชาชนได้รับบริการที่ดี ซึ่งคงต้องหันหน้ามาทำงานร่วมกัน เพราะคนทำงานทั้ง สธ. และ สปสช. ต่างก็เป็นพี่น้อง โดยจากนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด จาก 2 หน่วยงาน เพื่อเป็นกลไกแก้ไขอุปสรรคในการทำงานต่างๆ ทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยจะโอนงบเหมาจ่ายรายหัวให้หน่วยบริการให้ได้ 80% ในต้นเดือน เม.ย.นี้
นอกจากนี้ จะเพิ่มงบ สธ. ในปีงบประมาณ 2559 โดยเฉพาะงบลงทุนจะได้เพิ่มเป็น 18,000 ล้านบาท จากเดิม 10,000 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแล้ว ส่วน สปสช. จะเพิ่มงบประมาณบัตรทองอีก 10,000 ล้านบาท และจะทำงานร่วมกันในเรื่องการเก็บข้อมูลเพื่อใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า งบที่ผลักดันเพิ่มเติม 10,000 ล้านบาทนั้น จะรวมอยู่ทั้งในงบเหมาจ่ายรายหัวและงบอื่นๆ โดยจะเป็นงบเพิ่มเติมในการจัดระบบดูแลผู้สูงอายุในชุมชน 600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรก โดยจะนำงบไปรวมกับกองทุนสุขภาพตำบลที่มีงบหมุนเวียนทั่วประเทศปีละกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้ 500 ล้านบาทจะใช้ดำเนินการเพื่อให้ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยอัพฤกษ์ อัมพาต เด็กเล็กเข้าถึงบริการเพิ่มมากขึ้น และ สปสช. ยังจะช่วยร่วมผลักดันนโยบาย 10 เรื่องของ รมว.สาธารณสุข เช่น ทีมหมอครอบครัวที่ทำงานเชิงรุกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ บุคลากรในแวดวงสาธารณสุขจำนวนมากกำลังเดินหน้าร้องขอความเป็นธรรมให้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ถูกให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยได้ร้องผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล 1111 ทุกช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ www.1111.go.th และไปรษณียบัตร ตู้ ปณ.1111 ทำเนียบรัฐบาล มีการลงชื่อ นามสกุล แสดงตัวตน และระบุข้อกังวลถึงประเด็นต่างๆ ในเรื่องของระบบสาธารณสุขอย่างชัดเจน เนื่องจากนายกฯ เคยให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ว่าหากไม่เห็นด้วย ก็ให้ร้องทุกข์มาและกรุณาลงชื่อด้วย ไม่ใช่บัตรสนเท่ห์ที่หาได้ทั่วไป
การดำเนินการดังกล่าว เป็นการเพิ่มเติมหลังจากที่ได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกฯ และยื่นหนังสือเร่งรัดให้น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เร่งรัดการพิจารณาสอบสวน เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า ไปรษณียบัตรที่ส่งถึงนายกฯ มีฉบับที่น่าสนใจ คือ นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล กรมสุขภาพจิต ที่ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งในกระทรวงสาธารณสุขและระบบหลักประกันสุขภาพ เป็นปัญหาเชิงระบบที่สะสมมายาวนาน ไม่ใช่ปัญหาตัวบุคคล และปัญหานี้จะกระทบคุณภาพบริการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระผมจึงขออนุญาตกราบเรียนท่านเพื่อโปรด 1.ใช้เป็นโอกาสในการปฏิรูปกลไกการเงินการคลังด้านสาธารณสุข ให้มีความยั่งยืน เกิดประโยชน์สูงสุด 2.เร่งรัดการสอบสวนต่างๆ ให้รวดเร็ว เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคืนความเป็นธรรมให้ปลัด สธ.
ขณะเดียวกัน มีไปรษณียบัตรจาก นพ.วิรุฬห์ พรพัฒน์กุล ผอ.รพ.พระนั่งเกล้า นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า และบุคลากร รพ.พระนั่งเกล้าจำนวนมาก รวมไปถึง รพ.พะเยา ก็มีการแชร์รูปภาพไปรษณียบัตรที่เขียนข้อความถึงนายกฯ เพื่อเตรียมส่งไปยังตู้ ปณ.1111 ทำเนียบรัฐบาลด้วย
วันเดียวกันนี้ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรักษาการปลัด สธ. แถลงข่าวการเดินหน้าพัฒนาระบบสุขภาพร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาต (สปสช.) ตามนโยบายรัฐบาล ว่า ผ่านมา สธ. และ สปสช. มีความเห็นต่าง แต่มีจุดหมายเหมือนกัน คือ ให้ประชาชนได้รับบริการที่ดี ซึ่งคงต้องหันหน้ามาทำงานร่วมกัน เพราะคนทำงานทั้ง สธ. และ สปสช. ต่างก็เป็นพี่น้อง โดยจากนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด จาก 2 หน่วยงาน เพื่อเป็นกลไกแก้ไขอุปสรรคในการทำงานต่างๆ ทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยจะโอนงบเหมาจ่ายรายหัวให้หน่วยบริการให้ได้ 80% ในต้นเดือน เม.ย.นี้
นอกจากนี้ จะเพิ่มงบ สธ. ในปีงบประมาณ 2559 โดยเฉพาะงบลงทุนจะได้เพิ่มเป็น 18,000 ล้านบาท จากเดิม 10,000 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแล้ว ส่วน สปสช. จะเพิ่มงบประมาณบัตรทองอีก 10,000 ล้านบาท และจะทำงานร่วมกันในเรื่องการเก็บข้อมูลเพื่อใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า งบที่ผลักดันเพิ่มเติม 10,000 ล้านบาทนั้น จะรวมอยู่ทั้งในงบเหมาจ่ายรายหัวและงบอื่นๆ โดยจะเป็นงบเพิ่มเติมในการจัดระบบดูแลผู้สูงอายุในชุมชน 600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรก โดยจะนำงบไปรวมกับกองทุนสุขภาพตำบลที่มีงบหมุนเวียนทั่วประเทศปีละกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้ 500 ล้านบาทจะใช้ดำเนินการเพื่อให้ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยอัพฤกษ์ อัมพาต เด็กเล็กเข้าถึงบริการเพิ่มมากขึ้น และ สปสช. ยังจะช่วยร่วมผลักดันนโยบาย 10 เรื่องของ รมว.สาธารณสุข เช่น ทีมหมอครอบครัวที่ทำงานเชิงรุกด้วย