ผบช.น. เผยทหารเตรียมส่งตัวคนร้ายคดีระเบิดศาลอาญารัชดาให้ตำรวจวันนี้ เตรียมสอบสวนเพิ่มและแจ้งข้อกล่าวหา ย้ำหากหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครเชิญตัวมาสอบหรือออกหมายจับทันที ล่าสุดจับเพิ่มได้อีก 2 คน ทั้งคนจัดหาสถานที่ประชุมวางแผน และคนว่าจ้างผ่านไลน์"ตู่"ปัดพ้นตัว ยันเสื้อแดงไม่เกี่ยวเหตุบึ้ม อ้างมีคนต้องการโยนความผิดให้ ด้านโฆษกรัฐบาลฉะ นปช. ไม่เคยทำงานด้านการข่าว ก็อย่าวิจารณ์มั่ว
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุระเบิดบริเวณหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2558 ว่า เบื้องต้นได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งหมด 9 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวไว้แล้ว 7 คน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ทหารควบ
คุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ทั้ง 9 คนแล้วหรือไม่ เพราะยังไม่ได้รับการยืนยันจากกองทัพ คาดว่าในวันนี้ (13 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ทหารจะติดต่อขอส่งตัวผู้ต้องหา เมื่อได้ตัวผู้ต้องหามาแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำเพิ่มเติมแล้วแจ้งข้อหา จากนั้นจะควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
"หากมีการสอบสวนเพิ่มเติม แล้วพบหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงใคร ก็จะเชิญตัวมาสอบสวนเพิ่ม หรือมีข้อมูลที่ชัดเจนก็จะออกหมายจับทันที รวมถึงคนที่ชื่อเดียร์ที่ผู้ต้องหาได้ซัดทอดไป ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้"
ส่วนกรณีเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณห้างสรรพสินค้าพารากอน เมื่อวันที่1ก.พ. 2558 ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลของคนร้ายเพิ่มเติมแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ถ้าได้หลักฐานที่ชัดเจนจะดำเนินการออกหมายจับทันที เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีความมั่นคง เจ้าหน้าที่ไม่สามารถละทิ้งคดีความมั่นคงของบ้านเมืองได้ อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กำชับแนวทางการปฏิบัติมาด้วยตนเอง
ทั้งนี้ จากการรายงานทางการข่าวที่แจ้งว่าจะมีเหตุก่อความไม่สงบกว่า 100 จุดทั่วประเทศไทยนั้น เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้วางมาตรการไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ อีกทั้งเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด คนร้ายมีการต่อสู้เจ้าหน้าที่ จึงจะเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติหน้าที่เพิ่มขึ้น
***จับอีก2ทั้งคนจัดที่ประชุม-คนจ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้เพิ่มอีก 1 ราย คือ นายณเรศ อินทรโสภา เจ้าของร้านนมสด ใน จ.ขอนแก่น ที่ทำหน้าที่จัดสถานที่ในการประชุมวางแผน และเป็นผู้รับเงินค่าจ้างจำนวน 20,000 บาท จาก น.ส.เดียร์ และเจ้าหน้าที่ทหารยังสามารถควบคุมตัว น.ส.เดียร์ ที่นายมหาหิน ขุนทอง ให้การซัดทอดว่าเป็นผู้จ้างวาน ได้ที่ชายแดน จ.มุกดาหารด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวผู้ที่ร่วมก่อเหตุที่ครบกำหนดการควบคุมตัว 7 วัน ตามกฎอัยการศึก จำนวน 4 ราย คือ นายมหาหิน ขุนทอง นายยุทธนา เย็นภิญโญ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง และน.ส.ธัชพรรณ ปกครอง มาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่บช.น. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในวันงนี้ (13 มี.ค.)
***"ตู่"ปัดเสื้อแดงไม่เกี่ยวบึ้มศาล
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวภายหลังมาขึ้นศาลในคดีก่อการร้ายว่า ตนขอประณามผู้ก่อเหตุและผู้ที่อยู่เบื้องหลังคดีขว้างระเบิดศาลอาญาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา และยืนยันว่าแนวร่วม นปช. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และพบว่าที่ผ่านมา มีความพยายามที่จะเชื่อมโยงเหตุระเบิดศาลอาญา และที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน กับกลุ่ม นปช. รวมถึงอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลด้วย
ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุม พบว่า อยู่ในรายชื่อที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยเรียกไปพบก่อนหน้านี้ ตัวเองได้เน้นย้ำแกนนำ นปช. ทุกคนให้ระมัดระวังผู้ที่โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือทางด้านการเงิน โดยให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร เพื่อป้องกันการถูกกล่าวหาจากผู้ไม่หวังดี เพราะที่ผ่านมา มีอดีตแนวร่วม นปช. รวมถึงการ์ดที่ประสบความเดือดร้อนเคยโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือด้านการเงินบ่อยครั้ง
***อัดไม่รู้เรื่องอย่ามาวิจารณ์การทำงาน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร ตั้งข้อสังเกตถึงเหตุการณ์ปาระเบิดใส่หน้าศาลอาญา ถึงวันที่ก่อเหตุและกรณีที่เจ้าหน้าที่ระบุการข่าวมีการประกบกันมาตั้งแต่ต้น แต่กลับยังมีเหตุนี้เกิดขึ้นว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และการติดตามข้อมูลข่าวสารมีวงรอบในการปฏิบัติ รวมถึงมีความน่าเชื่อถือของข่าว และมีความเป็นไปได้ของแหล่งข่าว หลายอย่างประกอบกัน มันคงไม่สามารถชี้ชัดได้ถูกต้องทั้งหมดว่าจะมีการก่อเหตุที่ไหน อย่างไร เมื่อไร แต่มีภาพข่าวในระดับหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องสามารถนำมาปะติดปะต่อพอให้กำหนดสมมติฐานครอบคลุมทิศทางที่จะพาดพิงไปถึง เพื่อเพิ่มการระมัดระวังในแต่ละจุดหรือแต่ละเรื่อง ดังนั้น ถ้านายจตุพรไม่เคยทำงานเรื่องนี้มาก่อนก็อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่นอกจากนี้ การที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่เกิดเหตุ ถือว่าเจ้าหน้าที่มีความสามารถมาก และจะมีการขยายผลได้ไปตามหลักฐานหรือข้อมูลที่มี ถ้าพาดพิงถึงใครก็จะมีการเชิญบุคคลนั้นมาสอบสวน โดยไม่ได้หมายความว่าคนนั้นเป็นผู้กระทำผิดทันที แต่การที่มีภาพถ่ายรวมกลุ่มและสมุดบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ก็พอจะทำให้เชื่อมโยงได้ว่าอย่างน้อยผู้ต้องหามีความสนิทสนมกับใคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ต้องเชิญคนนั้นมาสอบสวน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุระเบิดบริเวณหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2558 ว่า เบื้องต้นได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งหมด 9 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวไว้แล้ว 7 คน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ทหารควบ
คุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ทั้ง 9 คนแล้วหรือไม่ เพราะยังไม่ได้รับการยืนยันจากกองทัพ คาดว่าในวันนี้ (13 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ทหารจะติดต่อขอส่งตัวผู้ต้องหา เมื่อได้ตัวผู้ต้องหามาแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำเพิ่มเติมแล้วแจ้งข้อหา จากนั้นจะควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
"หากมีการสอบสวนเพิ่มเติม แล้วพบหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงใคร ก็จะเชิญตัวมาสอบสวนเพิ่ม หรือมีข้อมูลที่ชัดเจนก็จะออกหมายจับทันที รวมถึงคนที่ชื่อเดียร์ที่ผู้ต้องหาได้ซัดทอดไป ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้"
ส่วนกรณีเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณห้างสรรพสินค้าพารากอน เมื่อวันที่1ก.พ. 2558 ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลของคนร้ายเพิ่มเติมแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ถ้าได้หลักฐานที่ชัดเจนจะดำเนินการออกหมายจับทันที เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีความมั่นคง เจ้าหน้าที่ไม่สามารถละทิ้งคดีความมั่นคงของบ้านเมืองได้ อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กำชับแนวทางการปฏิบัติมาด้วยตนเอง
ทั้งนี้ จากการรายงานทางการข่าวที่แจ้งว่าจะมีเหตุก่อความไม่สงบกว่า 100 จุดทั่วประเทศไทยนั้น เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้วางมาตรการไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ อีกทั้งเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด คนร้ายมีการต่อสู้เจ้าหน้าที่ จึงจะเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติหน้าที่เพิ่มขึ้น
***จับอีก2ทั้งคนจัดที่ประชุม-คนจ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้เพิ่มอีก 1 ราย คือ นายณเรศ อินทรโสภา เจ้าของร้านนมสด ใน จ.ขอนแก่น ที่ทำหน้าที่จัดสถานที่ในการประชุมวางแผน และเป็นผู้รับเงินค่าจ้างจำนวน 20,000 บาท จาก น.ส.เดียร์ และเจ้าหน้าที่ทหารยังสามารถควบคุมตัว น.ส.เดียร์ ที่นายมหาหิน ขุนทอง ให้การซัดทอดว่าเป็นผู้จ้างวาน ได้ที่ชายแดน จ.มุกดาหารด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวผู้ที่ร่วมก่อเหตุที่ครบกำหนดการควบคุมตัว 7 วัน ตามกฎอัยการศึก จำนวน 4 ราย คือ นายมหาหิน ขุนทอง นายยุทธนา เย็นภิญโญ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง และน.ส.ธัชพรรณ ปกครอง มาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่บช.น. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในวันงนี้ (13 มี.ค.)
***"ตู่"ปัดเสื้อแดงไม่เกี่ยวบึ้มศาล
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวภายหลังมาขึ้นศาลในคดีก่อการร้ายว่า ตนขอประณามผู้ก่อเหตุและผู้ที่อยู่เบื้องหลังคดีขว้างระเบิดศาลอาญาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา และยืนยันว่าแนวร่วม นปช. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และพบว่าที่ผ่านมา มีความพยายามที่จะเชื่อมโยงเหตุระเบิดศาลอาญา และที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน กับกลุ่ม นปช. รวมถึงอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลด้วย
ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุม พบว่า อยู่ในรายชื่อที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยเรียกไปพบก่อนหน้านี้ ตัวเองได้เน้นย้ำแกนนำ นปช. ทุกคนให้ระมัดระวังผู้ที่โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือทางด้านการเงิน โดยให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร เพื่อป้องกันการถูกกล่าวหาจากผู้ไม่หวังดี เพราะที่ผ่านมา มีอดีตแนวร่วม นปช. รวมถึงการ์ดที่ประสบความเดือดร้อนเคยโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือด้านการเงินบ่อยครั้ง
***อัดไม่รู้เรื่องอย่ามาวิจารณ์การทำงาน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร ตั้งข้อสังเกตถึงเหตุการณ์ปาระเบิดใส่หน้าศาลอาญา ถึงวันที่ก่อเหตุและกรณีที่เจ้าหน้าที่ระบุการข่าวมีการประกบกันมาตั้งแต่ต้น แต่กลับยังมีเหตุนี้เกิดขึ้นว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และการติดตามข้อมูลข่าวสารมีวงรอบในการปฏิบัติ รวมถึงมีความน่าเชื่อถือของข่าว และมีความเป็นไปได้ของแหล่งข่าว หลายอย่างประกอบกัน มันคงไม่สามารถชี้ชัดได้ถูกต้องทั้งหมดว่าจะมีการก่อเหตุที่ไหน อย่างไร เมื่อไร แต่มีภาพข่าวในระดับหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องสามารถนำมาปะติดปะต่อพอให้กำหนดสมมติฐานครอบคลุมทิศทางที่จะพาดพิงไปถึง เพื่อเพิ่มการระมัดระวังในแต่ละจุดหรือแต่ละเรื่อง ดังนั้น ถ้านายจตุพรไม่เคยทำงานเรื่องนี้มาก่อนก็อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่นอกจากนี้ การที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่เกิดเหตุ ถือว่าเจ้าหน้าที่มีความสามารถมาก และจะมีการขยายผลได้ไปตามหลักฐานหรือข้อมูลที่มี ถ้าพาดพิงถึงใครก็จะมีการเชิญบุคคลนั้นมาสอบสวน โดยไม่ได้หมายความว่าคนนั้นเป็นผู้กระทำผิดทันที แต่การที่มีภาพถ่ายรวมกลุ่มและสมุดบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ก็พอจะทำให้เชื่อมโยงได้ว่าอย่างน้อยผู้ต้องหามีความสนิทสนมกับใคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ต้องเชิญคนนั้นมาสอบสวน
