เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - น้องชายของนายกรัฐมนตรีจีนโบกมือลาตำแหน่งใหญ่ในกิจการยาสูบของประเทศ ท่ามกลางเสียงครหาของนักรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างรัฐบาลกับอุตสาหกรรมยาสูบ
กระทรวงความมั่นคงด้านสังคมและทรัพยากรมนุษย์แถลงทางเว็บไซต์ว่า นายหลี่ เค่อหมิง ซึ่งเป็นน้องชายของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้ลาออกจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการผูกขาดใบยาสูบแห่งชาติ (State Tobacco Monopoly Administration) แล้วเมื่อวันพุธ ( 11 ก.พ.) เพื่อไปดำรงตำแหน่งใหม่เป็นประธานคณะกรรมการกำกับดูแลงานด้านรัฐวิสาหกิจ นอกจากนั้น ในเว็บไซต์ยังระบุรายชื่อของเจ้าหน้าที่อีกหลายคน ที่ลาออกพร้อมกันด้วย
การลาออกของน้องชายนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นการปลดชนวนความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ที่อาจเกิดขึ้น ในขณะที่จีน ซึ่งเป็นชาติที่มีผู้สูบบุหรี่มากที่สุดในโลก กำลังแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชน อันเป็นผลจากการสูบบุหรี่ ซึ่งนับเป็นวิกฤตใหญ่ของประเทศ
สำนักงานบริหารการผูกขาดใบยาสูบแห่งชาติจีนเป็นหน่วยงาน ที่มีอำนาจไม่ธรรมดา เพราะสร้างรายได้มากถึงราวร้อยละ 7-10 ของรายได้ ที่เข้ารัฐทั้งหมด โดยทำรายได้มากถึง 816,000 ล้านหยวน หรือราว 4,080,000 ล้านบาทเมื่อปี 2556 นอกจากนั้น ยังครองส่วนแบ่งตลาดบุหรี่บนแดนมังกรถึงร้อยละ 98
นายหลี่ เค่อหมิงดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2546 อย่างไรก็ตาม ต่อมาเขาตกเป็นเป้าวิจารณ์อย่างหนัก โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลเป็นกันเองกับหน่วยงานแห่งนี้มากจนผิดสังเกต นอกจากนั้น การล็อบบี้ของสำนักงานบริหารการผูกขาดใบยาสูบแห่งชาติส่งผลให้การตรากฎหมายห้ามการโฆษณาบุหรี่เมื่อปีที่แล้วลดความเด็ดขาดลง
ปัจจุบันมีประชาชนในจีนกว่า 300 ล้านคนสูบบุหรี่ เพื่อการเข้าสังคม และอีกหลายล้านคนได้รับควันบุหรี่ จากผู้สูบบุหรี่รอบข้าง
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลจีนมีการพิจารณา ที่จะปรับเพิ่มราคาและการเสียภาษีบุหรี่ โดยเสนอร่างกฎหมายห้ามการสูบบุหรี่ภายในอาคาร การจำกัดการสูบบุหรี่กลางแจ้ง และยุติการโฆษณาบุหรี่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการผูกขาดใบยาสูบแห่งชาติได้คัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยอ้างว่า ไม่ควรใช้นโยบายที่มีลักษณะเผด็จการ หรือแผ่ขยายอำนาจครอบงำคนอื่น เนื่องจากการสูบบุหรี่เป็นธรรมเนียมที่ชาวจีนปฏิบัติกันมานานหลายร้อยปีแล้ว
