xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เซเว่น”กลายเป็นแดนอันตราย ภัยที่เด็กมีอนาคตอย่ามองข้าม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ร้านสะดวกซื้อ หรือ “เซเว่นอีเลฟเว่น”กลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่คนไทยจะขาดไม่ได้แล้ว ไม่ใช่แค่เพียงถ้าหิวให้แวะมาที่นี่เฉยๆแต่ สามารถตอบโจทย์ประชาชนคนไทยได้หลายอย่างตั้งแต่ของกินของใช้ แผงหนังสือ เครื่องดื่มทุกชนิด อาหารหลากหลายเมนู รวมไปถึงกาแฟสดที่เริ่มทยอยไปหลายสาขาแล้ว

นอกจากนั้นยังมีบริการเสียค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ รวมทั้งค่าธรรมเนียมอื่นๆ เรียกว่าเป็น “วันสต็อปเซอร์วิส”ของแท้

ยิ่งไปกว่าถ้าเป็นคอข่าวอาชญากรรมก็จะพบว่าบริษัทซีพีออลล์ จำกัด(มหาชน)ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการเครือเซเว่นฯทั้งหมดมีโครงการร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อป้องกันอาชญากรรมที่เกิดขึ้นอย่างถี่ยิบ

โครงการที่ว่ายังไม่มีชื่อชัดเจน แต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่ฝ่ายเอกชนหยิบยื่นให้รัฐเช่นติดตั้งวงจรปิดรอบๆเซเว่นฯ มีระบบตำแหน่งพิกัดหรือ GPS และการประยุกต์ใช้โปรแกรมโทรศัพท์มือถือในการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย จัดโครงการสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรมโดยเพิ่มทักษะพนักงานของเซเว่นฯให้เข้าใจต่อสถานการณ์ต่างๆ

รวมทั้งแสงสว่างของร้านค้าที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มืดค่ำขนาดไหนจุดนี้สว่างไสวเหมือนตอนกลางวัน หากใครกำลังเดินทางหรือบังเอิญผ่านมาแต่เห็นท่าไม่ค่อยดีก็สามารถมาจอดแวะดูลาดเลาก่อนได้

ที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนน่าจะเป็นที่ จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะในพื้นที่กะรน ร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น”ที่นี่จับมือกับตำรวจ สภ.กะรน ขึ้นป้าย 4 ภาษาไทย อังกฤษ รัสเซีย และจีน ระบุว่าให้นักท่องเที่ยวสามารถแจ้งความเหตุด่วนเหตุร้ายได้ที่เซเว่นฯเล่นเอาถูกอกถูกใจ และค่อนข้างประหลาดใจกับบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย มีภาพยืนเซลฟี่เก็บไว้เป็นที่ระลึกกันเป็นแถว

และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ภูเก็ต เช่นกัน ปรากฏว่ามีช่วงหนึ่งคนร้ายชอบบุกเข้าไปชิงทรัพย์ในร้านเซเว่นฯ ตำรวจเฝ้าระวังไม่ไหวจึงวางแผนปลอมตัวเป็นพนักงานของเซเว่น เสียเลยแล้วกลางดึกคืนวันที่ 8 ต.ค.2557 แมวก็ตะครุบเหยื่อ...แมวขโมยรายนี้ชื่อนายพิริยะ ตั้งบรรเจิด (หลักฐานจากป้ายชื่อเสื้อ อปพร.)ใช้อาวุธปืนเข้าไปจี้ตำรวจมือดีในคราบพนักงานเซเว่นฯผลก็คือโดนสวนด้วยลูกปืนอาการสาหัส เจ้าหน้าที่สามารถจับตัวไว้ได้เชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายรายเดียวกันที่ออกอาละวาดจี้ชิงทรัพย์ร้ายเซเว่นฯสาขาต่างๆรอบๆเมืองภูเก็ต

นี่ก็คือความร่วมมือที่ดี เป็นข่าวโลกสวยที่ไม่มีใครเคยพูดถึงด้านอื่น....ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ก็ต้องถามไปยัง บริษีทซีพีออล์ล ว่ากำลังคิดอะไรอยู่....ในฐานะคนมองโลกไม่(ค่อย)สวยมีภาพอื่นเข้ามาแทรกให้เห็น ภาพที่ว่านี้เชื่อว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในซีพีออล์ล ก็คงพอมองเห็น หรืออาจจะไม่ทันสังเกต แต่เอาเถอะท่านจะเห็นหรือไม่ก็ตามแต่มีคนมองเห็นต่างและเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างซีพีออล์ล กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆก็คือร้านสะดวกซื้อ

แถมยังกินซะสองเด้ง !!?

เด้งแรกก็อาศัยมือตำรวจนั่นแหละให้ปราบโจรที่กล้าล้วงคองูเขียว ล้อกับคดีโจรปล้นธนาคารรายไหนรายนั้นไปไม่รอดเพราะไงเสียธนาคารก็พร้อมจ่ายเบี้ยเลี้ยง ค่าสืบสวน ค่าน้ำมันจนกว่าจะได้ตัว...เด้งที่สองคือการสร้างภาพลักษณ์ในอีกแง่มุมหนึ่ง ทั้งที่อาชญากรรมที่เกิดจากการชิงทรัพย์โดยมีเซเว่นฯเป็นผู้เสียหายมีสถิติคดีไม่มากนัก

เช่นปี 2556 ตำรวจรวบรวมสถิติที่เกิดในรอบปีเกิดขึ้น 30 คดี ออกหมายจับ 22 รายและจับกุมได้คิดเป็น 73.33%

ขณะที่คดีประทุษร้ายอื่นๆบริเวณร้านสะดวกซื้อเกิดขึ้น 156 คดีซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ

จุดนี้จึงตอกย้ำว่าแท้ที่สุดแล้วคนที่ได้ประโยชน์จริงๆก็คือเอกชน ส่วนประชาชนถูกกินทั้งขึ้นทั้งล่องเพราะนอกจากเซเว่นฯกลายเป็นปัจจัยสำคัญของคนเมืองที่ขาดเธอไม่ได้แล้ว ยังเหมือนแอบติดหนี้บุญคุณอยู่เงียบๆเพราะตรงนี้คือจุดปลอดภัย จุดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมตามที่เขาโปรโมท

จึงเป็นการเข้าใจผิดอย่างแรง เรียกว่าหลงทิศหลงทางเลยก็ว่าได้ และจากประสบการณ์จริงเท่าที่เคยไปใช้บริการ (ด้วยความจำเป็นจริงๆ)ในตอนดึก ไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร สิ่งที่เห็นจนคุ้นตา (ช่วง 5 ทุ่มเป็นต้นไป)ก็คือจะมีเด็กวัยรุ่น ทางทางไม่น่าไว้วางใจจับกลุ่มเปิดเพลงเสียดัง และตั้งวงดื่มเบียร์กันประสาวัยรุ่นทั้งส่งเสียงโหวกเหวก สูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ยๆ ลูกค้าที่เคยคิดจะกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ที่มีบริการหน้าร้านก็ชักคิดหนัก ยิ่งถ้าเป็นบุตรหลานในวัยไล่ๆกันใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่เจอเจ้าถิ่นหน้าเซเว่นฯกระทืบเอา

เพราะบรรยากาศสุ่มเสี่ยงกับการกระทบกระทั่งเป็นอย่างยิ่งดังจะเห็นจากข่าวหรือคลิปภาพต่างๆ ไม่ต้องเชื่อข้อเขียนนี้ก็ได้แต่ขอให้คลิกเข้าไปดูในข่าวออนไลน์ก็จะพบจะเห็นวีระกรรมต่างๆของบรรดาเจ้าพ่อ-เจ้าถิ่นหน้าเซเว่น กันมากมาย เจ็บบ้าง ตายบ้าง

เมื่อถูกจับ ตำรวจสอบถามสาเหตุก็ล้วนแต่ไร่สาระ มองหน้ากันบ้าง กวนบาทากันบ้าง หรือไม่ก็อยากกระทืบคนเล่นเพื่อโชว์แมนซะงั้น

ปัญหาที่นำเสนอนั้นบางคนอาจจะสัมผัสได้ บางคนอาจจะเฉยๆ แต่ที่ไม่ควรเฉยก็คือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองโดยเฉพาะตำรวจ และให้ดีก็คือผู้หลักผู้ใหญ่ในซีพีออล์ล ท่านเห็นว่าเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอย่างไร สมควรได้รับการแก้ไขหรือไม่

อีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกัน นั่นก็คือการขายเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอลล์ทุกประเภทในเซเว่นฯทั้งเหล้า - เบียร์ และบรรดาเครื่องดื่มปรุงแต่งทั้งหลาย

อันดับ 1 ของสาเหตุการเกิดอาชญากรรมก็คือสุรา ร้านสะดวกซื้อวันหนึ่งๆมีเวลาขายเครื่องดื่มประเภทนี้รวม 10 ชั่วโมงโดยรอบแรกระหว่างเวลา 11.00 - 14.00 น. รอบที่สองเวลา 17.00 -24.00 น. รอบอันตรายก็คือรอบสองนี่เอง

พวกวัยรุ่นเริ่มจับกลุ่มกันตั้งแต่สามสี่ทุ่ม จอดรถตรงนั้น กระบะบ้าง เก๋งบ้าง มอเตอร์ไซด์บ้างแล้วไปซื้อเหล้า-เบียร์มากินกัน กินหน้าร้านนั่นแหละไม่ต้องไปหาที่เที่ยวที่ดื่มที่ไหนให้เปลืองสตางค์เพราะที่นี่สะดวก และประหยัดกว่า

ในฐานะที่มองโลกไม่(ค่อย)สวย (อีกครั้ง) แม้จะมี พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ห้ามขายในสถานที่ต่างๆเช่น วัด สถานพยาบาล ร้านขายยา สถานที่ราชการ สถานศึกษา สวนสาธารณะของทางราชการและในปั๊ม รวมทั้งเซเว่นฯในปั๊ม และห้ามจำหน่ายสุราแก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี

ไม่ทราบว่าที่มาสุม มาชุมกันหน้าเซเว่นฯดูอายุไม่น่าจะถึง แต่เอาเถอะประเด็นจริงๆอยู่ตรงที่หน้าร้านค้าแบบนั้นมันเหมาะสมให้มาร้องรำทำเพลง เมาเหล้ากันหรือเปล่า

แทนที่จะเป็นจุดปลอดภัยกับเสนอให้บริษัทซีพีออล์ล ขอตู้แดงตำรวจมาติดให้ครบทุกสาขา ไม่มากไม่น้อยทั่วประเทศก็คงเฉียดๆหมื่นสาขาไปแล้วหรืออาจกว่านั้น แล้วให้คุณพี่ตำรวจกรุณาแวะมาบ่อยๆโดย

เฉพาะช่วงกลางดึก เพราะหลังห้าทุ่มเที่ยงคืนเป็นต้นไปที่นี่จะแปลงสภาพเป็นสนามประลองยุทธของบรรดายุทธภพไร้อนาคต ทั้งมีดทั้งไม้ ทั้งปืน เรียกว่ายิ่งดึกก็ยิ่งไม่เหมาะต่อเยาวชนคนคิดว่าควรมีอนาคตที่ยาวไกลกว่า

ขอให้นับว่าร้านสะดวกซื้อ (บางแห่ง) คือจุดล่อแหลมที่สุดอีกจุดหนึ่งของสังคมไทย ไม่ใช่จุดปลอดภัยอย่างที่พยายามสร้างภาพ หรือโฆษณาอีกต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น