ผอ.โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณีโรงเรียนหญิงประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ยอมรับ "รอง ผอ.โรงเรียน" ขึ้นโรงพักแจ้งความอ้างมีคนแอบอ้างแชตไลน์ขอดูหน้าอกนักเรียนสาว ม.6 จริง เผยพยายามตามตัวแล้ว แต่ไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ ได้แต่แจ้งผ่านเมียให้เข้าพบกรรมการสอบสวน 23 มี.ค.นี้ ยันไม่ปกป้องคนผิดแน่ ย้ำเรื่องแบบนี้แค่คิดก็ผิดแล้ว
วานนี้ (22 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรองผู้อำนวยการ (ผอ.) โรงเรียนมัธยมศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.อุตรดิตถ์ เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานต่อ ร.ต.ท.ชัชวาลย์ เหมืองหม้อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ว่า มีผู้แอบอ้างเล่นไลน์ส่วนตัวคุยกับเด็กนักเรียนสาวชั้นมัธยมศึกษา (ม.) 6 ในโรงเรียนเดียวกันขอดูหน้าอกและพูดในทำนองชู้สาว ล่าสุดนายมนต์ชัย ปาณธูป ผอ.โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี ได้ออกมายอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณีจริง และรอง ผอ.ที่ตกเป็นข่าวคือนายละม่อม ปิ่นอินทร์ รอง ผอ.กลุ่มอำนวยการของโรงเรียน
"เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพียงแค่คิดก็ผิดแล้ว เพราะโรงเรียนเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดหญิง จึงทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงอย่างมาก เรื่องที่รอง ผอ.อ้างว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาลักลอบเล่นไลน์ส่วนตัวนั้น ประเด็นนี้ก็ยังไม่เข้าใจ เพราะไลน์โทรศัพท์มือถือไม่ใช่ไลน์คอมพิวเตอร์สำนักงาน แต่เท็จจริงจะเป็นอย่างไรต้องรอฟังจากปากเจ้าตัวเอง ซึ่งจะได้เรื่องจริงทั้งหมด" นายมนต์ชัย ปาณธูป ผอ.โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี กล่าว
นายมนต์ชัย กล่าวต่อว่า ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังสำนักงานพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 39 จังหวัดพิษณุโลก-จังหวัดอุตรดิตถ์ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทราบแล้ว ซึ่งได้มีคำสั่งกลับมาให้ทางโรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากรอง ผอ.ดังกล่าว
"แต่หลังเกิดเรื่องก็ยังไม่เจอรองผู้อำนวยการคนนี้เลย โทรศัพท์มือถือเปิดเครื่องแต่ไม่ยอมรับสาย ติดต่อได้เพียงภรรยาของรองผู้อำนวยการจึงได้แจ้งภรรยาของรองผู้อำนวยการไปว่า วันจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้ให้รองผู้อำนวยการมาให้ข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการสืบสวนฯ ด้วยแล้ว" นายมนต์ชัย กล่าว
นายมนต์ชัย กล่าวต่ออีกว่า ทั้งรอง ผอ.และนักเรียนสาวที่เล่นไลน์คุยกันจนเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นนั้น ต่างก็ถือว่าเป็นคนของตนทั้งคู่ ดังนั้น ตนจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย หากผลการสืบสวนข้อเท็จจริงสรุปว่าเป็นเรื่องจริงก็จะไม่เข้าข้างรอง ผอ.ต้องว่ากันตามระเบียบราชการ พร้อมทั้งทำรายงานเสนอไปยัง สพม.เขต 39 และ สพฐ.พิจารณาดำเนินการลงโทษทางวินัยต่อไป
"เรื่องนี้ยอมรับว่าผมเองก็มีความกดดันอย่างมาก เพราะสังคมทั่วไปรวมถึงโลกออนไลน์ต่างก็เฝ้ามองว่า ผมจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายวางใจว่า เรื่องนี้จะต้องออกมาแบบไม่มีข้อกังขาอย่างแน่นอน" นายมนต์ชัย กล่าว
นายมนต์ชัย กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่เคยทราบว่านายละม่อม ปิ่นอินทร์ รอง ผอ.กลุ่มอำนวยการของโรงเรียน จะมีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน แม้จะเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยเป็น ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า จ.อุตรดิตถ์ ก็ตาม แต่เท่าที่ได้รับทราบข้อมูลมาว่า นายละม่อม กับเด็กนักเรียนสาวที่เกิดเรื่องกันน่าจะเคยมีปัญหาส่วนตัวกันมาก่อนในทางเฟซบุ๊กและครั้งนี้อาจจะเป็นการเอาคืนนายละม่อม แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องจริงจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอฟังจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงน่าจะชัดเจนกว่า
ด้านนายชาญชัย ประเสริฐศักดิ์ ทนายความ อดีตกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี และศิษย์เก่าโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าสร้างความเสื่อมเสียมาถึงโรงเรียนอย่างมาก ยิ่งเป็นถึงคณะผู้บริหาร แล้วมีพฤติกรรมเช่นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ผู้อำนวยการโรงเรียนจะต้องเร่งทำเรื่องนี้ให้เกิดความกระจ่าง จะต้องไม่ควรเข้าข้างผู้บริหารด้วยกันเอง เรื่องนี้น่าจะมีคนรับผิดชอบ ไม่ควรปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปโดยไม่มีผู้ใดรับผิดกับเรื่องนี้.
วานนี้ (22 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรองผู้อำนวยการ (ผอ.) โรงเรียนมัธยมศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.อุตรดิตถ์ เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานต่อ ร.ต.ท.ชัชวาลย์ เหมืองหม้อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ว่า มีผู้แอบอ้างเล่นไลน์ส่วนตัวคุยกับเด็กนักเรียนสาวชั้นมัธยมศึกษา (ม.) 6 ในโรงเรียนเดียวกันขอดูหน้าอกและพูดในทำนองชู้สาว ล่าสุดนายมนต์ชัย ปาณธูป ผอ.โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี ได้ออกมายอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณีจริง และรอง ผอ.ที่ตกเป็นข่าวคือนายละม่อม ปิ่นอินทร์ รอง ผอ.กลุ่มอำนวยการของโรงเรียน
"เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพียงแค่คิดก็ผิดแล้ว เพราะโรงเรียนเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดหญิง จึงทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงอย่างมาก เรื่องที่รอง ผอ.อ้างว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาลักลอบเล่นไลน์ส่วนตัวนั้น ประเด็นนี้ก็ยังไม่เข้าใจ เพราะไลน์โทรศัพท์มือถือไม่ใช่ไลน์คอมพิวเตอร์สำนักงาน แต่เท็จจริงจะเป็นอย่างไรต้องรอฟังจากปากเจ้าตัวเอง ซึ่งจะได้เรื่องจริงทั้งหมด" นายมนต์ชัย ปาณธูป ผอ.โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี กล่าว
นายมนต์ชัย กล่าวต่อว่า ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังสำนักงานพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 39 จังหวัดพิษณุโลก-จังหวัดอุตรดิตถ์ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทราบแล้ว ซึ่งได้มีคำสั่งกลับมาให้ทางโรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากรอง ผอ.ดังกล่าว
"แต่หลังเกิดเรื่องก็ยังไม่เจอรองผู้อำนวยการคนนี้เลย โทรศัพท์มือถือเปิดเครื่องแต่ไม่ยอมรับสาย ติดต่อได้เพียงภรรยาของรองผู้อำนวยการจึงได้แจ้งภรรยาของรองผู้อำนวยการไปว่า วันจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้ให้รองผู้อำนวยการมาให้ข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการสืบสวนฯ ด้วยแล้ว" นายมนต์ชัย กล่าว
นายมนต์ชัย กล่าวต่ออีกว่า ทั้งรอง ผอ.และนักเรียนสาวที่เล่นไลน์คุยกันจนเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นนั้น ต่างก็ถือว่าเป็นคนของตนทั้งคู่ ดังนั้น ตนจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย หากผลการสืบสวนข้อเท็จจริงสรุปว่าเป็นเรื่องจริงก็จะไม่เข้าข้างรอง ผอ.ต้องว่ากันตามระเบียบราชการ พร้อมทั้งทำรายงานเสนอไปยัง สพม.เขต 39 และ สพฐ.พิจารณาดำเนินการลงโทษทางวินัยต่อไป
"เรื่องนี้ยอมรับว่าผมเองก็มีความกดดันอย่างมาก เพราะสังคมทั่วไปรวมถึงโลกออนไลน์ต่างก็เฝ้ามองว่า ผมจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายวางใจว่า เรื่องนี้จะต้องออกมาแบบไม่มีข้อกังขาอย่างแน่นอน" นายมนต์ชัย กล่าว
นายมนต์ชัย กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่เคยทราบว่านายละม่อม ปิ่นอินทร์ รอง ผอ.กลุ่มอำนวยการของโรงเรียน จะมีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน แม้จะเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยเป็น ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า จ.อุตรดิตถ์ ก็ตาม แต่เท่าที่ได้รับทราบข้อมูลมาว่า นายละม่อม กับเด็กนักเรียนสาวที่เกิดเรื่องกันน่าจะเคยมีปัญหาส่วนตัวกันมาก่อนในทางเฟซบุ๊กและครั้งนี้อาจจะเป็นการเอาคืนนายละม่อม แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องจริงจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอฟังจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงน่าจะชัดเจนกว่า
ด้านนายชาญชัย ประเสริฐศักดิ์ ทนายความ อดีตกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี และศิษย์เก่าโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าสร้างความเสื่อมเสียมาถึงโรงเรียนอย่างมาก ยิ่งเป็นถึงคณะผู้บริหาร แล้วมีพฤติกรรมเช่นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ผู้อำนวยการโรงเรียนจะต้องเร่งทำเรื่องนี้ให้เกิดความกระจ่าง จะต้องไม่ควรเข้าข้างผู้บริหารด้วยกันเอง เรื่องนี้น่าจะมีคนรับผิดชอบ ไม่ควรปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปโดยไม่มีผู้ใดรับผิดกับเรื่องนี้.