ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
“เล่าจื้อ” นักปราชญ์ชาวจีนผู้แต่คัมภีร์เต๋าเต๋อจิงได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าอยากเป็นผู้นำประชาชน ก็ให้เดินตามหลังประชาชน” และยังบอกอีกว่า “ใครก็ตามที่ควบคุมผู้อื่นได้ อาจเป็นผู้ทรงอำนาจ แต่ผู้ควบคุมตัวเองได้ ย่อมเป็นผู้มีอำนาจเหนือกว่า”
จะมีผู้นำทางการเมืองสักกี่คน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือวิธีอื่น ที่เต็มใจเดินตาม ยอมรับฟังคำแนะนำ คำท้วงติง และคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน ส่วนใหญ่พอได้อำนาจ มีหัวโขนสวม มักจะทำตัวเป็นคนลืมตัว วัวลืมตีน คางคกขึ้นวอ ลืมกำพืดเดิม
ผู้นำการเมืองบ้านนี้เมืองนี้หาคนมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต เห็นผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริงนั้น ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ที่เห็นกันชัดๆ ล้วนเป็นนักลงทุนแสวงหาอำนาจการเมือง จากนั้นหาทางเพิ่มอำนาจเพื่อโกงกินอย่างไร้ยางอาย
ปากอ้างรักชาติ พร้อมทำงานเพื่อประชาชนทั้งนั้น ถ้าเป็นจริงตามคำอ้าง ป่านนี้เมืองไทยคงเจริญก้าวหน้าไปโลดกว่าเพื่อนร่วมกลุ่มอาเซียน ไม่ถดถอยตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช ร่อแร่ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม มีโครงสร้างเกือบไร้รากเหง้า ค่านิยม
อวดอ้างได้ว่าเป็นประเทศเดียวซึ่งดำรงเอกราช ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นใคร แต่กลายเป็นสังคมซึ่งยอมรับวัฒนธรรมชาติอื่นๆ ได้ง่าย พยายามลอกเลียนแบบด้วยความภูมิใจ ผู้บริหารบ้านเมืองนำพาชาติไปผิดทิศทางทำให้แผ่นดินน่าอยู่ตกต่ำ เสื่อมโทรม
ทุกวันนี้ถ้าไม่หลอกตัวเอง ยังสงสัยว่าบ้านเมืองจะไปทางไหน เมื่อปัญหาสารพัดหลากหลายได้กัดกร่อนความมั่นคงของชาติจนรากฐานคลอนแคลนเสี่ยงต่อวิกฤตรุนแรง ความเป็นผู้นำระดับอาเซียนกลายเป็นเหมือนตัวตลก แถมยังเจ็บป่วยเรื้อรัง
สมแล้วกับคำพูดเปรียบเปรยที่ว่า “แผ่นดินไทยนี้ดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวมีคนไทยอยู่” แต่ยังมีคนยังหัวเราะด้วยความขบขันแทนความรู้สึกสงสารสภาพอนาคตมืดมน แผ่นดินไทยกลายเป็นขุมทองของคนต่างชาติเข้ามาทำมาหากิน อาชญากรสารพัดจากทั่วโลกหลบเข้ามาซ่องสุมประกอบอาชญากรรมอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ยังไม่เจียมตัว กระดี้กระด้า เร่งวันเร่งคืนตัวสั่นอยากจะเข้าเป็นประชาคมอาเซียน โดยไม่มองดูศักยภาพ ความพร้อมของประชาชนส่วนใหญ่ว่ายินดีเต็มใจจะเป็นไก่รองบ่อน เป็นลูกจ้างคนต่างชาติหอบเงินเข้ามากอบโกยความมั่งคั่งจากแผ่นดินไทย
คำว่า “หมูสยาม” น่าจะยังใช้ได้ดี อีกไมกี่เดือนจะมีนักเชือดจากทุกมุมโลกแห่กันเข้ามาทำมาหากิน คนจากทวีปอัฟริกา ชมพูทวีป เดินเกลื่อนเมือง นักท่องเที่ยวปะปนกับอาชญากร คอนโด อพารต์เมนต์ ย่านหรูล้วนมีต่างชาติอาศัย คนไทยอยู่ห้องรูหนู
อยากจะเป็นอาเซียนโดยไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง สังคมไหนในอาเซียนมีผู้หญิงดิ้นรนแข่งขันอยากได้ผัวฝรั่งเกือบทั้งหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดเหมือนดังเช่นภาคอีสาน ไม่ฉุกคิดหรือถามตัวเองว่าเป็นเพราะอะไรฝรั่งแก่ๆ อยากอยู่กินเมืองไทย มีเมียไทย
อย่าบอกว่าเป็นความรักชอบพอ มีเสน่ห์สุดล้ำเหนือกว่าหญิงชาติอื่น และทำไมฝรั่ง ไม่เลือกผู้หญิงภาคอื่นๆ อย่างเป็นล่ำเป็นสัน จนเป็นสังคมนานาชาติ หมู่บ้านเขยฝรั่งมี สารพัดชาติจากยุโรปเป็นหลัก ช่วงหลังรุกคืบไปหาเมียชาวเขาในภาคเหนือแล้ว
เมืองไทยอยู่เหมือนไร้อนาคต ผู้นำขาดวิสัยทัศน์ เป็นสังคมคนกินเนื้อคน ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก อ้างว่าเป็นไปตามสภาวะโลกาภิวัฒน์ โลกไร้พรมแดน การแข่งขันทางการค้าในระบบตลาดเสรี ทำให้ร้านมินิมารต์ขยายตัวทำให้ร้านโชห่วยเจ๊งระนาว
อนาถจนแม่ค้าขายไข่ปิ้ง ข้าวโพดนึ่ง รถเข็นผลไม้ ข้าวแกงสูญพันธุ์ เพราะการขยายตัวของร้านมินิมาร์ท อะไรมันจะหากินง่ายเท่าเมืองไทยถ้ามีทุนขนาดใหญ่ จ้างมือกฎหมายให้กดขี่ผู้ค้ารายย่อย รัฐเอื้อนักลงทุนรายใหญ่ เอาใจยิ่งกว่าบรรพบุรุษตัวเอง
วันก่อนมีตำรวจยกพวกไปจับแม่ค้าพ่อค้าไก่ทอด อ้างว่าไปละเมิดลิขสิทธิ์ไก่ทอดเคเอฟซี ทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไก่ทอดฝรั่งนั้นมีสูตรอย่างไร และไก่ทอดมัน ลอกเลียนซ้ำกันที่ไหน แม้แต่ไก่แต่ละตัวน้ำหนัก รูปร่าง เนื้อแน่นไม่เท่ากัน
เห็นสันดานผู้รักษากฎหมายรับเงินต่างชาติกดหัวคนไทยด้วยกันหรือยัง! บริษัทเจ้าของเคเอฟซีออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องกับการกระทำอย่างนั้น เท่ากับว่ามีตำรวจพฤติกรรมยัดข้อหา รีดไถเพิ่มช่องทางทำมาหากินเมื่อไร้ส่วยจากบ่อนซ่องอบายมุข
ประโยคทองของเสนาบดีนักขายชาติคือ “ทำลายบรรยากาศการลงทุน”... “นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น” ทำให้สงสัยว่านักลงทุนต่างชาติเป็นโคตรเหง้าเหล่ากอ บรรพบุรุษสุดบูชาของพวกเสนาบดี ข้าราชการกังฉินขายทรัพย์สินแผ่นดินเช่นนั้นหรือ
มีผู้นำการเมืองยุคใดที่เอาผลประโยชน์ของคนไทยเป็นที่ตั้ง มีแต่พวก “ส่งเสริมการลงทุน” หามาตรการจูงใจนักลงทุน ทำให้พวกเจ้าสัวเงินทุนหนาแทบสำลักในความเป็นผู้มีน้ำใจตามประสาม้าอารี หมูสยาม ของพวกผู้นำไร้วิสัยทัศน์ เอาแต่ได้ เห็นแก่เงิน
ทุกวันนี้ยังไม่มีใครตอบคำถามประชาชนได้ว่าทำไมผู้รักษากฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ไล่ล่าจับกุมตัวมหาเศรษฐีหนีคุก 3 รายเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่มีคำพิพากษาจำคุก มีหมายจับ จนถูกมองว่าบ้านนี้เมืองนี้ไม่มีใครเห็นคำสั่งศาลศักดิ์สิทธิ์
ที่อ้างคำพูดของ “เล่าจื้อ” ข้างต้น เพียงแต่อยากเตือนผู้นำว่าจะทำอะไรอย่าลืมเสียงเรียกร้องของประชาชน เพราะทุกคนไทยต่างมี 1 เสียงเท่ากัน โดยเฉพาะเรื่องการจัดการพลังงานทรัพย์สินแผ่นดินต้องรอบคอบ มุ่งเน้นผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
ถ้าไม่ฟังเสียงประชาชน สักวันหนึ่งประชาชนจะไม่ฟังท่าน ยอมรับท่านเช่นกัน
ประชาชนไม่มีหัวโขนสวมใส่ อย่ามาถามว่าถ้าในอนาคตมีปัญหาพลังงานขาดแคลนเพราะไม่ออกสัมปทานอย่างที่รัฐบาลต้องการ ใครจะรับผิดชอบ คำตอบคือประชาชนรับทั้งขึ้นทั้งล่อง พลังงานแพงก็ซื้อ ถูกก็ซื้อ พ่อค้าย่อมหาซื้อมาขายเอากำไร
ประชาชนไม่เคยหนีปัญหาไปไหน รับผิดชอบบ้านเมืองโดยตลอดทั้งๆ ที่ไม่เคยมีโอกาสและอำนาจจัดการบ้านเมืองเหมือนนักการเมืองโกงกิน เจตนากำหนดนโยบายผิดพลาดสร้างความเสียหาย 7-8 แสนล้านบาท ยังมาตีฝีปาก ไขสือทำหน้าซื่อไร้เดียงสา
เคยมีนักการเมือง ผู้บริหารบ้านเมืองนอกระบบประชาธิปไตยได้แสดงความกล้าหาญ ยืดอก ยื่นหน้ามาขอรับผิดชอบความเสียหายจากฝีมือของตัวเองบ้างมั้ย มีแต่เอาตัวรอดหน้าด้านๆ โยนความผิดให้คนอื่นอ้างเหตุสารพัด แถมยังหาทางกลับมาโกงอีก
ผู้นำคนปัจจุบันเพิ่งประกาศแหม็บๆ ว่าถ้าตัวเองพ้นหน้าที่ออกไปแล้วจะพักผ่อนอยู่บ้าน ใครทะเลาะจะเป็นจะตายบ้านเมืองวอดวายก็หาทางออกเอาเองก็แล้วกัน! ท่านไม่ต้องห่วง ความรักชาติของประชาชนไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีวันเกษียณ ไม่หนีไปไหนแน่
รอดูว่าจะยังมีใครจำคำพูด “ผมขอรับผิดชอบเอง” นั่นแหละ!
โดย โสภณ องค์การณ์
“เล่าจื้อ” นักปราชญ์ชาวจีนผู้แต่คัมภีร์เต๋าเต๋อจิงได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าอยากเป็นผู้นำประชาชน ก็ให้เดินตามหลังประชาชน” และยังบอกอีกว่า “ใครก็ตามที่ควบคุมผู้อื่นได้ อาจเป็นผู้ทรงอำนาจ แต่ผู้ควบคุมตัวเองได้ ย่อมเป็นผู้มีอำนาจเหนือกว่า”
จะมีผู้นำทางการเมืองสักกี่คน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือวิธีอื่น ที่เต็มใจเดินตาม ยอมรับฟังคำแนะนำ คำท้วงติง และคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน ส่วนใหญ่พอได้อำนาจ มีหัวโขนสวม มักจะทำตัวเป็นคนลืมตัว วัวลืมตีน คางคกขึ้นวอ ลืมกำพืดเดิม
ผู้นำการเมืองบ้านนี้เมืองนี้หาคนมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต เห็นผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริงนั้น ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ที่เห็นกันชัดๆ ล้วนเป็นนักลงทุนแสวงหาอำนาจการเมือง จากนั้นหาทางเพิ่มอำนาจเพื่อโกงกินอย่างไร้ยางอาย
ปากอ้างรักชาติ พร้อมทำงานเพื่อประชาชนทั้งนั้น ถ้าเป็นจริงตามคำอ้าง ป่านนี้เมืองไทยคงเจริญก้าวหน้าไปโลดกว่าเพื่อนร่วมกลุ่มอาเซียน ไม่ถดถอยตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช ร่อแร่ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม มีโครงสร้างเกือบไร้รากเหง้า ค่านิยม
อวดอ้างได้ว่าเป็นประเทศเดียวซึ่งดำรงเอกราช ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นใคร แต่กลายเป็นสังคมซึ่งยอมรับวัฒนธรรมชาติอื่นๆ ได้ง่าย พยายามลอกเลียนแบบด้วยความภูมิใจ ผู้บริหารบ้านเมืองนำพาชาติไปผิดทิศทางทำให้แผ่นดินน่าอยู่ตกต่ำ เสื่อมโทรม
ทุกวันนี้ถ้าไม่หลอกตัวเอง ยังสงสัยว่าบ้านเมืองจะไปทางไหน เมื่อปัญหาสารพัดหลากหลายได้กัดกร่อนความมั่นคงของชาติจนรากฐานคลอนแคลนเสี่ยงต่อวิกฤตรุนแรง ความเป็นผู้นำระดับอาเซียนกลายเป็นเหมือนตัวตลก แถมยังเจ็บป่วยเรื้อรัง
สมแล้วกับคำพูดเปรียบเปรยที่ว่า “แผ่นดินไทยนี้ดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวมีคนไทยอยู่” แต่ยังมีคนยังหัวเราะด้วยความขบขันแทนความรู้สึกสงสารสภาพอนาคตมืดมน แผ่นดินไทยกลายเป็นขุมทองของคนต่างชาติเข้ามาทำมาหากิน อาชญากรสารพัดจากทั่วโลกหลบเข้ามาซ่องสุมประกอบอาชญากรรมอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ยังไม่เจียมตัว กระดี้กระด้า เร่งวันเร่งคืนตัวสั่นอยากจะเข้าเป็นประชาคมอาเซียน โดยไม่มองดูศักยภาพ ความพร้อมของประชาชนส่วนใหญ่ว่ายินดีเต็มใจจะเป็นไก่รองบ่อน เป็นลูกจ้างคนต่างชาติหอบเงินเข้ามากอบโกยความมั่งคั่งจากแผ่นดินไทย
คำว่า “หมูสยาม” น่าจะยังใช้ได้ดี อีกไมกี่เดือนจะมีนักเชือดจากทุกมุมโลกแห่กันเข้ามาทำมาหากิน คนจากทวีปอัฟริกา ชมพูทวีป เดินเกลื่อนเมือง นักท่องเที่ยวปะปนกับอาชญากร คอนโด อพารต์เมนต์ ย่านหรูล้วนมีต่างชาติอาศัย คนไทยอยู่ห้องรูหนู
อยากจะเป็นอาเซียนโดยไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง สังคมไหนในอาเซียนมีผู้หญิงดิ้นรนแข่งขันอยากได้ผัวฝรั่งเกือบทั้งหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดเหมือนดังเช่นภาคอีสาน ไม่ฉุกคิดหรือถามตัวเองว่าเป็นเพราะอะไรฝรั่งแก่ๆ อยากอยู่กินเมืองไทย มีเมียไทย
อย่าบอกว่าเป็นความรักชอบพอ มีเสน่ห์สุดล้ำเหนือกว่าหญิงชาติอื่น และทำไมฝรั่ง ไม่เลือกผู้หญิงภาคอื่นๆ อย่างเป็นล่ำเป็นสัน จนเป็นสังคมนานาชาติ หมู่บ้านเขยฝรั่งมี สารพัดชาติจากยุโรปเป็นหลัก ช่วงหลังรุกคืบไปหาเมียชาวเขาในภาคเหนือแล้ว
เมืองไทยอยู่เหมือนไร้อนาคต ผู้นำขาดวิสัยทัศน์ เป็นสังคมคนกินเนื้อคน ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก อ้างว่าเป็นไปตามสภาวะโลกาภิวัฒน์ โลกไร้พรมแดน การแข่งขันทางการค้าในระบบตลาดเสรี ทำให้ร้านมินิมารต์ขยายตัวทำให้ร้านโชห่วยเจ๊งระนาว
อนาถจนแม่ค้าขายไข่ปิ้ง ข้าวโพดนึ่ง รถเข็นผลไม้ ข้าวแกงสูญพันธุ์ เพราะการขยายตัวของร้านมินิมาร์ท อะไรมันจะหากินง่ายเท่าเมืองไทยถ้ามีทุนขนาดใหญ่ จ้างมือกฎหมายให้กดขี่ผู้ค้ารายย่อย รัฐเอื้อนักลงทุนรายใหญ่ เอาใจยิ่งกว่าบรรพบุรุษตัวเอง
วันก่อนมีตำรวจยกพวกไปจับแม่ค้าพ่อค้าไก่ทอด อ้างว่าไปละเมิดลิขสิทธิ์ไก่ทอดเคเอฟซี ทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไก่ทอดฝรั่งนั้นมีสูตรอย่างไร และไก่ทอดมัน ลอกเลียนซ้ำกันที่ไหน แม้แต่ไก่แต่ละตัวน้ำหนัก รูปร่าง เนื้อแน่นไม่เท่ากัน
เห็นสันดานผู้รักษากฎหมายรับเงินต่างชาติกดหัวคนไทยด้วยกันหรือยัง! บริษัทเจ้าของเคเอฟซีออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องกับการกระทำอย่างนั้น เท่ากับว่ามีตำรวจพฤติกรรมยัดข้อหา รีดไถเพิ่มช่องทางทำมาหากินเมื่อไร้ส่วยจากบ่อนซ่องอบายมุข
ประโยคทองของเสนาบดีนักขายชาติคือ “ทำลายบรรยากาศการลงทุน”... “นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น” ทำให้สงสัยว่านักลงทุนต่างชาติเป็นโคตรเหง้าเหล่ากอ บรรพบุรุษสุดบูชาของพวกเสนาบดี ข้าราชการกังฉินขายทรัพย์สินแผ่นดินเช่นนั้นหรือ
มีผู้นำการเมืองยุคใดที่เอาผลประโยชน์ของคนไทยเป็นที่ตั้ง มีแต่พวก “ส่งเสริมการลงทุน” หามาตรการจูงใจนักลงทุน ทำให้พวกเจ้าสัวเงินทุนหนาแทบสำลักในความเป็นผู้มีน้ำใจตามประสาม้าอารี หมูสยาม ของพวกผู้นำไร้วิสัยทัศน์ เอาแต่ได้ เห็นแก่เงิน
ทุกวันนี้ยังไม่มีใครตอบคำถามประชาชนได้ว่าทำไมผู้รักษากฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ไล่ล่าจับกุมตัวมหาเศรษฐีหนีคุก 3 รายเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่มีคำพิพากษาจำคุก มีหมายจับ จนถูกมองว่าบ้านนี้เมืองนี้ไม่มีใครเห็นคำสั่งศาลศักดิ์สิทธิ์
ที่อ้างคำพูดของ “เล่าจื้อ” ข้างต้น เพียงแต่อยากเตือนผู้นำว่าจะทำอะไรอย่าลืมเสียงเรียกร้องของประชาชน เพราะทุกคนไทยต่างมี 1 เสียงเท่ากัน โดยเฉพาะเรื่องการจัดการพลังงานทรัพย์สินแผ่นดินต้องรอบคอบ มุ่งเน้นผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
ถ้าไม่ฟังเสียงประชาชน สักวันหนึ่งประชาชนจะไม่ฟังท่าน ยอมรับท่านเช่นกัน
ประชาชนไม่มีหัวโขนสวมใส่ อย่ามาถามว่าถ้าในอนาคตมีปัญหาพลังงานขาดแคลนเพราะไม่ออกสัมปทานอย่างที่รัฐบาลต้องการ ใครจะรับผิดชอบ คำตอบคือประชาชนรับทั้งขึ้นทั้งล่อง พลังงานแพงก็ซื้อ ถูกก็ซื้อ พ่อค้าย่อมหาซื้อมาขายเอากำไร
ประชาชนไม่เคยหนีปัญหาไปไหน รับผิดชอบบ้านเมืองโดยตลอดทั้งๆ ที่ไม่เคยมีโอกาสและอำนาจจัดการบ้านเมืองเหมือนนักการเมืองโกงกิน เจตนากำหนดนโยบายผิดพลาดสร้างความเสียหาย 7-8 แสนล้านบาท ยังมาตีฝีปาก ไขสือทำหน้าซื่อไร้เดียงสา
เคยมีนักการเมือง ผู้บริหารบ้านเมืองนอกระบบประชาธิปไตยได้แสดงความกล้าหาญ ยืดอก ยื่นหน้ามาขอรับผิดชอบความเสียหายจากฝีมือของตัวเองบ้างมั้ย มีแต่เอาตัวรอดหน้าด้านๆ โยนความผิดให้คนอื่นอ้างเหตุสารพัด แถมยังหาทางกลับมาโกงอีก
ผู้นำคนปัจจุบันเพิ่งประกาศแหม็บๆ ว่าถ้าตัวเองพ้นหน้าที่ออกไปแล้วจะพักผ่อนอยู่บ้าน ใครทะเลาะจะเป็นจะตายบ้านเมืองวอดวายก็หาทางออกเอาเองก็แล้วกัน! ท่านไม่ต้องห่วง ความรักชาติของประชาชนไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีวันเกษียณ ไม่หนีไปไหนแน่
รอดูว่าจะยังมีใครจำคำพูด “ผมขอรับผิดชอบเอง” นั่นแหละ!