“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บัญญัติศีล 227 ข้อ ขึ้นเป็นพระธรรมวินัย
พระธรรมวินัย-เป็นสิ่งที่พระทุกรูปต้องรู้ต้องปฏิบัติ ทำผิดมีบทลงโทษหนักเบาตามกรณี แต่มีบางข้อถ้าไปทำผิดเข้า จะอาบัติปาราชิกหรือสิ้นความเป็นพระทันที
ภิกษุสงฆ์ในประเทศไทย 2-3 แสนรูป ก่อนบวชเป็นพระล้วนต้องรู้ว่า พระธรรมวินัย 227 ข้อนั้น ถือเป็นสิ่งที่พระทุกรูปต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อทำให้พระเป็นพระอย่างแท้จริง พระที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีวัตรปฏิบัติที่ดีน่าเลื่อมใส ทั้งกาย วาจา ใจ เพื่อให้ผู้คนเกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนานั่นเอง
พระธรรมวินัยจึงเป็นทั้ง”ชีวิต-จิตวิญญาณ”ของภิกษุสงฆ์ ที่เข้มงวดเคร่งครัดเหนือกว่ากฎหมายของอาณาจักร ที่อาจตีความหลีกหนีความผิดกันแบบ“ศรีธนญชัย” แต่พระธรรมวินัยชัดเจนชัดแจ้ง เป็นแนวทางปฏิบัติของพระ มาตั้งแต่โบราณกาลนานกว่า 2 พันปีแล้ว
พระธรรมวินัย 227 ข้อ แบ่งเรื่องอาบัติของภิกษุสงฆ์ ดังนี้
1.อาบัติปาราชิก (ผู้พ่ายแพ้ ขาดจากความเป็นภิกษุ) 2.อาบัติสังฆาทิเสส (ต้องอาศัยสงฆ์ในการออกจากอาบัติ) 3.อาบัติถุลลัจจัย (อาบัติที่เกิดจากการกระทำที่หยาบคาย) 4.อาบัติปาจิตตีย์ (อาบัติที่ทำให้ความดีงามตกไป) 5.อาบัติปาฏิเทสนียะ (อาบัติที่ต้องแสดงคืนกับบุคคลที่ทำให้ต้องอาบัติ) 6.อาบัติทุกกฎ (อาบัติที่เกิดจากการทำที่ไม่ดีไม่เหมาะสม) 7.อาบัติทุพภาษิต (อาบัติที่เกิดจากการพูดไม่ดีไม่เหมาะสม)
4 ความผิดในข้อปาราชิกที่ขาดจากการเป็นพระทันที คือ
1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์) หมายถึง การร่วมเพศระหว่างชายหญิงจะเป็นทวารเบาก็ดี เป็นทวารหนักก็ดี ทวารปากก็ดี ทั้งนี้รวมถึงสัตว์เดรัจฉานด้วย เมื่อร่วมแล้วให้องค์อวัยวะล่วงล้ำองค์กำเนิดเข้าไปเพียงแค่เมล็ดงาเดียว
2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (เป็นขโมย)
3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) หรือแสวงหาศาสตราอันจะนำไปสู่ความตายแก่ร่างกายมนุษย์
4. กล่าวอวดอุตริมนุสสธรรม อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถน้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)
การทำผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง 1 ใน 4 ข้อ ข้างต้นเป็นอาบัติต้องโทษปาราชิก ที่ตัดขาดจากความเป็นพระทันทีนี้ ไม่มีข้อยกเว้นให้พระรูปใดได้เป็นการจำเพาะ อีกทั้งพระที่ปาราชิกไปแล้วจะบวชใหม่ไม่ได้เด็ดขาด
ดังนั้น พระผู้ใหญ่และมนุษย์หน้าไหน แอบไปช่วยพระที่ทำผิดต่อพระธรรมวินัย อย่างร้ายแรงที่สิ้นความเป็นพระไปแล้ว เพื่อจะให้พ้นผิดหรือคลายผิดจากหนักเป็นเบา ก็เท่ากับไปสมคบกับอลัชชี หรือ เดียรถีย์ ร่วมกันทำผิดซ้ำต่อพระธรรมวินัยโดยปริยาย อีกทั้งพระที่เกี่ยวข้องในการลงโทษ พระที่ทำผิดต่อพระธรรมวินัยร้ายแรง ยังนิ่งเฉยหรือจงใจปล่อยปละละเลยเดียรถีร์อยู่อีก จะต้องถือว่าเป็นพระที่มีส่วนร่วมทำลายพุทธศาสนาพุทธอีกด้วย
พระตุ๋ยเด็กชาย-พระสังวาสกับสีกา-พระสังวาสพระเณรด้วยกัน-พระสังวาสกับสุนัข ฯลฯ หากชาวบ้านจับได้คาหนังคาเขา หรือเป็นข่าวจนถูกแฉโพย มักถูกชาวบ้านขับไล่และโดนพระดีจับสึกเป็นฆราวาสทันที บางรายที่ผิดต่ออาญาแผ่นดินยังต้องติดคุกอีกด้วย
พระต้มตุ๋นหลอกเอาเงินชาวบ้าน แถมโกงทรัพย์สินวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัว ก็ผิดต่อพระธรรมวินัยร้ายแรง ต้องอาบัติปาราชิกพ้นจากความเป็นพระทันทีเช่นกัน พระที่ไม่ใช่พระหรือเป็นเดียรถีย์เช่นนี้ ในประวัติศาสนจักรของชาติไทย โดนจับสึกมานับไม่ถ้วนแล้ว
เพราะประชาชนคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ไม่มีวันยอมรับนักบวชทุศีลหรือพระสงฆ์ ที่ต้มตุ๋น-เสพย์สังวาส-ขี้โกงนั่นเอง
“ไชโยนะจ๊ะ” ขโมยทรัพย์สินที่ชาวบ้านมอบให้วัด ไปเป็นสมบัติส่วนตนแน่นอนแล้ว อีกทั้งยังโอ้อวดไปเจอกับ “สตีฟ จอบส์”แห่ง “แอปเปิล” แต่ไม่รู้ไปขโมย “ไอโฟน 7” กับ “ไอแพด 4” ของ “สตีฟ จอบส์” มาด้วยหรือเปล่า?
แถมเหิมเกริมถึงขั้นโม้มั่ว จนผิดต่อคำสอนของพุทธศาสนา คือ โกหกว่าได้ไปตักบาตรกับพระพุทธเจ้า และเห็นพระอริยสงฆ์ชื่อดังที่หลุดพ้นไปแล้ว นั่งอยู่บนสวรรค์ตรงที่พระพุทธเจ้าอยู่ด้วยนะจ๊ะ..เฮ้อ!..
เหาะและหายตัวไปโน่นไปนี่ได้ทั่วโลก แต่ที่เดียวที่“นะจ๊ะ”ไม่กล้าแวะลงไป คือ นรก!
เพราะเดี๋ยว “สุวรรณฯ”ไปตรวจรายชื่อ เจอในบัญชีหนังหมาจนรู้ว่า “นะจ๊ะ”เป็น“เทวทัต”กลับชาติมาเกิด ในยุคทุนสามานย์เหลี่ยมครองเมือง “นะจ๊ะ”จะโดน“พญายม”จับลงกระทะทองแดงในนรกไงล่ะครับ
“นะจ๊ะ”ทำผิดต่อพระธรรมวินัยชัดๆจะๆมาตลอด แต่ผู้รับผิดชอบทั้งศาสนจักรและอาณาจักร โดยเฉพาะพระผู้ใหญ่ในเถรสมาคม ซึ่งรู้อยู่แก่ใจว่าการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยนั้น เป็นหัวใจสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ในความเป็นพระภิกษุสงฆ์ ยังคงนิ่งเฉยละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ปกป้องรักษาพระพุทธศาสนา จากการทำชั่วของเดียรถีย์“นะจ๊ะ”ที่มิใช่พระแล้วเรื่อยมา
ทำให้พระสังฆราชฯต้องมีพระลิขิตหลายครา ชี้ให้รู้ว่า“นะจ๊ะ”ต้องปาราชิกไปแล้ว เพราะทำลายศาสนาด้วยคำสอนผิดๆมาตลอด ทั้งต้องปาราชิกทันทีที่โกงทรัพย์วัด จึงให้“นะจ๊ะ”คืนสมบัติที่โกงให้วัดทันที นั่นแหละเถรสมาคมในยุคนั้น ถึงมีมติสนองตามพระลิขิตของพระสังฆราชฯ
แต่“นะจ๊ะ”ไม่แยแสต่อลิขิตพระสังฆราชฯ พระผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่ลงโทษเดียรถีย์ ก็ทำไขสือเอาหูไปนาเอาตาไปเสพย์สมบัติ ทั้งรถหรูและเงินตราที่“นะจ๊ะ”ประเคนให้ จนเวลาผ่านเลยมากว่า 7 ปี และคดีความยักยอกทรัพย์ของ“นะจ๊ะ” ที่ทางการฟ้องอยู่ในศาลฯใกล้วันตัดสิน “นะจ๊ะ”จึงยอมขนสมบัติมาคืนวัด
“นะจ๊ะ”ทำผิดทำชั่วโกงทรัพย์วัดแล้ว แต่”ศรีธนชัย”ทั้งพระและทางการ กลับตีความว่า..แม้จะโกงไปนานถึงกว่า 7 ปีแล้ว เมื่อถูกกดดันบังคับจึงยอมคืนทรัพย์นั้น ไม่ผิดทั้งต่อศาสนจักรและอาณาจักรว่ะ!
ในยุคเหลี่ยมกับเครือข่ายยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน จึงใช้“เงิน-จ้างสารพัดผีโม่แป้ง”ให้ คดี“นะจ๊ะ”ที่ใกล้จะตัดสินคดีในศาลได้มลายหายไป เพราะอัยการใช้อำนาจถอนคดีออกจากศาลไปดื้อๆ
ทั้งนี้เพราะเหลี่ยมช่วยเหลือ“นะจ๊ะ” เพราะเหลี่ยมและพวกใช้พระ เป็นหัวคะแนนในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะพระในภาคเหนือกับภาคอีสาน จึงมีสส.หลายคนในพรรคเหลี่ยม เป็นศิษย์เอกในวัด“นะจ๊ะ”นั่นเอง
ครั้นพระสังฆราชฯทรงประชวร เหลี่ยมก็ฉวยโอกาสตั้งพระเถรที่ใกล้ชิดกับตนและครอบครัว เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนพระสังฆราช แล้วขยายอิทธิพลเข้ายึดองค์กรสูงสุดของสงฆ์ โดยมี“นะจ๊ะ”ที่สนิทกับพระบิ๊กๆ และมีเงินมหาศาล เป็นอีกหนึ่งแรงที่เกื้อหนุนเหลี่ยมไงล่ะ
รางวัลที่“นะจ๊ะ”ได้รับในห้วงนั้น คือ ยังคงแต่งกายเลียนแบบพระได้ แถมเถรสมาคมยังเลื่อนสมณะศักดิ์ให้ใหญ่โตขึ้นอีกด้วย
เมื่อ“ผู้ร้าย”ในอาณาจักรและศาสนจักร จับมือประสานแผนกันได้เช่นนี้ “นะจ๊ะ”ก็ไม่กลัวฟ้าดินอีกต่อไป จึงใช้เงินของแผ่นดินจัดงานธุดงค์ บนดอกไม้กลางเมืองอย่างเอิกเกริก มีพระในเถรสมาคมบางรูปเป็นประธาน โดยไม่แยแสต่อความเดือดร้อนของผู้คน ทำลายหลักธุดงค์ที่มุ่งสู่การปลีกวิเวกอีกด้วย
ล่าสุด“นะจ๊ะ”ยังแอบไปรับเงิน จากคนขี้โกงในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เข้าวัดและเข้าตัวอีกกว่า 900 ล้านบาท เรียกว่า..“นะจ๊ะ”ทำผิดคราครั้งก่อน จนมีลิขิตของพระสังฆราชออกมา แต่ก็ยังไม่มีพระบิ๊กๆ หน้าไหนลงโทษ“นะจ๊ะ” จน“นะจ๊ะ”ทำผิดครั้งใหม่ได้อีกครา..
ผิดเก่าผิดใหม่ล้วนผิดต่อพระธรรมวินัยชัดแจ้ง “นะจ๊ะ”ต้องปาราชิกไปนานแล้ว แต่ยังแต่งกายเลียนแบบพระได้ ยังใช้เงินหลวงทำโครงการต้มตุ๋นผู้คนได้ ยังลอยนวลแวะเยี่ยมพระบิ๊กๆ ในเถรสมาคมได้ ยังใช้อาณาจักร“จานบิน”ซ่องสุมกำลังของเหลี่ยม เพื่อทำความชั่วสารพัดกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้จนทุกวันนี้
เพราะเหลี่ยมกับไชโยนะจ๊ะยึดครองศาสนจักรได้เรียบโร้ยแล้วคร้าบ..
ส่วนการยึดอาณาจักรนั้น เหลี่ยมซุ่มร้องเพลงรอ.. รอให้มีการเลือกตั้งอยู่.. นะจ๊ะ!!!
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บัญญัติศีล 227 ข้อ ขึ้นเป็นพระธรรมวินัย
พระธรรมวินัย-เป็นสิ่งที่พระทุกรูปต้องรู้ต้องปฏิบัติ ทำผิดมีบทลงโทษหนักเบาตามกรณี แต่มีบางข้อถ้าไปทำผิดเข้า จะอาบัติปาราชิกหรือสิ้นความเป็นพระทันที
ภิกษุสงฆ์ในประเทศไทย 2-3 แสนรูป ก่อนบวชเป็นพระล้วนต้องรู้ว่า พระธรรมวินัย 227 ข้อนั้น ถือเป็นสิ่งที่พระทุกรูปต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อทำให้พระเป็นพระอย่างแท้จริง พระที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีวัตรปฏิบัติที่ดีน่าเลื่อมใส ทั้งกาย วาจา ใจ เพื่อให้ผู้คนเกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนานั่นเอง
พระธรรมวินัยจึงเป็นทั้ง”ชีวิต-จิตวิญญาณ”ของภิกษุสงฆ์ ที่เข้มงวดเคร่งครัดเหนือกว่ากฎหมายของอาณาจักร ที่อาจตีความหลีกหนีความผิดกันแบบ“ศรีธนญชัย” แต่พระธรรมวินัยชัดเจนชัดแจ้ง เป็นแนวทางปฏิบัติของพระ มาตั้งแต่โบราณกาลนานกว่า 2 พันปีแล้ว
พระธรรมวินัย 227 ข้อ แบ่งเรื่องอาบัติของภิกษุสงฆ์ ดังนี้
1.อาบัติปาราชิก (ผู้พ่ายแพ้ ขาดจากความเป็นภิกษุ) 2.อาบัติสังฆาทิเสส (ต้องอาศัยสงฆ์ในการออกจากอาบัติ) 3.อาบัติถุลลัจจัย (อาบัติที่เกิดจากการกระทำที่หยาบคาย) 4.อาบัติปาจิตตีย์ (อาบัติที่ทำให้ความดีงามตกไป) 5.อาบัติปาฏิเทสนียะ (อาบัติที่ต้องแสดงคืนกับบุคคลที่ทำให้ต้องอาบัติ) 6.อาบัติทุกกฎ (อาบัติที่เกิดจากการทำที่ไม่ดีไม่เหมาะสม) 7.อาบัติทุพภาษิต (อาบัติที่เกิดจากการพูดไม่ดีไม่เหมาะสม)
4 ความผิดในข้อปาราชิกที่ขาดจากการเป็นพระทันที คือ
1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์) หมายถึง การร่วมเพศระหว่างชายหญิงจะเป็นทวารเบาก็ดี เป็นทวารหนักก็ดี ทวารปากก็ดี ทั้งนี้รวมถึงสัตว์เดรัจฉานด้วย เมื่อร่วมแล้วให้องค์อวัยวะล่วงล้ำองค์กำเนิดเข้าไปเพียงแค่เมล็ดงาเดียว
2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (เป็นขโมย)
3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) หรือแสวงหาศาสตราอันจะนำไปสู่ความตายแก่ร่างกายมนุษย์
4. กล่าวอวดอุตริมนุสสธรรม อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถน้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)
การทำผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง 1 ใน 4 ข้อ ข้างต้นเป็นอาบัติต้องโทษปาราชิก ที่ตัดขาดจากความเป็นพระทันทีนี้ ไม่มีข้อยกเว้นให้พระรูปใดได้เป็นการจำเพาะ อีกทั้งพระที่ปาราชิกไปแล้วจะบวชใหม่ไม่ได้เด็ดขาด
ดังนั้น พระผู้ใหญ่และมนุษย์หน้าไหน แอบไปช่วยพระที่ทำผิดต่อพระธรรมวินัย อย่างร้ายแรงที่สิ้นความเป็นพระไปแล้ว เพื่อจะให้พ้นผิดหรือคลายผิดจากหนักเป็นเบา ก็เท่ากับไปสมคบกับอลัชชี หรือ เดียรถีย์ ร่วมกันทำผิดซ้ำต่อพระธรรมวินัยโดยปริยาย อีกทั้งพระที่เกี่ยวข้องในการลงโทษ พระที่ทำผิดต่อพระธรรมวินัยร้ายแรง ยังนิ่งเฉยหรือจงใจปล่อยปละละเลยเดียรถีร์อยู่อีก จะต้องถือว่าเป็นพระที่มีส่วนร่วมทำลายพุทธศาสนาพุทธอีกด้วย
พระตุ๋ยเด็กชาย-พระสังวาสกับสีกา-พระสังวาสพระเณรด้วยกัน-พระสังวาสกับสุนัข ฯลฯ หากชาวบ้านจับได้คาหนังคาเขา หรือเป็นข่าวจนถูกแฉโพย มักถูกชาวบ้านขับไล่และโดนพระดีจับสึกเป็นฆราวาสทันที บางรายที่ผิดต่ออาญาแผ่นดินยังต้องติดคุกอีกด้วย
พระต้มตุ๋นหลอกเอาเงินชาวบ้าน แถมโกงทรัพย์สินวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัว ก็ผิดต่อพระธรรมวินัยร้ายแรง ต้องอาบัติปาราชิกพ้นจากความเป็นพระทันทีเช่นกัน พระที่ไม่ใช่พระหรือเป็นเดียรถีย์เช่นนี้ ในประวัติศาสนจักรของชาติไทย โดนจับสึกมานับไม่ถ้วนแล้ว
เพราะประชาชนคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ไม่มีวันยอมรับนักบวชทุศีลหรือพระสงฆ์ ที่ต้มตุ๋น-เสพย์สังวาส-ขี้โกงนั่นเอง
“ไชโยนะจ๊ะ” ขโมยทรัพย์สินที่ชาวบ้านมอบให้วัด ไปเป็นสมบัติส่วนตนแน่นอนแล้ว อีกทั้งยังโอ้อวดไปเจอกับ “สตีฟ จอบส์”แห่ง “แอปเปิล” แต่ไม่รู้ไปขโมย “ไอโฟน 7” กับ “ไอแพด 4” ของ “สตีฟ จอบส์” มาด้วยหรือเปล่า?
แถมเหิมเกริมถึงขั้นโม้มั่ว จนผิดต่อคำสอนของพุทธศาสนา คือ โกหกว่าได้ไปตักบาตรกับพระพุทธเจ้า และเห็นพระอริยสงฆ์ชื่อดังที่หลุดพ้นไปแล้ว นั่งอยู่บนสวรรค์ตรงที่พระพุทธเจ้าอยู่ด้วยนะจ๊ะ..เฮ้อ!..
เหาะและหายตัวไปโน่นไปนี่ได้ทั่วโลก แต่ที่เดียวที่“นะจ๊ะ”ไม่กล้าแวะลงไป คือ นรก!
เพราะเดี๋ยว “สุวรรณฯ”ไปตรวจรายชื่อ เจอในบัญชีหนังหมาจนรู้ว่า “นะจ๊ะ”เป็น“เทวทัต”กลับชาติมาเกิด ในยุคทุนสามานย์เหลี่ยมครองเมือง “นะจ๊ะ”จะโดน“พญายม”จับลงกระทะทองแดงในนรกไงล่ะครับ
“นะจ๊ะ”ทำผิดต่อพระธรรมวินัยชัดๆจะๆมาตลอด แต่ผู้รับผิดชอบทั้งศาสนจักรและอาณาจักร โดยเฉพาะพระผู้ใหญ่ในเถรสมาคม ซึ่งรู้อยู่แก่ใจว่าการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยนั้น เป็นหัวใจสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ในความเป็นพระภิกษุสงฆ์ ยังคงนิ่งเฉยละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ปกป้องรักษาพระพุทธศาสนา จากการทำชั่วของเดียรถีย์“นะจ๊ะ”ที่มิใช่พระแล้วเรื่อยมา
ทำให้พระสังฆราชฯต้องมีพระลิขิตหลายครา ชี้ให้รู้ว่า“นะจ๊ะ”ต้องปาราชิกไปแล้ว เพราะทำลายศาสนาด้วยคำสอนผิดๆมาตลอด ทั้งต้องปาราชิกทันทีที่โกงทรัพย์วัด จึงให้“นะจ๊ะ”คืนสมบัติที่โกงให้วัดทันที นั่นแหละเถรสมาคมในยุคนั้น ถึงมีมติสนองตามพระลิขิตของพระสังฆราชฯ
แต่“นะจ๊ะ”ไม่แยแสต่อลิขิตพระสังฆราชฯ พระผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่ลงโทษเดียรถีย์ ก็ทำไขสือเอาหูไปนาเอาตาไปเสพย์สมบัติ ทั้งรถหรูและเงินตราที่“นะจ๊ะ”ประเคนให้ จนเวลาผ่านเลยมากว่า 7 ปี และคดีความยักยอกทรัพย์ของ“นะจ๊ะ” ที่ทางการฟ้องอยู่ในศาลฯใกล้วันตัดสิน “นะจ๊ะ”จึงยอมขนสมบัติมาคืนวัด
“นะจ๊ะ”ทำผิดทำชั่วโกงทรัพย์วัดแล้ว แต่”ศรีธนชัย”ทั้งพระและทางการ กลับตีความว่า..แม้จะโกงไปนานถึงกว่า 7 ปีแล้ว เมื่อถูกกดดันบังคับจึงยอมคืนทรัพย์นั้น ไม่ผิดทั้งต่อศาสนจักรและอาณาจักรว่ะ!
ในยุคเหลี่ยมกับเครือข่ายยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน จึงใช้“เงิน-จ้างสารพัดผีโม่แป้ง”ให้ คดี“นะจ๊ะ”ที่ใกล้จะตัดสินคดีในศาลได้มลายหายไป เพราะอัยการใช้อำนาจถอนคดีออกจากศาลไปดื้อๆ
ทั้งนี้เพราะเหลี่ยมช่วยเหลือ“นะจ๊ะ” เพราะเหลี่ยมและพวกใช้พระ เป็นหัวคะแนนในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะพระในภาคเหนือกับภาคอีสาน จึงมีสส.หลายคนในพรรคเหลี่ยม เป็นศิษย์เอกในวัด“นะจ๊ะ”นั่นเอง
ครั้นพระสังฆราชฯทรงประชวร เหลี่ยมก็ฉวยโอกาสตั้งพระเถรที่ใกล้ชิดกับตนและครอบครัว เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนพระสังฆราช แล้วขยายอิทธิพลเข้ายึดองค์กรสูงสุดของสงฆ์ โดยมี“นะจ๊ะ”ที่สนิทกับพระบิ๊กๆ และมีเงินมหาศาล เป็นอีกหนึ่งแรงที่เกื้อหนุนเหลี่ยมไงล่ะ
รางวัลที่“นะจ๊ะ”ได้รับในห้วงนั้น คือ ยังคงแต่งกายเลียนแบบพระได้ แถมเถรสมาคมยังเลื่อนสมณะศักดิ์ให้ใหญ่โตขึ้นอีกด้วย
เมื่อ“ผู้ร้าย”ในอาณาจักรและศาสนจักร จับมือประสานแผนกันได้เช่นนี้ “นะจ๊ะ”ก็ไม่กลัวฟ้าดินอีกต่อไป จึงใช้เงินของแผ่นดินจัดงานธุดงค์ บนดอกไม้กลางเมืองอย่างเอิกเกริก มีพระในเถรสมาคมบางรูปเป็นประธาน โดยไม่แยแสต่อความเดือดร้อนของผู้คน ทำลายหลักธุดงค์ที่มุ่งสู่การปลีกวิเวกอีกด้วย
ล่าสุด“นะจ๊ะ”ยังแอบไปรับเงิน จากคนขี้โกงในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เข้าวัดและเข้าตัวอีกกว่า 900 ล้านบาท เรียกว่า..“นะจ๊ะ”ทำผิดคราครั้งก่อน จนมีลิขิตของพระสังฆราชออกมา แต่ก็ยังไม่มีพระบิ๊กๆ หน้าไหนลงโทษ“นะจ๊ะ” จน“นะจ๊ะ”ทำผิดครั้งใหม่ได้อีกครา..
ผิดเก่าผิดใหม่ล้วนผิดต่อพระธรรมวินัยชัดแจ้ง “นะจ๊ะ”ต้องปาราชิกไปนานแล้ว แต่ยังแต่งกายเลียนแบบพระได้ ยังใช้เงินหลวงทำโครงการต้มตุ๋นผู้คนได้ ยังลอยนวลแวะเยี่ยมพระบิ๊กๆ ในเถรสมาคมได้ ยังใช้อาณาจักร“จานบิน”ซ่องสุมกำลังของเหลี่ยม เพื่อทำความชั่วสารพัดกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้จนทุกวันนี้
เพราะเหลี่ยมกับไชโยนะจ๊ะยึดครองศาสนจักรได้เรียบโร้ยแล้วคร้าบ..
ส่วนการยึดอาณาจักรนั้น เหลี่ยมซุ่มร้องเพลงรอ.. รอให้มีการเลือกตั้งอยู่.. นะจ๊ะ!!!