xs
xsm
sm
md
lg

"มทภ.1"จัดโครงการพบสื่อ ขอความร่วมมือพาประเทศเดินหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่กองทัพภาคที่ 1 เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (17มี.ค.) สื่อมวลชนจำนวน 250 คน จากพื้นที่ภาคกลาง เข้าร่วมสัมมนาในโครงการ สื่อมวลชนสัมพันธ์ ของศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) จำนวน 250 คน โดยมี พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 1 เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น พร้อมกล่าวว่า หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายที่เกี่ยวกับสื่อ 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ การสร้างความเข้าใจกับสื่อ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน และสามารถถ่ายทอดให้ประชาชนเข้าใจได้อย่างชัดเจน และการควบคุมสื่อ ซึ่งหัวหน้าคสช.ต้องการให้สื่อดูแลกันเอง อยู่ในกรอบจริยธรรมที่ดีงาม
" หัวหน้าคสช. ไม่ปรารถนาที่จะใช้อำนาจกับสื่อ จึงจัดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ขึ้น เพื่อพูดคุย และเข้ามาทำความเข้าใจร่วมกัน ในการที่คสช.จะต้องเข้ามาทำหน้าที่ควบคุมการบริหารประเทศ และขอให้สื่อช่วยกันสร้างบรรยากาศความปรองดองให้เกิดขึ้น สื่อที่ร่วมงานมาจาก 26 จังหวัดภาคกลาง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 ก็ขอให้ร่วมมือกัน หากมีปัญหาอะไร ให้แจ้งเข้ามา เพื่อช่วยแก้ปัญหาไป ส่วนตัวให้เกียรติสื่อมวลชนมาตลอด หากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามได้ ประเทศเดินหน้ามาแล้ว ไม่มีการถอยหลัง ขอให้ช่วยกันก้าวไปข้างหน้าในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านนี้" พล.ท.กัมปนาท กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นสื่อที่เข้าร่วมสัมมนาได้แสดงความคิดเห็น ทั้งในเรื่องงานของรัฐบาล และ คสช.ในภาพใหญ่ และปัญหาข้อติดขัด เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะผู้จัดรายการของสถานีวิทยุชุมชน และ สถานีวิทยุในสังกัดหน่วยงานอื่นที่ถูกระงับการออกอากาศตั้งแต่หลังการรัฐประหารเป็นต้นมาหลายสถานี เพื่อรอการจัดระเบียบของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ทั้งนี้ พล.ท.กัมปนาท กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดระเบียบอยู่ เพื่อไม่ให้มีการเบียดคลื่นสัญญาณกัน และไม่ให้เสาสูงจนรบกวนคลื่นวิทยุการบิน ตอนนี้กำลังแก้ไขปัญหากันอยู่ โดย กสทช. ซึ่งถือเป็นหน้าที่ที่ต้องเร่งทำเพราะเดือดร้อนกันหลายส่วน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราเป็นห่วงคือ หน่วยงานใดมีหน้าที่ทำแต่ไม่ทำ มีอะไรก็เรียกให้ทหารไปจับหมด ทั้งที่ทหารก็งานล้นมือมาก
"ประเทศไทยมีผู้รับผิดชอบกฎหมาย แต่ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อบังคับใช้ไม่ได้ ก็ใช้กำลังกระทืบเจ้าหน้าที่อย่างในอดีต แล้วก็ปล่อยๆกันไป ขนาดตอนนี้มีกฎอัยการศึกยังไม่กลัวกันเลย ถือว่าใช้ยาแรงสุดแล้ว ต่อไปคงใช้อะไรที่แรงไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว มีอะไรขึ้นก็เตรียมตัวตายกันอย่างเดียว" พล.ท.กัมปนาท กล่าว และว่า ในเรื่องการจัดทำโรดแมปของรัฐบาล และคสช. ก็เพื่อเตรียมงานวางรากฐานให้ประเทศ และเมื่อถึงเวลาก็จะไม่มีปัญหา เพราะมีพันธะสัญญา ไม่ใช่เบี้ยวเหมือนที่เกิดกันมาในอดีต แต่ที่ห่วงคือมีรัฐบาลใหม่มาก็จะนำที่เราวางเอาไว้ไปทำ เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเดินมาถึงฉบับที่ 11 แล้ว แต่ไม่เคยมีใครเดินตามแผนเลย รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ยึดถือ ใช้นโยบายของพรรคมาทำแล้วก็ไปแผนพัฒนาฯ
---------------
กำลังโหลดความคิดเห็น