“ไพบูลย์” เปิดเวทีฟังความเห็นปัญหาพระพุทธศาสนา 3 เวที เริ่ม 11 มี.ค. ปูดกลุ่มเคลื่อนไหวยุบ คกก.ปฏิรูปพุทธศาสนา เชื่อมโยงฝ่ายการเมือง ธรรมกาย หวังปกป้องผลประโยชน์จากการอาศัยกลไกกิจการพระพุทธศาสนา ที่ได้ทั้งลาภ ยศ ทรัพย์สินและสมณศักดิ์
นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. กล่าวว่า เมื่อวันอังคารที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ร่วมประชุมหารือถึงแนวทางการทำงานกรณีศึกษาปัญหาในพระพุทธศาสนาถึงขั้นที่ 2 โดยมีมติให้เปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความเห็นของพุทธศาสนิกชนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อให้ครอบคลุมและทั่วถึงในการจะปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ซึ่งครั้งแรกจะจัดที่ห้องสารนิเทศ ชั้น 1 อาคาร 1 รัฐสภา ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ เวลา 09.00-14.00 น. จึงขอเชิญชวนพุทธบริษัท และพุทธศาสนิกชนให้มาร่วมแสดงความเห็นทั้งปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา
ส่วนเวทีที่ 2 และ 3 จะดูความเหมาะสมว่าจะจัดที่ไหน ในต่างจังหวัดหรือไม่อย่างไร เพราะได้รับการร้องเรียนมามาก ทั้งจากพระสงฆ์และอุบาสก อุบาสิกาที่อยู่ในชุมชนต่างๆ เวลานี้อย่างน้อย 5-6 เรื่องว่า พระสงฆ์ในต่างจังหวัดมีปัญหาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบการปกครองสงฆ์ปัจจุบัน อาทิ การเล่นพรรคเล่นพวกเพื่อแสวงหาประโยชน์ ตัวอย่างกรณีการสั่งปลดเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา จ.นนทบุรี ที่อ้างว่าชราภาพและอาพาธ ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ใช่ แต่กลับตั้งพระจากภายนอกมาเป็นเจ้าอาวาสแทน ทำให้เกิดปัญหาทั้งในวัดและชุมชนรอบวัด โดยที่มหาเถรสมาคมไม่ได้สนใจแก้ไขปัญหาและทราบว่ายังมีอีกมากมายในต่างจังหวัดที่มีพระปฏิบัติดี ไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกกลั่นแกล้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกลุ่มเครือข่ายพระสงฆ์และสมาคมพุทธต่างๆ ระบุจะเคลื่อนไหวสวดมนต์ เพื่อขอให้ประธาน สปช.และรัฐบาลยุบคณะกรรมการฯ ชุดที่นายไพบูลย์เป็นประธาน นายไพบูลย์กล่าวว่า เท่าที่ทราบข้อมูลพบว่าแกนนำที่เคลื่อนไหวกรณีนี้เป็นเครือข่ายของกลุ่มที่รับผลประโยชน์จากการอาศัยกลไกกิจการพระพุทธศาสนาที่มีปัญหาในปัจจุบันซึ่งได้ทั้งลาภ ยศ ทรัพย์สินและสมณศักดิ์ รวมถึงอำนาจในการควบคุมพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
“เครือข่ายนี้มีความเชื่อมโยงกับฝ่ายการเมืองและกลุ่มธรรมกาย หวังจะใช้กรณีนี้ปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง ไม่ให้มีการตรวจสอบการกระทำที่เสื่อมเสียต่อกิจการพระพุทธศาสนา การได้มาซึ่งผลประโยชน์ และกระตุ้นโยงความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อคัดค้านรัฐบาลหรือไม่ ผมตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะไม่ใช่แค่การออกมากดดันให้ยุบคณะกรรมการฯ ชุดนี้ แต่จะใช้เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อดิสเครดิตฝ่ายการเมืองด้วย เพราะคณะกรรมการชุดผมเพิ่งจะเริ่มดำเนินการและชี้ปัญหาที่มีอยู่เดิมและที่เพิ่งได้รับร้องเรียนเพิ่ม ยังไม่ได้รับฟังความเห็นทั้งจากพุทธบริษัท ฝ่ายดังกล่าวคงกลัวว่าพุทธบริษัททั่วประเทศจะเอาความจริงมาตีแผ่และนำไปสู่การปฏิรูปพระพุทธศาสนาให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยและพุทธปฏิบัติอย่างแท้จริงซึ่งจะทำลายผลประโยชน์ เครือข่าย อำนาจและอิทธิพลที่ฝังลึกในองค์กรรัฐบางแห่งและคณะสงฆ์ จึงขอวิงวอนให้พุทธศาสนิกชนไทยร่วมใจกันจับตาดูการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่อ้างพระพุทธศาสนาว่าพฤติกรรมที่แสดงออกนั้นใช่และสมควร”