xs
xsm
sm
md
lg

DSIเรียก”ธัมมชโย"แจงรับเช็ค เงินโกงสหกรณ์ เผยพบพิรุธอย่างน้อย13ฉบับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - ดีเอสไอออกหมายเรียก "ธัมมชโย" ให้ปากคำพนักงานสอบสวน หลังมีหลักฐานมีชื่อรับเช็ค "สหกรณ์เครดิตยูเนียน คลองจั่น" ด้วยตัวเอง เผยพนักงานสอบสวนดีเอสไอชุดเดิมสรุปพระธัมมชโยยอมรับว่ารับเช็ค 13 ฉบับ พบพิรุธการโอนเงินนับร้อยล้าน ด้าน "ไพบูลย์" เตรียมเปิดเวทีสาธารณะ แฉกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน โยงกลุ่มการเมืองและวัดธรรมกาย ส่วน สนพ. ควงมหาโชว์ ร้องกองปราบเอาผิดหลวงปู่พุทธะอิสระ

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่นกับพวก 8 คน ยักยอกทรัพย์ สหกรณ์ฯ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท เปิดเผยว่า คดีนี้พนักงานอัยการสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นรายละเอียดของการสั่งจ่ายเช็คเป็นรายฉบับรวม 878 ฉบับ ซึ่งดีเอสไอตรวจพบเส้นทางการเงินมีการโอนเช็คกว่า 800 ล้านบาท บริจาคให้กับวัดพระธรรมกาย โดยล่าสุด ได้ออกหมายเรียกพระธัมมชโย และกลุ่มพระในวัดพระธรรมกาย ที่มีรายชื่อปรากฏรับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว และได้มีการจัดลำดับการเข้าให้ปากคำ เริ่มจากวันที่ 10 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ยังได้ออกหมายเรียกนิติบุคคล บริษัท ห้างร้าน ที่มีชื่อรับเช็คจากสหกรณ์ฯ ในช่วงปี 2552-55 ที่นายศุภชัย เป็นประธานกรรมการบริหารสหกรณ์ฯ และเป็นผู้สั่งจ่าย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอด้วย

***ยัน"ธัมมชโย"ต้องมาให้ปากคำด้วยตนเอง

พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล หัวหน้าพนักงานสอบสวนชุดตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯกับวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ในการเรียกสอบพระธัมมชโยของพนักงานสอบสวนดีเอสไอชุดเก่า ยังไม่ได้สอบในส่วนที่พระธัมมชโย มีชื่อรับเช็คด้วยตนเอง พระธัมมชโย จึงไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งทนายมาแทน แต่ครั้งนี้ ต้องการสอบในส่วนที่พระธัมมชโย มีชื่อรับเช็คเอง จึงเรียกพระธัมมชโย เข้าให้ปากคำด้วยตนเอง

สำหรับเช็คที่ตรวจสอบพบ นายศุภชัยอ้างว่าบริจาคให้วัดพระธรรมกาย มี 15 ฉบับ มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท โดยพนักงานสอบสวนดีเอสไอชุดเดิมสรุปไว้ว่า พระธัมมชโย ยอมรับว่ารับเช็ค 13 ฉบับ จากการตรวจสอบพบเช็คบางฉบับมีการสลักหลัง และโอนเงินหลักร้อยล้านบาทกลับไปยังบัญชีบุคคลอื่นแทน

ทั้งนี้ รายชื่อกลุ่มพระที่มีชื่อเป็นผู้รับโอนเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ อาทิ พระวิรัช 100 ล้านบาท พระมนตรี 100 ล้านบาท พระครูปลัดวิจารณ์ 119 ล้านบาท

***เปิดเวทีสาธารณะฟังความเห็นปฎิรูปศาสนา

นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. กล่าวว่า เมื่อวันอังคารที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้ร่วมประชุมหารือถึงแนวทางการทำงานกรณีศึกษาปัญหาในพระพุทธศาสนาถึงขั้นที่ 2 โดยมีมติให้เปิดเวทีสาธารณะ เพื่อรับฟังความเห็นของพุทธศาสนิกชนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อให้ครอบคลุม และทั่วถึงในการจะปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ซึ่งครั้งแรกจะจัดที่ห้องสารนิเทศ ชั้น 1 อาคาร 1 รัฐสภา ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 - 14.00 น. จึงขอเชิญชวนพุทธบริษัท และพุทธศาสนิกชนให้มาร่วมแสดงความเห็นทั้งปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา

ส่วนเวทีที่ 2 และ 3 จะดูความเหมาะสมว่าจะจัดที่ไหน ในต่างจังหวัดหรือไม่ อย่างไร เพราะได้รับการร้องเรียนมามาก ทั้งจากพระสงฆ์และอุบาสก อุบาสิกา ที่อยู่ในชุมชนต่างๆ เวลานี้อย่างน้อย 5-6 เรื่องว่าพระสงฆ์ในต่างจังหวัดมีปัญหา ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบการปกครองสงฆ์ปัจจุบัน อาทิ การเล่นพรรคเล่นพวกเพื่อแสวงหาประโยชน์ ตัวอย่างกรณีการสั่งปลดเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา จ.นนทบุรี ที่อ้างว่าชราภาพและอาพาธ ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ใช่ แต่กลับตั้งพระจากภายนอกมาเป็นเจ้าอาวาสแทน ทำให้เกิดปัญหาทั้งในวัดและชุมชนรอบวัด โดยที่มหาเถรสมาคมไม่ได้สนใจแก้ไขปัญหา และทราบว่ายังมีอีกมากมายในต่างจังหวัดที่มีพระปฏิบัติดี ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้ง

***แฉกลุ่มต้านโยงการเมือง-ธรรมกาย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกลุ่มเครือข่ายพระสงฆ์ และสมาคมพุทธต่างๆ ระบุจะเคลื่อนไหวสวดมนต์ เพื่อขอให้ประธานสปช. และรัฐบาลยุบคณะกรรมการฯ ชุดที่นายไพบูลย์ เป็นประธาน นายไพบูลย์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบข้อมูลพบว่า แกนนำที่เคลื่อนไหวกรณีเป็นเครือข่ายของกลุ่มที่รับผลประโยชน์จากการอาศัยกลไกกิจการพระพุทธศาสนาที่มีปัญหาในปัจจุบัน ซึ่งได้ทั้ง ลาภ ยศ ทรัพย์สิน และสมณศักดิ์ รวมถึงอำนาจในการควบคุมพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ

"เครือข่ายนี้มีความเชื่อมโยงกับฝ่ายการเมือง และกลุ่มธรรมกาย หวังจะใช้กรณีนี้ปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง ไม่ให้มีการตรวจสอบการกระทำที่เสื่อมเสียต่อกิจการพระพุทธศาสนา การได้มาซึ่งผลประโยชน์ และกระตุ้นโยงความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อคัดค้านรัฐบาลหรือไม่ ผมตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะไม่ใช่แค่การออกมากดดันให้ยุบคณะกรรมการฯ ชุดนี้ แต่จะใช้เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อดิสเครดิตฝ่ายการเมืองด้วย เพราะคณะกรรมการชุดที่ตนเป็นประธาน เพิ่งจะเริ่มดำเนินการ และชี้ปัญหาที่มีอยู่เดิม และที่เพิ่งได้รับร้องเรียนเพิ่ม ยังไม่ได้รับฟังความเห็นทั้งจากพุทธบริษัท ฝ่ายดังกล่าวคงกลัวว่า พุทธบริษัททั่วประเทศจะเอาความจริงมาตีแผ่ และนำไปสู่การปฏิรูปพระพุทธศาสนาให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย และพุทธปฏิบัติอย่างแท้จริง ซึ่งจะทำลายผลประโยชน์ เครือข่าย อำนาจและอิทธิพลที่ฝังลึกในองค์กรรัฐบางแห่งและคณะสงฆ์จึงขอวิงวอนให้พุทธศาสนิกชนไทยร่วมใจกันจับตาดูการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่อ้างพระพุทธศาสนาว่า พฤติกรรมที่แสดงออก ใช่ และสมควร เหล่านี้"นายไพบูลย์กล่าว

***พท.จี้ "ไพบูลย์" ถอนตัว ปธ.อนุฯปฏิรูป

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ศาสนาพุทธได้หยั่งรากลึกลงไปในสังคมไทยอย่างมั่นคง แม้จะมีลมพายุพัดแรง ทำให้ระคายเคืองบ้าง ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่ไม่อาจสั่นคลอนพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ทั้งนี้ ตนได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับพระคุณเจ้าหลายรูป ล้วนสนใจเรื่องการปฏิรูปศาสนา ของสปช. โดยพระคุณเจ้าทุกรูปต่างไม่สบายใจว่าการปฏิรูปจะทำให้วงการสงฆ์แตกแยกมากขึ้น ทุกรูปกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่านายไพบูลย์ นิติตะวัน สปช. ฐานะประธานการปฏิรูป มีความคิดสุดโต่ง พูดจาแข็งกร้าว ยิ่งดูการทำงานของนายไพบูลย์ ในอดีตบนเวที ที่มีส่วนสร้างความแตกแยกในบ้านเมืองแล้วหนักใจมาก

"ผมไม่ได้มีประเด็นส่วนตัวอะไรกับนายไพบูลย์ แต่เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ซึ่งสังคมเห็นแล้วว่าหลักคิดของนายไพบูลย์ เป็นอย่างไร จะทำให้งานปฏิรูปเดินไปอย่างลำบาก และส่งผลต่อการทำงานของ สนช. รัฐบาล รวมทั้ง คสช.ด้วย จึงอยากขอร้องนายไพบูลย์ ให้ถอนตัวจากการเป็นประธานอนุฯ เชื่อว่า ยังมีงานด้านอื่นที่คสช.อาจมอบให้นายไพบูลย์ทำอีกมากมาย ส่วนเรื่องศาสนา ควรยึดหลักคิดเรื่องการเดินบนทางสายกลางหรือ มัชฌิมาปฏิปทา ดังนั้นขอให้หยุด จะได้เป็นบุญกุศลร่วมกัน" นายชวลิตกล่าว

***สนพ.ร้องกองปราบเอาผิดหลวงปู่ฯ

นายเสถียร วิพรมหา รักษาการนายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) กล่าวว่า วันที่ 6 มี.ค.2558 เวลา 10.00 น. ตนพร้อมด้วยพระมหาโชว์ ทัสสนีโย ที่ปรึกษา สนพ. จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองปราบปราม ต่อกรณีที่พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม มีการกระทำที่อาจจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2535 มาตรา 44 ทวิ และมาตรา 44 ตรี หรือไม่ เนื่องจากพระพุทธะอิสระ ได้มีการแสดงออกผ่านทางเฟซบุ๊ก และยังมีการเดินทางไปยังวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งเป็นวัดที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จำพรรษาอยู่ โดยพระพุทธะอิสระ ได้มีการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทางสนพ.จึงต้องการมาร้องทุกข์กล่าวโทษยังกองปราบปรามเพื่อให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองพิจารณาดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2535 มาตรา 44 ทวิระบุว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา44 ตรี ระบุว่า ผู้ใดใส่ความคณะสงฆ์หรือคณะสงฆ์อื่น อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย หรือความแตกแยก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.
กำลังโหลดความคิดเห็น