xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

บึ้มศาล -สถาปนารัฐไทยใหม่ รู้ตัวแล้วงั้ย คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ “บิ๊กโด่ง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ดิ้นพลาดๆ เป็นหมาถูกน้ำร้อนลวกกันเลยทีเดียว หลัง “นายมหาหิน ขุนทอง” ถูกทหารและตำรวจจับกุมตัวได้คาหนังคาเขาพร้อม “นายยุทธนา เย็นภิญโญ” หลังก่อเหตุปาระเบิดอาร์จีดี 5 เข้าไปในพื้นที่บริเวณลานจอดรถศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 7 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา

ดิ้นที่หนึ่งก็เพราะนายยุทธนาและนายมหาหินแอนด์เดอะแก๊งนั้นเป็นกองกำลังติดอาวุธของคนเสื้อแดง

ดิ้นที่สองก็เพราะนายยุทธนาและนายมหาหินสารภาพว่าเตรียมวางระเบิด100 จุดทั่วกรุงในวันที่ 15 มีนาคม 2558 นี้

ดิ้นที่สามก็เพราะนายมหาหินให้เหตุผลของการปาระเบิดศาลในครั้งนี้ว่า ก่อเหตุเพื่อให้เกิดสถานการณ์ทางการเมือง เพื่อให้องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เข้ามามีบทบาทในการเมืองของไทย การกระทำแบบนี้เป็นการต่อสู้อุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตย ต่อสู้เพื่อระบอบการปกครองแบบใหม่

และดิ้นที่สี่ก็เพราะนายมหาหิน ระบุชัดเจนในวันแถลงข่าวการจับกุมว่า น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง แฟนสาว ได้เคยทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้กับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด รวมทั้งรู้จักกับ พล.ต.ท.คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผบช.น.

ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่พบหลักฐานเป็นสมุดจดรายชื่อผู้ที่เคยติดต่อของมือวางระเบิดซึ่งมีชื่อของพล.อ.ชัยสิทธิ์ และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์อยู่ด้วย แต่จะอย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงข้อกล่าวหาลอย เพราะยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง

หลังจากถูกควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ร่วมกันซักถามนายยุทธนา ซึ่งเป็นมือปาระเบิด และพบข้อมูลสำคัญว่า นายยุทธนาเป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์ มีแนวคิดทางการเมืองสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง โดยในช่วงปี 2557 ได้รู้จักกับสมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดงหัวรุนแรงผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊ก มีการแลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ระหว่างกลุ่ม ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ “ไลน์” ในการติดต่อระหว่างกัน ก่อนจะพัฒนาเป็นการรวมกลุ่มสนทนากลุ่มใหญ่ในไลน์ เช่น กลุ่มสัจจะ กลุ่มพิราบขาว และกลุ่ม people.เรารักred โดยนายยุทธนาใช้ชื่อจัดตั้งว่า “องค์ดำ”

จากการให้ปากคำของนายยุทธนาเป็นที่ชัดเจนว่า เขาคือกองกำลังติดอาวุธของคนเสื้อแดง และการวางระเบิดศาลอาญาเป็นเพียงแค่เป้าหมายแรกเท่านั้น เพราะมีการวางแผนก่อเหตุสร้างสถานการณ์ครั้งใหญ่ในวันที่ 15 มีนาคม โดยวางระเบิดในกรุงเทพมหานครอย่างน้อย 100 จุด เช่น มหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมทั้งก่อเหตุคลังแสง-หน่วยทหารในต่างจังหวัด เช่น จ.เชียงใหม่ ภาคอีสาน และที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ของหลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นต้น โดยใช้ผู้ก่อเหตุมาจากประเทศเพื่อนบ้าน

แน่นอน ปฏิบัติการใหญ่เยี่ยงนี้คงมิใช่มีแต่ “แดงหางแถว” เท่านั้น หากจะต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบและเป็นขั้นเป็นตอน โดยมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการวางระเบิดป่วนเมืองในครั้งนี้ที่ชัดเจน

และเป้าหมายที่ว่านั้นได้รับการเปิดเผยจากปากของนายมหาหินในเวลาต่อมาว่า เพื่อให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ในไทยและที่สำคัญการกระทำแบบนี้เป็นการต่อสู้อุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตย ต่อสู้เพื่อระบอบการปกครองแบบใหม่

ความจริงไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอะไรกับข้อมูลข้างต้น เพราการประกาศจัดตั้งกองกำลังต่างๆ เกิดขึ้นอย่างเปิดเผยในหมู่มวลชนคนเสื้อแดง ทั้งในยุคของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลหรือเสธ.แดง และการจัดตั้งกองกำลังอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อ.พ.ป.ช.)ที่มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธาน แม้แรมบ้าอีสานจะประกาศยกเลิกภารกิจไปแล้วก็ตาม

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือกรณี “ชายชุดดำ” ซึ่งเปิดเผยตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 อันนำมาซึ่งการเสียชีวิตของ เสธ.เปา-พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรมและนายทหารอีกหลายนายในสมรภูมิที่สี่แยกคอกวัว รวมถึงพฤติกรรมการใช้อาวุธสงครามถล่มมวลชนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับระบอบทักษิณ สดๆ ร้อนก็คงเป็นเหตุการณ์ยิงเอ็ม 79 ถล่มมวลชน กปปส.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกันก็เป็นที่รับรู้กันมาโดยตลอดว่า กลุ่มคนที่มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่การปกครองระบอบใหม่นั้นเป็นส่วนหนึ่งของคนเสื้อแดงที่เป็นมวลชนของระบอบทักษิณ ดังคำคุ้นหูที่แพร่สะพัดในกลุ่มคนเสื้อแดงว่า การต่อสู้เพื่อสถาปนารัฐไทยใหม่

และเป็นรัฐไทยใหม่ที่ไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

สอดคล้องกับคำให้การของนายมหาหินระบุชัดเจนว่า ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในเวลาต่อมาจำนวน 9 คนนั้น เคยนัดหมายประชุมวางแผนกันเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ใน จ.ขอนแก่น และเคลื่อนไหวด้วยการจัดตั้ง “องค์กรภาคีภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของประชาชน” และประกาศให้สมาชิกกลุ่มติดตามเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นเบื้องสูงแล้วนำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อผ่านไลน์ พร้อมทั้งผลิตน้ำดื่มคอลลาเจนและสบู่ออกจำหน่ายเพื่อหาทุนในการเคลื่อนไหวด้วย

ความน่าสนใจของเรื่องนี้ในประเด็นถัดมาก็คือความโยงใยของกองกำลังติดอาวุธของคนเสื้อแดงชุดนี้ เพราะนอกจาก “นางเดียร์” ที่ใช้ชื่อในไลน์ว่า Hana อายุประมาณ 35 ปี ปัจจุบันอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งนายยุทธนาและนายมหาหินให้การว่าเป็นผู้จ้างให้ก่อเหตุในครั้งนี้แล้ว ยังปรากฏรายชื่อของ 2 นายพลทหารและตำรวจนอกราชการในสมุดบันทึกของมือวางระเบิดอีกด้วย

ในการนำตัวนายมหาหินมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2558 นายมหาหินได้ให้ข้อมูลต่อสาธารณะว่า รายชื่อนายพลตำรวจและนายพลทหารนอกราชการที่จดเอาไว้ในสมุดบันทึกที่ยึดมาได้นั้น “ภรรยาผมรู้จัก โดยทำหน้าที่การ์ดติดตามและดูแลสุขภาพให้”

2 นายพลนอกราชการที่ปรากฏรายชื่อในสมุดบันทึกของมือระเบิดก็คือ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ญาติผู้พี่ของนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้มีวันนี้เพราะพี่ให้

พล.อ.ชัยสิทธิ์ยอมรับว่า รู้จักภรรยานายมหาหินจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ที่ปฏิเสธความข้องเกี่ยวกับมือระเบิดดังกล่าว

ด้วยเหตุดังกล่าว สิ่งที่จะต้องจับตากันต่อไปก็คือ นอกจาก “ปลาซิวปลาสร้อย” อย่างนายยุทธนา นายมหาหินแอนด์เดอะแก๊งที่ถูกออกหมายจับและถูกจับกุมมาได้แล้วนั้น ฝ่าย “ทหาร” ซึ่งมีความชัดเจนว่า เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในการลากคอ “แดงฮาร์ดคอร์” กลุ่มนี้ได้เป็นผลสำเร็จจะสามารถสาวไปถึง “ขบวนการแดงใต้ดิน” มาลงโทษได้อีกมากน้อยแค่ไหนและสาวไกลไปถึง “ผู้บงการใหญ่” ที่อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่

นี่คือคำถามที่สำคัญยิ่ง เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในการทำคดีของฝ่ายตำรวจในการจับกุมขบวนการแดงใต้ดินนั้น มักจะหยุดหรือตัดตอนแค่บรรดาปลาซิวปลาสร้อยแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์

เพราะงานนี้ฝ่ายทหารทั้งเบื้องสูงและเบื้องต่ำประกาศชัดเจนว่า ติดตาม ขบวนการสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมืองเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่อง และมีข้อมูลอยู่ในมือเป็นที่เรียบร้อย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีแนวทางในการสืบสวนอยู่แล้วตั้งแต่เหตุการณ์ปี 53 ปี 56 และปี 57 เนื่องจากมีการข่าวอยู่แล้วว่า ใครเกี่ยวพันอยู่ที่ไหน อย่างไร แต่ทั้งหมดไม่สามารถบอกในรายละเอียดได้ เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงทำงานและติดตามอยู่”

และพล.อ.ประยุทธ์ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “ผมจะไม่ยอมคนเลว”

ขณะที่ บิ๊กโด่ง-พล.อ.อุดมเดม สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ก็ชัดเจนเช่นกันว่า เป็นบุคคลสำคัญในการดำเนินการในครั้งนี้ ดังจะเห็นได้จากคดีปาระเบิดศาลอาญาที่ทหารจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์(พล.1 รอ.) ติดตามและเป็นผู้รวบตัวแดงฮาร์ดคอร์แก๊งนี้ได้เป็นผลสำเร็จ

ที่สำคัญคือบิ๊กโด่งยืนยันหนักแน่นว่า “ผบ.พล.1 รอ.ถือเป็นผู้ปฏิบัติงานภายใต้คำสั่งของแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กกล.รส.) และก็ได้รับคำสั่งมาจากผู้บัญชาการทหารบกอีกทอดหนึ่ง”

นั่นแสดงว่า การข่าวของฝ่ายทหารมีข้อมูลเกี่ยวกับแดงใต้ดินทั้งเบื้องต่ำ และเบื้องสูงอยู่ในมือครบครัน

ดังนั้น จึงต้องติดตามกันต่อไปสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้นกับขบวนการแดงใต้ดินที่คิดจะสถาปนารัฐไทยใหม่บ้าง เพราะเวลานี้ฝ่ายทหารมีอำนาจกฎอัยการศึกที่เสมือนดาบอาญาสิทธิ์ที่ใช้จัดการได้ทุกปัญหาโดยมีกฎหมายคุ้มครอง แถมยังมีข้อมูลอีกเป็นพะเรอเกวียนอยู่ในมือ

สังคมก็ได้แต่หวังว่า มิใช่เป็นเพียงแค่เกม...เท่านั้น


พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร
กำลังโหลดความคิดเห็น