รองผอ.โรงเรียนดังอุตรดิตถ์ แชตไลน์ขอดูหน้าอกลูกศิษย์สาวยังไม่เข้าให้ปากคำ ขณะภรรยาเผยเครียดหนัก ถึงขั้นบอกลูกเมียคงอยู่กันได้ ส่วนตัวเองจะไปฆ่าตัวตาย ด้านผอ.ระบุอาจต้องไปสอบที่บ้าน เหตุเลขาสพฐ.กำชับให้รู้เรื่องภายใน 7 วันเพราะสังคมจับตามอง ขณะผอ.สพม.เขต 39 เล็งขอตำรวจช่วยแกะรอยจากโทรศัพท์มือถือ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบรองผู้อำนวยการ(ผอ.)โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี(อณ.) โรงเรียนประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)เขต 39 พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ ที่แชตไลน์กับอดีตลูกศิษย์สาวขอดูหน้าอก และพูดคุยในเชิงชู้สาว ต่อมามีผู้นำไปเผยแพร่ในสังคมออนไลน์จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ล่าสุด วานนี้(23 มี.ค.)นายมนต์ชัย ปาณธูป ผอ.โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณียอมรับว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และรองผอ.ที่ก่อเรื่องก็มีอยู่จริง ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ปรากฏว่ารองผอ.คนดังกล่าวไม่มาพบตามที่คณะกรรมการนัดไว้ ทำให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่างรอเก้อและผิดหวังไปตามกัน เนื่องจากสพม.เขต 39 และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้เร่งรัดให้สอบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะในโลกออน์ไลน์ต่างเฝ้าติดตามว่าผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
นายมนต์ชัย กล่าวว่า ได้ติดต่อภรรยาของรองผอ.ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เพื่อให้มาให้ปากคำกับคณะกรรมการ ซึ่งภรรยาของรองผอ.แจ้งว่า ขณะนี้สภาพจิตใจทั้งรองผอ.และครอบครัวกำลังย่ำแย่มาก ยังอยู่ในอาการช็อกไม่หาย และที่น่าตกใจ คือ ภรรยารองผอ.ได้แจ้งกลับมาว่า รองผอ.ได้บอกลาลูกและภรรยาว่าคงอยู่กันได้ ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว จะไปฆ่าตัวตาย เพราะไม่อยากอยู่ในสังคมอีกต่อไป และตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ก็ไม่สามารถติดต่อกับรองผอ.รายนี้ได้เลย โทรศัพท์มือถือก็ไม่ยอมเปิดแล้ว ติดต่อได้เพียงภรรยาเท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ส่งครูในโรงเรียนไปคุยกับรองผอ. เพื่อให้ผ่อนคลายจากอาการเครียด พร้อมแนะนำให้ไปทำบุญ ทำสังฆทาน ก็เริ่มพูดคุยออกมาบ้าง แต่สภาพจิตใจก็ยังไม่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มาให้ปากคำ ก็คงต้องให้คณะกรรมการไปสอบปากคำถึงที่บ้าน เพราะเลขาธิการสพฐ.ได้เร่งรัดมา เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ อีกทั้งได้กำหนดระยะเวลาทำเรื่องนี้ให้เสร็จภายใน 7 วัน เนื่องจากกระแสสังคมจับตามองว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายกิตติพงศ์ พิพัฒน์ศิวพงศ์ ผอ.สพม.เขต 39 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นให้ออกจากราชการ ต้องรอผลสอบสวนก่อน เบื้องต้นต้องอาจต้องขอความร่วมมือตำรวจ แกะรอยจากโทรศัพท์มือถือของรองผอ. เพราะเชี่ยวชาญกว่าครู และหากผลสรุปมีมูลก็ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากร้ายแรงโทษไล่ออกหรือปลดออก หากไม่ร้ายแรงโทษก็ลดขั้นเงินเดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบรองผู้อำนวยการ(ผอ.)โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี(อณ.) โรงเรียนประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)เขต 39 พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ ที่แชตไลน์กับอดีตลูกศิษย์สาวขอดูหน้าอก และพูดคุยในเชิงชู้สาว ต่อมามีผู้นำไปเผยแพร่ในสังคมออนไลน์จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ล่าสุด วานนี้(23 มี.ค.)นายมนต์ชัย ปาณธูป ผอ.โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณียอมรับว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และรองผอ.ที่ก่อเรื่องก็มีอยู่จริง ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ปรากฏว่ารองผอ.คนดังกล่าวไม่มาพบตามที่คณะกรรมการนัดไว้ ทำให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่างรอเก้อและผิดหวังไปตามกัน เนื่องจากสพม.เขต 39 และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้เร่งรัดให้สอบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะในโลกออน์ไลน์ต่างเฝ้าติดตามว่าผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
นายมนต์ชัย กล่าวว่า ได้ติดต่อภรรยาของรองผอ.ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เพื่อให้มาให้ปากคำกับคณะกรรมการ ซึ่งภรรยาของรองผอ.แจ้งว่า ขณะนี้สภาพจิตใจทั้งรองผอ.และครอบครัวกำลังย่ำแย่มาก ยังอยู่ในอาการช็อกไม่หาย และที่น่าตกใจ คือ ภรรยารองผอ.ได้แจ้งกลับมาว่า รองผอ.ได้บอกลาลูกและภรรยาว่าคงอยู่กันได้ ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว จะไปฆ่าตัวตาย เพราะไม่อยากอยู่ในสังคมอีกต่อไป และตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ก็ไม่สามารถติดต่อกับรองผอ.รายนี้ได้เลย โทรศัพท์มือถือก็ไม่ยอมเปิดแล้ว ติดต่อได้เพียงภรรยาเท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ส่งครูในโรงเรียนไปคุยกับรองผอ. เพื่อให้ผ่อนคลายจากอาการเครียด พร้อมแนะนำให้ไปทำบุญ ทำสังฆทาน ก็เริ่มพูดคุยออกมาบ้าง แต่สภาพจิตใจก็ยังไม่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มาให้ปากคำ ก็คงต้องให้คณะกรรมการไปสอบปากคำถึงที่บ้าน เพราะเลขาธิการสพฐ.ได้เร่งรัดมา เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ อีกทั้งได้กำหนดระยะเวลาทำเรื่องนี้ให้เสร็จภายใน 7 วัน เนื่องจากกระแสสังคมจับตามองว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายกิตติพงศ์ พิพัฒน์ศิวพงศ์ ผอ.สพม.เขต 39 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นให้ออกจากราชการ ต้องรอผลสอบสวนก่อน เบื้องต้นต้องอาจต้องขอความร่วมมือตำรวจ แกะรอยจากโทรศัพท์มือถือของรองผอ. เพราะเชี่ยวชาญกว่าครู และหากผลสรุปมีมูลก็ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากร้ายแรงโทษไล่ออกหรือปลดออก หากไม่ร้ายแรงโทษก็ลดขั้นเงินเดือน
