xs
xsm
sm
md
lg

เปิดแนวรบ กม.คุมยาสูบฯ ต่างชาติชักใย"ตระกูล ส."

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ยังคงเป็นปัญหาคาราคาซัง สำหรับข้อพิพาทเรื่อง ร่าง พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ที่กระทรวงสาธารณสุข หมายมั่นปั้นมือให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง ที่จะใช้เป็น“ยาแรง”เข้าควบคุมอุตสาหกรรมยาสูบแบบเบ็ดเสร็จ
ขณะที่ฝ่ายคัดค้านตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ของอุตสาหกรรมยาสูบ ทั้งชาวไร่ยาสูบ กลุ่มร้านค้าปลีก ร้านโชห่วยที่ขายบุหรี่ โรงงานยาสูบ และผู้นำเข้า ได้รวมตัวกันในนาม“ภาคียาสูบ” ก็ออกมาตั้งท่าต่อต้านเต็มกำลังเช่นกัน โดยจำกัดความร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า“สุดโต่ง”และมีผลกระทบกระเทือนกับอุตสาหกรรมยาสูบอย่างร้ายแรง
มีเสียงสะท้อนถึงหลายๆ มาตราของร่างกฎหมายที่เข้ามาควบคุมการทำมาค้าขายอย่างมาก อาทิ ห้ามไม่ให้ขายแบ่งมวน ห้ามตั้งวางผลิตภัณฑ์ในร้าน บังคับซองแบบเรียบ ห้ามทำโครงการเพื่อสังคม หรือ ซีเอสอาร์ เป็นต้น
“ภาคียาสูบ”มองว่ามาตรการต่างๆ เหล่านี้ “มากเกินไป”และเกาไม่ถูกที่คัน ไม่สามารถลดการบริโภคยาสูบ หรือป้องกันไม่ให้เด็ก และเยาวชนเข้าถึงยาสูบได้จริง เพราะหากภาครัฐเอาจริงเอาจังต่อการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
การตรากฎหมายที่มีมาตรการสุดโต่งล้านแปด ก็แค่ทำให้การทำธุรกิจยากลำบากขึ้นเท่านั้น
แม้จะมีความพยายามเชิญชวนให้“ภาคียาสูบ”เข้าร่วมหารือทำความเข้าใจ โดยกระทรวงสาธารณสุข เป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหวังลดดีกรีการต่อต้านให้เบาลง แต่ท้ายที่สุดตัวแทน“ภาคียาสูบ”ก็ “วอล์กเอาต์”ออกจากห้องประชุม เพราะเห็นว่า ฝ่ายรัฐบาลไม่มีความจริงใจในการพูดคุย และไม่รับฟังคำขอที่ขอให้ถอนร่างกฎหมายที่เป็นปัญหาออกจากการพิจารณาก่อน จึงมาหารือพูดคุยถกประเด็นที่เห็นต่างกันอยู่
**สาเหตุที่ทำให้วงประชุมในวันนั้นจบไม่สวย ก็เพราะมี “เอ็นจีโอสุขภาพ”เข้าไปชักใยอยู่เบื้องหลัง และเป็นที่มาของมาตรการ“สุดโต่ง” ที่หลั่งไหลพรั่งพรูออกมา
ตั้งธงไว้ด้วยว่า อย่างไรเสียต้องผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบให้สำเร็จ โดยไม่รับฟังเสียงต่อต้านคัดค้านใดๆ
“ภาคียาสูบ”พุ่งเป้าไปที่บทบาทของ“หมอประกิต วาธีสาธกกิจ”เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ หัวหอกของ“เอ็นจีโอสุขภาพ”ที่ออกมา “ดิสเครดิต”กลุ่มชาวไร่ และร้านค้าปลีก ว่าเป็นตัวแทนบังหน้าของกลุ่มธุรกิจยาสูบ มีกระบวนการสนับสนุนทุนในการต่อต้าน และอ้างว่า จากการศึกษามาตรการต่างๆในกฎหมายใหม่ ไม่มีผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมยาสูบ แม้แต่น้อย
รวมทั้งมีการเช็คไปยังสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ว่าเหตุใดจึงตีข่าวกลุ่มธุรกิจยาสูบ จนอาจมองได้ว่า แทรกแซงการทำหน้าที่สื่อมวลชนอีกด้วย
ไม่เท่านั้น“หมอประกิต”ก็ยังสวมหมวกเป็นรองประธานของกลุ่มพันธมิตรเพื่อควบคุมการใช้ยาสูบของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ SEATCA ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของการ “ยืมปาก”ต่างชาติมากดดันรัฐบาลไทย ให้เร่งรีบผ่านร่างกฎหมายที่ยังไม่สะเด็ดน้ำนี้ มีทั้งจดหมายจากผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือ “ฮู”(WHO) และจดหมายเลขาธิการภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมการบริโภคยาสูบ(FCTC)
โดยอ้างว่า การผ่านกฎหมายฉบับนี้ จะเป็นการทำให้มาตรการควบคุมยาสูบของประเทศไทยเป็นไปตามพันธกรณีของ FCTC
ก่อนหน้านี้ “ภาคียาสูบ”ได้ออกสมุดปกขาว ที่ได้ตั้งข้อสังเกตเชิงลึกถึงประเด็นนี้ให้แก่คณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ความตอนหนึ่งระบุถึง บทบาทของ FCTC ว่า เป็นเวทีที่ผูกขาดโดยเอ็นจีโอ และบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงการควบคุมยาสูบ ที่สำคัญมีเงินทุนมหาศาลด้วย
สอดคล้องกับข้อมูลที่เผยแพร่ทั้งในเว็บไซต์ของสื่อระดับโลก อย่าง“บลูมเบิร์ก” ที่ได้ระบุถึงขบวนการผลักดันนโยบายด้านการควบคุมยาสูบในประเทศต่างๆว่า ใช้ “ล็อบบี้ยิสต์ด้านสุขภาพ” ที่ส่วนใหญ่มีฉากหน้าเป็น นักรณรงค์-เอ็นจีโอ มาเป็นตัวจักรขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ในภาครัฐในประเทศต่างๆ ซึ่งในประเทศไทย“เครือข่ายเอ็นจีโอสุขภาพ”ก็อยู่ในหน่วยงานภายใต้ร่ม “ตระกูล ส.”ที่มีสายสัมพันธ์โยงใยกับแหล่งเงินทุน จากเครือข่ายสุขภาพต่างชาติ โดยนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ SEATCA ได้เงินทุนสนับสนุนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 110 ล้านบาทจากกลุ่มองค์กรต่างประเทศ
**น่าจับตาว่า การตะบี้ตะบันผลักดันกฎหมายที่มีแรงต่อต้านอย่างหนัก เป็น“วาระ”เพื่อสุขภาพของคนไทย หรือเป็น“วาระ”ของเครือข่ายต่างชาติกันแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น