xs
xsm
sm
md
lg

ตร.แจ้งข้อหา “นางเดียร์” ก่อการร้าย “ชัยสิทธิ์-แจ๊ด” อยู่ในข่ายเรียกตัวมาสอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ทหารส่งมอบ “นางเดียร์-เจษฎาพงษ์” ผู้ต้องหาคดีปาระเบิดใส่ศาลอาญาเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ให้ตำรวจสอบเค้น ก่อนแจ้งข้อหาก่อการร้ายนำตัวฝากขังศาลทหาร ส่วน “แหวน” เป็นผู้จัดหามือระเบิดเพื่อกระทำการใน 5 จุด ด้าน “อเนก ซานฟราน” นายทุนใหญ่ขณะนี้กบดานที่สหรัฐฯ อยู่ระหว่างการขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ระบุหากหลักฐานสาวถึง “ชัยสิทธิ์-แจ๊ด” อาจจะมีการเรียกตัวมาสอบปากคำด้วย



วันนี้ (18 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) นำกำลังคุมตัว นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ และนายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยศิริ หรือเจต ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารในคดีร่วมกันก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ในคดีร่วมกันขว้างระเบิดใส่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม มาให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สอบปากคำ โดยนางสุภาพรสวมเสื้อสีแสด กางเกงขายาวสีดำ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงประกบตัวตลอดเวลาแม้ในช่วงสอบปากคำ ขณะที่นายเจษฎาพงษ์สวมเสื้อเชิ้ตและสวมแจ็กเกตสีดำทับ ทั้งสองคนสีหน้าอิดโรย จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหา สอบประวัติและแยกสอบปากคำทั้งคู่ โดยการสอบสวนนางสุภาพรเป็นไปอย่างเข้มข้น ก่อนควบคุมตัวนำฝากขังศาลทหารต่อไป

ต่อมา พล.ต.อ.สมยศ พร้อมด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) ร่วมแถลงข่าว โดย พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า วันนี้ ทหารได้นำตัวนางสุภาพร และนายเจษฎาพงษ์ ซึ่งครบกำหนดควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกส่งมอบให้พนักงานสอบสวนแล้ว หลังจากส่งมอบผู้ต้องหาในขบวนการคนอื่นๆให้แล้วก่อนหน้านี้ 11 คน รวมวันนี้เป็น 13 คน โดยยังมีผู้ต้องหาตามหมายจับอยู่ในการควบคุมของทหาร 2 ราย คือ นายวสุ เอี่ยมลออ มีหมายจับข้อหาร่วมกันก่อการร้าย และนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ และยังหลบหนีอีก 2 ราย คือ นายมนูญ ชัยชนะ หรืออเนก ซานฟราน ผู้บงการและผู้จ้างวาน และนายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา ผุ้ร่วมวางแผนและจัดหาระเบิด

พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า การก่อเหตุระเบิดของขบวนการนี้แบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เกิดในท้องที่ สน.โชคชัย พบว่านายมนูญมีการติดต่อทางไลน์และโซเชียลมีเดียกับนางสุภาพร ให้ติดต่อว่างจ้างหาคนก่อเหตุวางระเบิด 5 จุดในกทม. ประกอบด้วย ศาลอาญา, สวมลุมพินี, สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจตุจักร, กรมทหารราบ 11 รอ. และลานจอดโรงแรมสยามเคมปินสกี โดยพบการโอนเงิน 50,000 บาท ผ่านทางนายวสุ ส่งต่อให้นางวาสนา บุษดี และมีการติดต่อ น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน หาคนทำงาน จากนั้น น.ส.ณัฏฐธิดาติดต่อนายสุรพล ที่อ้างว่าตัวเองมีความรู้ด้านการประกอบระเบิดจากต่างประเทศ ให้รับงานวางระเบิดทั้ง 5 จุด แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดนายสุรพลยกเลิกภารกิจ จึงมีการวางแผนใหม่อีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนมีนาคม คราวนี้นางสุภาพรได้เปลี่ยนไปติดต่อผ่านนายวิชัย อยู่สุข หรือตั้ม และนายนรภัทร เหลือผล หรือบาส ก่อนติดต่อว่าจ้างนายวิระศักดิ์รับงาน ว่าจ้างนายมหาหิน ขุนทอง และนายยุทธนา เย็นภิญโญ รับงานก่อนเหตุที่ศาลอาญา กระทั่งถูกจับกุมได้ สรุปแล้วนายมนูญพยายามก่อเหตุรุนแรงใน กทม.ถึง 2 ครั้ง โดยติดต่อผ่านเครือข่ายนางสุภาพร ที่แยกชุดทำงานออกเป็น 2 สาย

“นางสุภาพร หรือเดียร์ จัดว่าเป็นกลุ่มทุน หัวใจสำคัญในประเทศไทย มีนายอเนก ซานฟราน เป็นกลุ่มทุนสำคัญในต่างประเทศ สนับสนุนทางการเงินจากต่างประเทศ พบมีการโอนเงินให้กัน ครั้งแรกโอนให้ 50,000 บาทก่อนจะให้ลงมือ ส่วนครั้งที่ 2 โอนผ่านบัญชีนายธราเทพ มิตรอารักษ์ ลูกชายนางเดียร์ 50,000 บาท เพื่อให้นำไปเยียวยาครอบครัวของคนที่ถูกจับ โดยเหตุที่นางเดียร์ไม่ให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง อ้างว่าไม่มีบัญชีธนาคาร มีเพียงบัญชีของอดีตสามีซึ่งหย่าร้างไปแล้ว อีกทั้งสามียังมีคดีติดตัวอีกด้วย จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับเงินก้อนนั้น ส่วนเหตุจูงใจนั้นนางสุภาพรให้การว่านายอเนกรับปากว่าจะเลี้ยงดูบุตรชาย 2 คนของตน และหากดำเนินการตามสั่งแล้วเสร็จจะพาไปทำงานเก็บองุ่นที่ประเทศออสเตรเลีย โดยเหตุหลักที่ร่วมมือกันก่อเหตุเพราะมีอุดมการณ์การเมืองสอดคล้องกัน โดยนายอเนกนั้นอยู่ในต่างประเทศมีอุดมการณ์ต่อต้านรัฐบาลปัจจุบัน และต่อต้านสถาบันฯ ทั้งนี้ การติดต่อใช้ของกลุ่มนี้ใช้ช่องทางไลน์ และโซเชียลมีเดียต่างๆ บางคนไม่รู้จักกัน ไม่เคยพบกันด้วยซ้ำ เพียงแต่ติดตามกันทางโซเชียลมีเดียด้วยมีอุดมการณ์ แนวคิดสอดคล้องกัน” พล.ต.ต.ชยพลกล่าว

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า นางสุภาพรนั้นมีประวัติเป็นระดับแกนนำในกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่อยากระบุชัดเจนว่ากลุ่มไหน เป็นความขัดแย้งในอดีต นางสุภาพรเป็นแกนนำระดับสำคัญที่มีบทบาทและได้รับการยอมรับพอสมควร ที่ผ่านมาหน่วยความมั่นคงเคยขึ้นบัญชีมีข้อมูลอยู่ เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่มีหลักฐานหรือสิ่งบ่งชี้ว่ากระทำความผิด ขณะที่ผู้ต้องหาบางคนในกลุ่มนี้ เช่น นายมนูญ นั้นมีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา 112 ฐานหมิ่นสถาบันฯ แต่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ตนไม่ขอพูดถึงความขัดแย้งในอดีต แต่ยืนยันตำรวจและทหารดำเนินคดีตามกฎหมายและพยานหลักฐานที่ปรากฏ ตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับกลุ่มใด โดยทั้งหมดเกิดจากคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสิ้น

“เหตุจูงใจ นอกจากค่าจ้างแล้วกลุ่มผู้ต้องหา ยังมีอุดมการณ์แนวคิดทางการเมืองที่เหมือนกัน การก่อเหตุแต่ละครั้งก็มีเหตุผลหลายอย่าง ทั้งอุดมการณ์ที่ตรงกัน ถูกหลอก ถูกชักจูง และเงินค่าจ้าง” ผบ.ตร.กล่าว

เมื่อถามว่า กรณีที่มีการโยงถึง น.ส.ณัฏฐธิดา หรือแหวน พยานสำคัญในคดีสังหาร 6 ศพที่วัดปทุมฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ต้องหา อาจถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความบังเอิญเกินไปหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน คำให้การผู้ต้องหา ตัวของ น.ส.ณัฏฐธิดานั้นเราไม่เคยเอาเข้ามาเกี่ยวข้อง และไม่สามารถนำเขามาเกี่ยวโดยไม่มีคำให้การของผู้ที่เกี่ยวข้องซัดทอดกล่าวถึง เมื่อนางสุภาพรให้การว่าติดต่อผ่าน น.ส.ณัฏฐธิดาไปถึงนายสุรพล ชื่อของ น.ส.ณัฏฐธิดาจึงปรากฏในสำนวนการสอบสวน และเมื่อเป็นสิ่งผิดกฎหมายพนักงานสอบสวนจึงต้องดำเนินการตามกระบวนการ ส่วนจะบังเอิญพอเหมาะพอดีเกินไปหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถกะเกณฑ์กำหนดได้ ยินยันพนักงานสอบสวนทำตามพยานหลักฐาน และหากซัดทอดไปถึงใครที่มากกว่านี้พนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน

ถามว่าความพยายามก่อเหตุของผู้ต้องหาในครั้งแรก สอดคล้องกับการเกิดเหตุที่หน้าห้างสยามพารากอน พบว่าเป็นฝีมือกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนบอกหลายครั้งว่ากลุ่มที่พยายามก่อเหตุรุนแรงเป้นกลุ่มเดียวกัน บางครั้งทำสำเร็จ บางครั้งก็ไม่สำเร็จ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ก็เป็นไปได้ว่าอาจบงการโดยกลุ่มนี้โดยใช้ทำงานอีกสายหนึ่ง เห็นได้จากกรรีนี้ แบ่งชุดทำงานเป็น 2 กลุ่ม แต่จ้างวานโดยนายอเนกเพียงคนเดียว ตนไม่ทราบว่าเหตุที่สยามพารากอนจะเป็นนายอเนก ที่ไปจ้างอีกกลุ่มหรือไม่ จนกว่าจะจับกุมแล้วสอบสวนขยายผลว่าเหตุที่พารากอนใครก่อเหตุ ใครอยู่เบื้องหลัง เชือ่มโยงถึงใครบ้าง ต่อรอให้จับกุมผู้ต้องหาให้ได้

พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงการขอตัวนายมนูญ หรืออเนก เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ว่าในอดีต เคยพยายามขอตัวนายอเนกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีความผิดข้อหาดังกล่าวในสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ขณะนี้นายอเนกมีหมายจับในข้อหาก่อการร้ายซึ่งไทยและสหรัฐฯ มีสนธิสัญญาส่งผุ้ร้ายข้ามแดนร่วมกัน จากนี้พนักงานสอบสวนจะดำเนินการทำตามขึ้นตอนส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป โดยติดต่อผ่านอัยการให้ตรวจสำนวน ก่อนส่งกลับกองการต่างประเทศ ส่งต่อกระทรวงการต่างประเทศที่มีหน้าที่นำเข้าสู่กระบวนการขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป ซึ่งไทยกับสหรัฐฯ มีความสันพันธ์ที่ดีต่อกัน

ผบ.ตร.กล่าวว่า สำหรับนายอเนกนั้นเป็นนักธุรกิจที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ มีความคิดความเชื่อคล้ายกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีการแลกเปลี่ยนข่าวสาร สั่งการผ่านโซเชียล เป็นคนที่มีอิทธิพลพอสมควร ส่วนค่าจ้างที่ดูไม่มากนั้นเหตุเพราะผู้ก่อเหตุมีแรงจูงใจทางการเมือง รวมทั้งมีข้อตกลงแลกเปลี่ยน จึงตัดสินใจลงมือกระทำ สำหรับนางสุภาพรนั้นเมื่อครั้งที่เคลื่อนไหวกลุ่มการเมือง อาจรู้จักผู้ใหญ่หลายคนเพราะเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญ ทำให้การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้รับความเชื่อถือ อย่างไรก็ตามกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มก่อเหตุความรุนแรงในประเทศไทยที่หลักฐานปรากฏชัด นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอื่นที่ยังหลบหนีซึ่งทุกกลุ่มมีลักษณะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน เพียงแต่แบ่งหน้าที่กันทำตามความถนัด

เมื่อถามว่าแกนนำทางการเมืองคนอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ขณะนี้สามารถนำมาเปิดเผยได้เพียงเท่านี้ สำหรับคนอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องต้องรอผลการสอบสวนก่อน หากพบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงที่เป็นความผิดก็ต้องดำเนินการขอนุมัติหมายจับต่อไป เช่นเดียวกับกรณีที่มีการพาดพิงถึง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส. และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. หากไม่พบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงแล้วมีความผิดจนสามารถขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับกุมได้ก็ยังไม่ถือว่าเกี่ยวข้อง หากหลักฐานจนนำไปสู่การขออนุมัติหมายจับต่อศาลได้ก็ไม่สามารถละเว้นได้ ทั้งนี้เนื่องจากทั้งสองคนเป็นบุคคลมีชื่อเสียง จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนต้องเชิญมาให้ปากคำหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวนว่าจำเป็นหรือไม่























กำลังโหลดความคิดเห็น