พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบปาระเบิดเข้าไปภายในบริเวณศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า จากการปฏิบัติงานด้านการข่าวในช่วงที่ผ่านมาพบว่ายังมีความพยายามจากผู้ไม่หวังดีที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายอยู่บ้าง ซึ่งทาง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ในฐานะเลขาธิการ คสช. ได้รับทราบข้อมูลและติดตามมาตลอดตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ไม่ยอมให้มีการใช้ความรุนแรงต่อกันในทางสังคม ไม่ว่าจะต่อบุคคล หรือสถานที่ โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมือง จึงได้กำชับให้หน่วยต่างๆ เฝ้าสังเกตการณ์และติดตามความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบมาตลอด รวมทั้งให้ประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกันอย่างใกล้ชิด ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อเสริมให้งานการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีผลไปถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุปาระเบิดครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ทันทีหลังก่อเหตุจำนวน 2 คน เพราะเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลการข่าวด้านความมั่นคง ที่รวบรวมได้จากหน่วยราชการและจากประชาชนมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงมีข้อมูลพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย และได้มีการจัดชุดสะกดรอยเฝ้าสังเกตการณ์ และเฝ้าติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้มาระยะหนึ่งแล้ว จนกระทั่งผู้ต้องสงสัยได้มาก่อเหตุดังกล่าว ด้วยการขับขี่รถจักรยานยนต์มาขว้างระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา หลังจากก่อเหตุเจ้าหน้าที่ที่ติดตามสะกดรอยอยู่ จึงได้ขับรถพุ่งชนรถจักรยานยนต์ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 รายล้ม จากนั้นมีการขัดขืนและพยายามหลบนี้ จนเกิดปะทะกันเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ทั้ง 2 ราย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ เพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป
"เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่จงใจก่อความไม่สงบ ที่สำคัญการกระทำดังกล่าวมีการเตรียมการและวางแผนมาล่วงหน้าในลักษณะไม่กลัวเกรงกฎหมาย อีกทั้งข่มขู่คุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สิน หวังให้เกิดความหวาดกลัว เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายครั้งนี้ทั้งหมด มาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ในทางคดีเป็นการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามนโยบายของ คสช. และรัฐบาล ที่พร้อมดูแลและป้องกันมิให้กลุ่มใดกระทำผิดกฎหมายและก่อความไม่สงบโดยเด็ดขาด" พ.อ.วินธัย กล่าว
รายงานข่าวฝ่ายความมั่นคงแจ้งว่า สำหรับคนร้าย 2 รายที่ลอบปาระเบิดเข้าไปในบริเวณศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมานั้น ทราบชื่อคือนายยุทธนา เย็นภิญโญ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ขณะนี้ถูกนำไปรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ส่วนอีกคนคือนายมหาหิน ขุนทอง ขณะนี้อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหาร ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) บางเขน ตามกฎอัยการศึกเป็นเวลา 7 วัน เพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ เนื่องจากการก่อเหตุครั้งนี้มีอาวุธสงครามอยู่ในความครอบครอง และนำมาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ จากนั้นเมื่อครบกำหนดจะนำตัวไปขออำนาจศาลทหารกรุงเทพฯเพื่อขอฝากขังต่อไป
ต่อมาในช่วงสาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดเผยว่า คนร้ายทั้ง 2 รายให้การรับสารภาพแล้ว โดยระบุว่า มีคนจ้างให้มาทำ และมีหลักฐานการสั่งการผ่านทางโปรแกรมไลน์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนและติดตามตัวผู้บงการต่อไป
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุปาระเบิดครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ทันทีหลังก่อเหตุจำนวน 2 คน เพราะเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลการข่าวด้านความมั่นคง ที่รวบรวมได้จากหน่วยราชการและจากประชาชนมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงมีข้อมูลพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย และได้มีการจัดชุดสะกดรอยเฝ้าสังเกตการณ์ และเฝ้าติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้มาระยะหนึ่งแล้ว จนกระทั่งผู้ต้องสงสัยได้มาก่อเหตุดังกล่าว ด้วยการขับขี่รถจักรยานยนต์มาขว้างระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา หลังจากก่อเหตุเจ้าหน้าที่ที่ติดตามสะกดรอยอยู่ จึงได้ขับรถพุ่งชนรถจักรยานยนต์ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 รายล้ม จากนั้นมีการขัดขืนและพยายามหลบนี้ จนเกิดปะทะกันเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ทั้ง 2 ราย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ เพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป
"เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่จงใจก่อความไม่สงบ ที่สำคัญการกระทำดังกล่าวมีการเตรียมการและวางแผนมาล่วงหน้าในลักษณะไม่กลัวเกรงกฎหมาย อีกทั้งข่มขู่คุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สิน หวังให้เกิดความหวาดกลัว เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายครั้งนี้ทั้งหมด มาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ในทางคดีเป็นการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามนโยบายของ คสช. และรัฐบาล ที่พร้อมดูแลและป้องกันมิให้กลุ่มใดกระทำผิดกฎหมายและก่อความไม่สงบโดยเด็ดขาด" พ.อ.วินธัย กล่าว
รายงานข่าวฝ่ายความมั่นคงแจ้งว่า สำหรับคนร้าย 2 รายที่ลอบปาระเบิดเข้าไปในบริเวณศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมานั้น ทราบชื่อคือนายยุทธนา เย็นภิญโญ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ขณะนี้ถูกนำไปรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ส่วนอีกคนคือนายมหาหิน ขุนทอง ขณะนี้อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหาร ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) บางเขน ตามกฎอัยการศึกเป็นเวลา 7 วัน เพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ เนื่องจากการก่อเหตุครั้งนี้มีอาวุธสงครามอยู่ในความครอบครอง และนำมาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ จากนั้นเมื่อครบกำหนดจะนำตัวไปขออำนาจศาลทหารกรุงเทพฯเพื่อขอฝากขังต่อไป
ต่อมาในช่วงสาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดเผยว่า คนร้ายทั้ง 2 รายให้การรับสารภาพแล้ว โดยระบุว่า มีคนจ้างให้มาทำ และมีหลักฐานการสั่งการผ่านทางโปรแกรมไลน์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนและติดตามตัวผู้บงการต่อไป
