ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ก่อนหน้านี้ พลพรรคระบอบทักษิณ โดยเฉพาะ “คนเสื้อแดง” ออกมาตีโพยตีพายเป็นการใหญ่กับการหายตัวไปของ “แหวน” หรือณัฎฐธิดา มีวังปลา เนื่องเพราะแหวนคือพยานปากเอกหรือปากสำคัญในคดี 6 ศพที่วัดปทุมวนาราม
ในชั้นแรก “ทหาร” โดย เสธ.ต๊อด-พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการควบคุมตัวแต่อย่างใด ขณะที่ฝ่ายญาติก็ยืนยันว่า ทหารเป็นผู้ควบคุม ในที่สุดหลังสับสนพักใหญ่ ฝ่ายทหารโดย บิ๊กโชย-พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กกล.รส.) ก็ออกมาสยบข่าวทั้งหลายทั้งปวงโดยยอมรับว่า นายทหารพระธรรมนูญควบคุมตัวแหวนไปจริง
ทว่า เรื่องมิได้จบอยู่เพียงแค่นั้น
เพราะในวันเดียวกับที่ฝ่ายทหารมีการยอมรับว่าได้ควบคุมตัวแหวนไปสอบสวนสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว “แหวน” เพื่อยื่นฝากขังต่อศาลทหารกรุงเทพผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน พร้อมตั้งข้อหาอุกฉกรรจ์ 2 ข้อหาคือ ร่วมกันก่อการร้ายและร่วมกันเป็นอั้งยี่ในคดีปาระเบิดใส่ลานจอดรถศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก
17 มีนาคม 2558 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีวางระเบิดศาลอาญา 3 ราย ประกอบด้วย
1. นายนเรศ อินทรโสภา อายุ 32 ปี ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีเครื่องกระสุนปืนและยุทธภัณฑ์ทางทหารที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ได้, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
2. น.ส.วาสนา บุษดี ข้อหาร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันใช้จ้างวานให้บุคคลอื่นกระทำผิดฐานพยายามฆ่า, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีเครื่องกระสุนปืนและยุทธภัณฑ์ทางทหารที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ได้, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
และ 3. น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน ข้อหาร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันใช้จ้างวานให้บุคคลอื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า
พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 เปิดเผยรายละเอียดของคดีว่า คดีปาระเบิดที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา มีการดำเนินการ 2 ครั้งคือ ครั้งที่ 1 เหตุเกิดเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ มีผู้จ้างวาน คือ นายเอนก ซานฟราน ได้โอนเงินจำนวน 5 หมื่นบาทผ่านทางนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ นำมาให้กับนายวสุ เอี่ยมละออ เพื่อเป็นค่าจ้างในการดำเนินการ จากนั้นนายวสุได้โอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.วาสนา
ทั้งนี้ น.ส.ณัฏฐธิดารู้จักกับนางสุภาพร และเป็นผู้แนะนำนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ ที่สามารถวางระเบิดได้ 5 จุด คือ กรมทหารราบที่ 11, สวนลุมพินี, ทางลงรถไฟใต้ดิน จตุจักร, ศาลอาญา และลานจอดรถโรงแรมสยามเคมปินสกี้ โดยมีข้อตกลงว่าต้องได้ค่าจ้างจุดละ 10,000 บาท จากนั้น น.ส.วาสนาได้โอนเงินให้นายสุรพลก้อนแรก 15,000 บาท แต่เมื่อรับเงินไปแล้วแต่ไม่สามารถลงมือก่อเหตุได้
เมื่อการลงมือครั้งแรกไม่สำเร็จ กลุ่มผู้จ้างวานจึงติดต่อไปที่นายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา โดยนายวิระศักดิ์สามารถดำเนินการได้และเป็นผู้จัดหาระเบิดอาร์จีดี 5 และอาวุธปืนมามอบให้กับนายมหาหิน ขุนทอง และนายยุทธนา เย็นภิญโญ ให้เป็นผู้ลงมือก่อเหตุปาระเบิดใส่ศาลอาญา รัชดาฯ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม
“น.ส.ณัฏฐธิดา หรือแหวน มีความเกี่ยวข้องในเรื่องของการเงิน โดยนางณัฏฐธิดารู้จักกับนายสุรพล และกลุ่มผู้จ้างวานคือนางสุภาพร และนายเอนกผ่านทางเฟซบุ๊ก”พล.ต.ต.ชยพลตอบคำถาม
ไม่เพียงแต่คดีก่อการร้ายเท่านั้น ในเวลาต่อมา น.ส.ณัฏฐธิดายังถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอีกด้วย โดยพ.อ.วิจารณ์ จดแดง ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและมนุษย์ชน กอ.รมน.และคณะทำงานของคสช.ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.ยุทธวัฒน์ กล่ำกล่อมจิตร์ พนักงานสอบสวน กก.2.บก.ป. แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ณัฏฐธิดา ในข้อหา หมิ่นเบื้องสูง พร้อมนำเอกสารการสอบปากคำ น.ส.ณัฏฐธิดา และหลักฐาน ข้อความที่มีโพสต์ไว้ในแอปพลิเคชั่นไลน์มามอบเป็นหลักฐาน
โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัว น.ส.ณัฎฐธิดา จากบ้านพักที่ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มาสอบปากคำ ก่อนจะถูกนำตัวส่งให้ตำรวจนครบาล ทำการสอบสวน จนผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้นำข้อความที่มีผู้โพสต์ไว้ในแอปพลิเคชั่นไลน์ “กลุ่ม ไทยภาคี"ซึ่งเป็นข้อความหมิ่นเบื้องสูง มาโพสต์ต่อลงในกลุ่ม” DNPแอนด์เพื่อนแม้ว”และกลุ่มไลน์ดังกล่าว มีนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ ร่วมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังนำข้อความดังกล่าว ไปโพสต์ลงในกลุ่มไลน์ “GERRARD” อีกด้วย เหตุทั้งหมดเกิดขึ้น ที่ห้องเลขที่11/16 อาคารที2 คอนโดเมืองทองธานี ถนนป๊อบปูล่า ต.บ้านไทร อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ก่อนที่จะถูกจับกุมในที่สุด
นี่คือการคลี่คลายคดีที่น่าสนใจยิ่ง
เพราะต้องไม่ลืมว่า น.ส.ณัฏฐธิดา หรือแหวนนั้น เคยเป็นพยาบาลอาสาสมัครและเป็นพยานคนสำคัญของฝ่ายเสื้อแดงในคดี 6 ศพ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร เมื่อปี 2553 ดังนั้น การที่ทหารได้ควบคุมตัวน.ส.ณัฏฐธิดาไปก็ย่อมหมายความว่า ได้รับข้อมูลเบาะแสบางประการ ซึ่งในที่สุดสังคมก็ได้รับรู้ความจริงว่า อดีตพยาบาลอาสาในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง และพยานปากเอกในคดี 6 ศพวัดปทุมวนารามเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังชุดดำของคนเสื้อแดงโดยที่ไม่อาจปฏิเสธได้
กล่าวสำหรับชื่อเสียงอันเป็นที่รู้จักของ น.ส.ณัฏฐธิดา คือ เธอเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่ม นปช. หลังเกิดเหตุการณ์สลายม็อบคนเสื้อแดงบุกยึดสถานีดาวเทียมไทยคม ลาดหลุมแก้ว เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2553 โดยทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครพยาบาล และคอยให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ชุมนุมที่ป่วยไข้ ซึ่งตั้งเต็นท์จ่ายยาอยู่ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ส่วนในงานด้านธุรกิจของเธอ คือ ค้าขายวัสดุก่อสร้าง และจำหน่ายปั๊มลมในโรงงานอุตสาหกรรม และด้วยความชื่นชอบ ทักษิณ ชินวัตร ในแนวทางการบริหารประเทศ เนื่องจากเหตุผลที่ว่า ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีชีวิตที่ดีขึ้น จึงทำให้เธออยู่ในกลุ่มเสื้อแดง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แน่นอน การตั้งข้อหากับ น.ส.ณัฏฐธิดาย่อมต้องถูกตั้งคำถามจากคนเสื้อแดงว่า เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของพยานในคดี 6 ศพวัดปทุมวนารามฯ หรือไม่
“ผู้หญิงอย่างเช่นหนูแหวน เนื่องจากพบว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีจริง” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจกแจง
ด้านพล.ท.กัมปนาท ซึ่งควบคุมตัวน.ส.ณัฏฐธิดาไปสอบสวนประกาศชัดเจนว่า ต้องไปถามตำรวจ เพราะอยู่ในกระบวนการว่า มีการพาดพิงถึงใครบ้าง ก็เป็นกระบวนการปกติ ที่ตำรวจสงสัย ก็ต้องไปเชิญตัวมาสอบถาม เพราะทุกอย่างว่าไปตามพยานหลักฐานว่าเชื่อมโยงถึงใครก็ไปดำเนินการ ไม่ใช่เป็นเรื่องมั่วๆ
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้เป็นการยัดเยียดข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
ส่วนกรณีของ นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ และ นายมนูญ ชัยชนะ หรือ “เอนก ซานฟราน” 2 ผู้ต้องหาคดีปาระเบิดศาลอาญา ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะมีนายมนูญเป็นผู้จ้างวานโดยโอนเงินผ่านบุตรชายของนางสุภาพร
ที่สำคัญคือเดียร์รับสารภาพแล้วว่า เหตุที่รับงานมาจากนายเอนกนอกจากจะมีอุดมการณ์เดียวกันแล้ว เป็นผลมาจากการที่นายเอนก รับปากว่าจะช่วยเลี้ยงดูบุตรชายจำนวน 2 คน
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุชัดเจนว่า สาเหตุที่นายมนูญต้องการก่อเหตุ เนื่องจากมีความคิดขัดแย้งและต่อต้านสถาบันเบื้องสูง และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในมาตรา 112 ซึ่งได้ไปเปิดธุรกิจร้านอาหารอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และเคยวางแผนก่อเหตุในกรุงเทพมหานครในเดือนกุมภาพันธ์ จำนวน 5 จุด แต่ครั้งนั้นทำไม่สำเร็จ
กล่าวสำหรับนายมนูญ หรือเอนก ซานฟราน หรือแอนโทนี ซานฟราน เป็นที่ชัดเจนว่า เขาคือ “คนรักทักษิณ” โดยเปิดตัวครั้งแรกผ่านทางรายการ “ประชาธิปไตยทูเดย์” ของสถานีโทรทัศน์ไอพีทีวี จากนั้นได้กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นเบื้องสูงและกลายเป็นแกนนำของคนเสื้อแดงในสหรัฐฯ พร้อมทั้งใช้ร้านก๋วยเตี๋ยว “คิงออฟไทยนู้ดเดิ้ล” ในซานฟรานซิสโกเป็นสำนักงานของ “ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน” ที่เขาจัดตั้งขึ้น และเป็นศูนย์รวมของคนเสื้อแดงที่หลบหนีคดีมาตรา 112 จากไทย
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากคดีของนางณัฏฐธิดาและเอนก ซานฟรานแล้วแล้ว อีกคดีหนึ่งที่น่าสนใจก็คือกรณีที่ ทหารและตำรวจได้เข้าตรวจค้นวัดป่าสีวลี(หนองกระชาย) หมู่ 3 ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งมี พระอาจารย์อินตา สญฺญโต เป็นเจ้าอาวาสและตรวจพบอาวุธและหลักฐานที่เกี่ยวโยงกับคนเสื้อแดงเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นพบของกลางประกอบด้วย ลูกระเบิดขว้าง 1 ลูกอาวุธปืนยาว 5 กระบอก อาวุธปืนสั้น 4 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 126 นัด ปลอกกระสุนปืน 36 กล่อง 4 ถุง วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง กล้องติดปืน 2 อัน กล้องส่องทางไกล 1อัน ดินประสิว 1 ถุง ธงผ้าแดง (นปช.) 10 ผืน และภาพถ่ายกิจกรรม(นปช.) 1 ชุด เอกสารผ้ามัดคอสีแดง รูปอดีตนายกรัฐมนตรีและรูปนักการเมืองจำนวนมากซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบริเวณวัดมีธงปักไว้หลายจุด โดยเฉพาะมีธงสีแดงติดอยู่ธงชาติไทยและธรรมจักรด้วย
“กรณีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ อาวุธที่ตรวจพบนั้นสามารถตั้งกองกำลังในการก่อการร้ายได้ ซึ่งตนได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบขยายผลในเรื่องดังกล่าว อย่างเร่งด่วน”พล.ต.ท.อำนวยอธิบาย
แน่นอน ทั้ง 2 คดีถือเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเพิ่งปรากฏในห้วงเวลานี้ แต่ก็สามารถสะท้อนความจริงในอีกด้านหนึ่งของกองกำลังชายชุดดำของคนเสื้อแดงได้อย่างหมดเปลือกกันเลยทีเดียว
ส่วนใครอยู่เบื้องหลังและผู้บงการตัวจริง แทบไม่ต้องสืบสาวราวเรื่อง เพราะย่อมไม่ใช่แค่นายเอนก ซานฟราน หรือเดียร์ วัดปทุมฯ ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าไม่มีปัญญาและไม่มีทุนมากมายที่จะจ้างกลุ่มคนจำนวนมากมาสร้างความปั่นป่วนในบ้านเมืองได้