จับตา "ยิ่งลักษณ์" หาทาง ยื้อคดีทุจริตจำนำข้าวไปถึงปีหน้า รอหลังเลือกตั้งโมเมนตัมการเมืองเปลี่ยน เชื่อหากได้ออกนอกประเทศหนีแน่ โพลชี้ควรให้ศาลเป็นผู้อนุญาตเรื่องไปนอก ส่วนไปแล้ว กลับ-ไม่กลับ คะแนนก้ำกึ่ง "โหรวารินทร์" ฟันธง "ปู" หนีแน่ ช่วงกลางปี ไปชดใช้กรรมที่ต่างประเทศ ขณะที่อดีต ส.ส.ปชป.สวน"อำนวย" รู้หรือไม่พวกติดคดีจำนำข้าวบางคนโยกย้ายทรัพย์สิน เอาเงินชาวนาไปซื้อบ้านที่อังกฤษ
นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่าในขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทีมทนายความ กำลังหาทางยื้อคดีทุจริตจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุดจะยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 18 ก.พ.นี้ เพื่อให้คดีล่าช้าออกไป จนถึงรัฐบาลสมัยหน้า ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ในขณะนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยังไม่ยืนยันว่าจะไปศาลหรือไม่ ทั้งที่ไม่มีภารกิจสำคัญอะไรแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะอ้างเหตุผลอะไรที่จะไม่ไปศาล เพราะใครๆ ก็เห็นว่า ตระเวนทัวร์ชิมอาหารอยู่ทุกวัน แต่ไม่มีเวลาไปศาล จะอธิบายกับสังคมอย่างไร และที่น่าแปลกก็คือ ทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นการเมือง สร้างประเด็นใหม่ๆ เพื่อเบี่ยงเบนคดีและยื้อเวลา แทนที่จะเอาเวลาไปเก็บข้อมูล หาพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมสู้คดีในชั้นศาล
ทั้งนี้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาย้ำบ่อยๆว่า จะเลือกตั้งต้นปีหน้า ยิ่งเป็นไปได้ที่ทีมทนายจะยื้อคดีให้ลากยาวออกไปจนถึงปีหน้า เพื่อรอให้โมเมนตัมทางการเมืองเปลี่ยน และอาจทำให้รูปคดีเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งถ้าดูกระบวนการพิจารณาคดีตามปกติ ไม่เกินปีนี้ก็สามารถพิพากษาคดีได้แล้ว หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่หลบหนี หรือหาแทกติกยื้อคดีออกไป
ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ อสส. -ป.ป.ช. หรือแม้แต่ศาลฯ ที่จะต้องระมัดระวัง เพื่อให้กระบวนการพิจรณาคดีเดินหน้าไปได้ ส่วนจะตัดสินออกมาอย่างไร สังคมก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว แต่หากมีการพิจารณาให้ออกนอกประเทศ ก็เป็นไปได้ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะหลบหนี เพื่อให้คดีถูกจำหน่ายชั่วคราว ซึ่งทำให้กระบวนการยุติธรรมสะดุดเหมือนหลายๆ คดี ที่คนผิดมักหลบหนีออกนอกประเทศหลังจากก่อเหตุไว้ จนทำให้กระบวนการปรองดองถูกกระทบ และเกิดความขัดแย้งเรื้อรัง เพราะคนที่สร้างปัญหามีความผิดไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซ้ำร้ายยังไปเคลื่อนไหวโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือของระบบยุติธรรมไทยอีกด้วย
**โพลชี้ควรให้ศาลพิจารณา"ปู"ไปนอก
ด้านศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 12 - 13 กุมภาพันธ์ 2558 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทั่วทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,252 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาศัยการสุ่มตัวอย่างจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก ของ “นิด้าโพล” ด้วยความน่าจะเป็นด้วยวิธีแบบเป็นระบบเก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
จากผลการสำรวจ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 47.68 ระบุว่า ควรให้ศาลเป็นผู้พิจารณา รองลงมา ร้อยละ 25.33 ระบุว่า คสช. ไม่ควรอนุญาต เพราะอยู่ในช่วงระหว่างการดำเนินคดี ควรรอให้ศาลพิจารณาคดีให้เสร็จสิ้นก่อน และเกรงว่าจะเป็นการลี้ภัยทางการเมือง ไปแล้วไม่กลับมาเลย ร้อยละ 23.16 ระบุว่า คสช. ควรอนุญาต เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถจะกระทำได้ และถือว่าไม่ได้กระทำความผิดอะไรร้ายแรง และร้อยละ 3.83 ไม่แน่ใจ / ไม่ระบุ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อกรณี หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับอนุญาตจาก คสช./ศาล ให้เดินทางไปต่างประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 35.22 ระบุว่า เชื่อว่าไปและจะกลับมาตามกำหนด รองลงมา ร้อยละ 32.75 ระบุว่า เชื่อว่าไปแล้วจะไม่กลับมาเลย ร้อยละ 14.46 ระบุว่า เชื่อว่าไปและกลับ แต่จะไม่กลับมาตามกำหนด ร้อยละ 2.64 ระบุว่า เชื่อว่าจะไม่เดินทางไปต่างประเทศเลย ร้อยละ 14.94 ไม่แน่ใจ / ไม่ระบุ
**โหรวารินทร์ชี้ "ปู"หนีช่วงกลางปี
นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าของฉายา "โหร คมช." ได้ทำนายจากนิมิตของหลวงปู่ฤาษีเกวาลัน ที่มองเห็นอนาคตดวงชะตาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเวลานี้ดวงชะตาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีเคราะห์กรรม ต้องถูกดำเนินคดีความต่างๆ เป็นช่วงเวลาที่ต้องรับชดใช้ตามผลกรรม ที่บริหารบ้านเมืองผิดพลาด สร้างความเสียหายไว้กับบ้านเมืองครั้งร้ายแรงที่สุดตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา
นายวารินทร์ กล่าวว่า จากภาพนิมิต เห็นว่าช่วงนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่มีการเตรียมหลบหนี และไม่ถึงขนาดขอลี้ภัย แต่ไม่เกินกลางปีนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะหนีออกไปนอกประเทศ ในลักษณะต้องเดินทางยาวแบบเดียวกับพี่ชาย คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะขณะนี้คดีความเบื้องต้นออกมาแล้ว และจะต้องรับกรรมไปตามกฎหมาย คนไหนทำกรรมอะไรไว้ ก็รับกรรมไป หลีกเลี่ยงกันไม่ได้ โดยเฉพาะรับกรรมจากข้อผิดพลาดต่อประเทศ เป็นกรรมที่หนักมาก
ทั้งนี้ กรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ครั้งนี้ มีลักษณะที่ต้องชดใช้ทั้งอาญา และแพ่ง ซึ่งในชะตากรรมของเธอ จะถูกดำเนินคดีแน่นอน และมีโอกาสที่จะโดนทั้งคณะที่เกี่ยวข้องกับคดีความ ใครมีหน้าที่ตอนนั้น ก็รับกรรมตอนนี้ เพราะบ้านเมืองของเรา เสียหายมามากกับคนกลุ่มนี้ ทั้งยังมีคดีอีกหลายส่วนที่จะตามมา ปิดบัญชี ซึ่งคนพวกนี้จะหนีคดีไปต่างประเทศกันหมด และอาจถูกยึดทรัพย์ด้วย
"อีกไม่นาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องหลบหนี เมื่อโดนชี้มูลความผิดแล้ว แต่สถานที่จะไปรับกรรม อยู่ที่ว่า จะรับกรรมในประเทศไหน แต่ประวัติศาสตร์เมืองไทย ไม่เคยเห็นผู้นำประเทศมาใช้กรรมในบ้านเมืองเรา เห็นแต่หนีออกไปใช้กรรมนอกประเทศกันหมด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะไปแบบเดียวกัน จากภาพนิมิตไม่เกินกลางปี อยู่ในห้วงเวลานั้น" โหรคมช. กล่าว
**"ปู" พาน้องไปป์เที่ยวก่อนบินกลับ กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวานนี้(15 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในชุดสวมเสื้อสีขาวพร้อมผ้าพันคอสีแดงสดใส และกางเกงขายาวสีดำ ได้พาเด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย และเพื่อนสนิทของน้องไปป์ โดยสารรถตู้ส่วนตัว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน กอ 5999 เชียงใหม่ พร้อมด้วยทีมอารักขา เดินทางออกจากบ้านพัก หมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มาเที่ยวยังที่ศูนย์การค้าเมญ่า อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางประชาชนที่เข้ามาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
จากนั้นได้พาน้องไปป์ และทีมอารักขาเข้าไปพักรับประทานอาหาร ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นฟูจิ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเมญ่า ภายหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ได้จูงมือพาบุตรชายไปซื้อป๊อปคอร์น ระหว่างเดินเที่ยว และได้เดินเที่ยวศูนย์การค้าเมญ่าบริเวณชั้นดาดฟ้า นิมมานฮิลล์ ที่มีบรรยากาศสวยงามเห็นตัวเมืองเชียงใหม่โดยปกติจะเปิดให้บริการในช่วงกลางคืนเท่านั้น โดยอดีตนายกรัฐมนตรี มีความประทับใจชั้นดาดฟ้านิมมานฮิลล์ หลังจากได้ถ่ายภาพร่วมกับบุตรชาย ถึงกับเอ่ยปากว่าถ้ามาเชียงใหม่ครั้งหน้าไม่พลาดที่จะมาที่นี่อย่างแน่นอน หลังจากนั้นได้เดินทางไปยังท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยน้องไปป์ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ ( 16 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะร่วมประชุมกับทีมกฎหมายเพื่อเตรียมรับมือ ก่อนที่อัยการสูงสุดจะส่งคดีจำนำข้าวให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 19 ก.พ.นี้
**ทนาย"ปู"โวย ป.ป.ช.รวบรัดคดี
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวถึงกรณีที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีการยื่นเรื่องให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้คำนวณค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 17 ก.พ. เพื่อจะได้มีการนำเอาตัวเลขค่าเสียหายไปยื่นฟ้องแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายจากอดีตนายกฯ ว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการเร่งรีบรวบรัดมากเกินไปหรือไม่ ทั้งที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ว่ากระทำผิดหรือไม่ในฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต และที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง ก็เป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนนโยบายโครงการรับจำนำข้าว ไม่ว่าจะเป็นการเบิกจ่ายงบประมาณ สมควรหรือไม่ กระทรวงการคลังก็เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินการนโยบาย แต่กลับกลายเป็นผู้คำนวนค่าเสียหายในโครงการฯดังกล่าว และเป็นไปได้หรือไม่ว่า เมื่อศาลมีการตัดสินออกมา ไม่ว่าจะออกมาแบบไหน แล้วจะมีการโยงเรื่องจากคดีอาญาไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในคดีทางแพ่ง ได้หรือไม่
นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ในวันนี้(16 ก.พ.)ในช่วงบ่าย จะมีการประชุมหารือติดตามข่าวสารเกี่ยวกับคดีโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งวางแนวทางในการต่อสู้ทางคดีของทีมทนาย
** แฉพวกโกงข้าวโยกเงินซื้อบ้านที่อังกฤษ
วานนี้ (15 ก.พ.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตามที่ นายอำนวย คลังผา อดีตประธานวิปพรรคเพื่อไทย กล่าวโต้แย้งข้อเสนอที่ตนเสนอให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องขอต่อศาลให้ยึด หรืออายัดทรัพย์ชั่วคราว นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกในคดีทุจริตจำนำข้าว ซึ่ง นายอำนวย โต้แย้งว่าทำไม่ได้นั้น ตนเข้าใจนายอำนวยว่าเป็นผู้ใหญ่ใจดี แต่จะยึดหรืออายัดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาได้หรือไม่นั้น ศาลต้องเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ และที่สำคัญคือป.ป.ช. และหรืออัยการ ต้องร้องขอต่อศาล เพราะขณะนี้ทราบว่ามีการโยกย้ายทรัพย์ที่ได้จากการนี้หนีไปประเทศอังกฤษแล้ว บางคนก็เอาเงินชาวนาไปซื้อบ้านที่นั่น นายอำนวยรู้บ้างไหม
“นายอำนวยเป็นคนใจดี มีที่ดินมากใน จ.ลพบุรี ก็แบ่งให้คนยากคนจนทำกินหลายร้อยครอบครัว แบ่งให้วัดให้โรงเรียนถือเป็นพ่อพระของคนลพบุรี แต่คนที่นายอำนวยปกป้อง กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับนายอำนวย ทำทุกประการ ท่านควรจะฉุกคิดได้แล้ว”นายวัชระ กล่าว
ส่วนกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) กล่าวหากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า คาร์บอมหน้าพรรคชาติไทย มีจุดประสงค์ที่จะนำรถไประเบิดในสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นการจงใจใส่ร้ายผู้ตายอย่างบิดเบือนข้อเท็จจริงที่น่าละอายที่สุด ทายาทผู้ตายสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ภายใน 3 เดือน นับแต่รู้ และยังกล่าวหา น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ น้องโบว์ อีกว่า พกระเบิดไปเองแล้วระเบิด เพื่อแก้ต่างให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และกล่าวโจมตีป.ป.ช. อย่างร้ายแรงนั้น เป็นการโกหกกลางวันแสกๆ นายจตุพร ต้องมีจริยธรรมและคุณธรรมในการพูด อย่าใช้โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พูดหลอกประชาชนอีกต่อไป นี่แสดงว่าสิ่งที่ นายจตุพรกับเพื่อน เซ็นสัญญากับคสช. ไว้ในค่ายทหาร ก็เป็นแค่ปาหี่สีแดงเท่านั้น.
นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่าในขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทีมทนายความ กำลังหาทางยื้อคดีทุจริตจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุดจะยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 18 ก.พ.นี้ เพื่อให้คดีล่าช้าออกไป จนถึงรัฐบาลสมัยหน้า ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ในขณะนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยังไม่ยืนยันว่าจะไปศาลหรือไม่ ทั้งที่ไม่มีภารกิจสำคัญอะไรแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะอ้างเหตุผลอะไรที่จะไม่ไปศาล เพราะใครๆ ก็เห็นว่า ตระเวนทัวร์ชิมอาหารอยู่ทุกวัน แต่ไม่มีเวลาไปศาล จะอธิบายกับสังคมอย่างไร และที่น่าแปลกก็คือ ทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นการเมือง สร้างประเด็นใหม่ๆ เพื่อเบี่ยงเบนคดีและยื้อเวลา แทนที่จะเอาเวลาไปเก็บข้อมูล หาพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมสู้คดีในชั้นศาล
ทั้งนี้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาย้ำบ่อยๆว่า จะเลือกตั้งต้นปีหน้า ยิ่งเป็นไปได้ที่ทีมทนายจะยื้อคดีให้ลากยาวออกไปจนถึงปีหน้า เพื่อรอให้โมเมนตัมทางการเมืองเปลี่ยน และอาจทำให้รูปคดีเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งถ้าดูกระบวนการพิจารณาคดีตามปกติ ไม่เกินปีนี้ก็สามารถพิพากษาคดีได้แล้ว หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่หลบหนี หรือหาแทกติกยื้อคดีออกไป
ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ อสส. -ป.ป.ช. หรือแม้แต่ศาลฯ ที่จะต้องระมัดระวัง เพื่อให้กระบวนการพิจรณาคดีเดินหน้าไปได้ ส่วนจะตัดสินออกมาอย่างไร สังคมก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว แต่หากมีการพิจารณาให้ออกนอกประเทศ ก็เป็นไปได้ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะหลบหนี เพื่อให้คดีถูกจำหน่ายชั่วคราว ซึ่งทำให้กระบวนการยุติธรรมสะดุดเหมือนหลายๆ คดี ที่คนผิดมักหลบหนีออกนอกประเทศหลังจากก่อเหตุไว้ จนทำให้กระบวนการปรองดองถูกกระทบ และเกิดความขัดแย้งเรื้อรัง เพราะคนที่สร้างปัญหามีความผิดไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซ้ำร้ายยังไปเคลื่อนไหวโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือของระบบยุติธรรมไทยอีกด้วย
**โพลชี้ควรให้ศาลพิจารณา"ปู"ไปนอก
ด้านศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 12 - 13 กุมภาพันธ์ 2558 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทั่วทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,252 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาศัยการสุ่มตัวอย่างจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก ของ “นิด้าโพล” ด้วยความน่าจะเป็นด้วยวิธีแบบเป็นระบบเก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
จากผลการสำรวจ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 47.68 ระบุว่า ควรให้ศาลเป็นผู้พิจารณา รองลงมา ร้อยละ 25.33 ระบุว่า คสช. ไม่ควรอนุญาต เพราะอยู่ในช่วงระหว่างการดำเนินคดี ควรรอให้ศาลพิจารณาคดีให้เสร็จสิ้นก่อน และเกรงว่าจะเป็นการลี้ภัยทางการเมือง ไปแล้วไม่กลับมาเลย ร้อยละ 23.16 ระบุว่า คสช. ควรอนุญาต เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถจะกระทำได้ และถือว่าไม่ได้กระทำความผิดอะไรร้ายแรง และร้อยละ 3.83 ไม่แน่ใจ / ไม่ระบุ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อกรณี หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับอนุญาตจาก คสช./ศาล ให้เดินทางไปต่างประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 35.22 ระบุว่า เชื่อว่าไปและจะกลับมาตามกำหนด รองลงมา ร้อยละ 32.75 ระบุว่า เชื่อว่าไปแล้วจะไม่กลับมาเลย ร้อยละ 14.46 ระบุว่า เชื่อว่าไปและกลับ แต่จะไม่กลับมาตามกำหนด ร้อยละ 2.64 ระบุว่า เชื่อว่าจะไม่เดินทางไปต่างประเทศเลย ร้อยละ 14.94 ไม่แน่ใจ / ไม่ระบุ
**โหรวารินทร์ชี้ "ปู"หนีช่วงกลางปี
นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าของฉายา "โหร คมช." ได้ทำนายจากนิมิตของหลวงปู่ฤาษีเกวาลัน ที่มองเห็นอนาคตดวงชะตาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเวลานี้ดวงชะตาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีเคราะห์กรรม ต้องถูกดำเนินคดีความต่างๆ เป็นช่วงเวลาที่ต้องรับชดใช้ตามผลกรรม ที่บริหารบ้านเมืองผิดพลาด สร้างความเสียหายไว้กับบ้านเมืองครั้งร้ายแรงที่สุดตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา
นายวารินทร์ กล่าวว่า จากภาพนิมิต เห็นว่าช่วงนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่มีการเตรียมหลบหนี และไม่ถึงขนาดขอลี้ภัย แต่ไม่เกินกลางปีนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะหนีออกไปนอกประเทศ ในลักษณะต้องเดินทางยาวแบบเดียวกับพี่ชาย คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะขณะนี้คดีความเบื้องต้นออกมาแล้ว และจะต้องรับกรรมไปตามกฎหมาย คนไหนทำกรรมอะไรไว้ ก็รับกรรมไป หลีกเลี่ยงกันไม่ได้ โดยเฉพาะรับกรรมจากข้อผิดพลาดต่อประเทศ เป็นกรรมที่หนักมาก
ทั้งนี้ กรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ครั้งนี้ มีลักษณะที่ต้องชดใช้ทั้งอาญา และแพ่ง ซึ่งในชะตากรรมของเธอ จะถูกดำเนินคดีแน่นอน และมีโอกาสที่จะโดนทั้งคณะที่เกี่ยวข้องกับคดีความ ใครมีหน้าที่ตอนนั้น ก็รับกรรมตอนนี้ เพราะบ้านเมืองของเรา เสียหายมามากกับคนกลุ่มนี้ ทั้งยังมีคดีอีกหลายส่วนที่จะตามมา ปิดบัญชี ซึ่งคนพวกนี้จะหนีคดีไปต่างประเทศกันหมด และอาจถูกยึดทรัพย์ด้วย
"อีกไม่นาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องหลบหนี เมื่อโดนชี้มูลความผิดแล้ว แต่สถานที่จะไปรับกรรม อยู่ที่ว่า จะรับกรรมในประเทศไหน แต่ประวัติศาสตร์เมืองไทย ไม่เคยเห็นผู้นำประเทศมาใช้กรรมในบ้านเมืองเรา เห็นแต่หนีออกไปใช้กรรมนอกประเทศกันหมด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะไปแบบเดียวกัน จากภาพนิมิตไม่เกินกลางปี อยู่ในห้วงเวลานั้น" โหรคมช. กล่าว
**"ปู" พาน้องไปป์เที่ยวก่อนบินกลับ กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวานนี้(15 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในชุดสวมเสื้อสีขาวพร้อมผ้าพันคอสีแดงสดใส และกางเกงขายาวสีดำ ได้พาเด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย และเพื่อนสนิทของน้องไปป์ โดยสารรถตู้ส่วนตัว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน กอ 5999 เชียงใหม่ พร้อมด้วยทีมอารักขา เดินทางออกจากบ้านพัก หมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มาเที่ยวยังที่ศูนย์การค้าเมญ่า อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางประชาชนที่เข้ามาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
จากนั้นได้พาน้องไปป์ และทีมอารักขาเข้าไปพักรับประทานอาหาร ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นฟูจิ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเมญ่า ภายหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ได้จูงมือพาบุตรชายไปซื้อป๊อปคอร์น ระหว่างเดินเที่ยว และได้เดินเที่ยวศูนย์การค้าเมญ่าบริเวณชั้นดาดฟ้า นิมมานฮิลล์ ที่มีบรรยากาศสวยงามเห็นตัวเมืองเชียงใหม่โดยปกติจะเปิดให้บริการในช่วงกลางคืนเท่านั้น โดยอดีตนายกรัฐมนตรี มีความประทับใจชั้นดาดฟ้านิมมานฮิลล์ หลังจากได้ถ่ายภาพร่วมกับบุตรชาย ถึงกับเอ่ยปากว่าถ้ามาเชียงใหม่ครั้งหน้าไม่พลาดที่จะมาที่นี่อย่างแน่นอน หลังจากนั้นได้เดินทางไปยังท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยน้องไปป์ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ ( 16 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะร่วมประชุมกับทีมกฎหมายเพื่อเตรียมรับมือ ก่อนที่อัยการสูงสุดจะส่งคดีจำนำข้าวให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 19 ก.พ.นี้
**ทนาย"ปู"โวย ป.ป.ช.รวบรัดคดี
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวถึงกรณีที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีการยื่นเรื่องให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้คำนวณค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 17 ก.พ. เพื่อจะได้มีการนำเอาตัวเลขค่าเสียหายไปยื่นฟ้องแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายจากอดีตนายกฯ ว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการเร่งรีบรวบรัดมากเกินไปหรือไม่ ทั้งที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ว่ากระทำผิดหรือไม่ในฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต และที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง ก็เป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนนโยบายโครงการรับจำนำข้าว ไม่ว่าจะเป็นการเบิกจ่ายงบประมาณ สมควรหรือไม่ กระทรวงการคลังก็เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินการนโยบาย แต่กลับกลายเป็นผู้คำนวนค่าเสียหายในโครงการฯดังกล่าว และเป็นไปได้หรือไม่ว่า เมื่อศาลมีการตัดสินออกมา ไม่ว่าจะออกมาแบบไหน แล้วจะมีการโยงเรื่องจากคดีอาญาไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในคดีทางแพ่ง ได้หรือไม่
นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ในวันนี้(16 ก.พ.)ในช่วงบ่าย จะมีการประชุมหารือติดตามข่าวสารเกี่ยวกับคดีโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งวางแนวทางในการต่อสู้ทางคดีของทีมทนาย
** แฉพวกโกงข้าวโยกเงินซื้อบ้านที่อังกฤษ
วานนี้ (15 ก.พ.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตามที่ นายอำนวย คลังผา อดีตประธานวิปพรรคเพื่อไทย กล่าวโต้แย้งข้อเสนอที่ตนเสนอให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องขอต่อศาลให้ยึด หรืออายัดทรัพย์ชั่วคราว นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกในคดีทุจริตจำนำข้าว ซึ่ง นายอำนวย โต้แย้งว่าทำไม่ได้นั้น ตนเข้าใจนายอำนวยว่าเป็นผู้ใหญ่ใจดี แต่จะยึดหรืออายัดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาได้หรือไม่นั้น ศาลต้องเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ และที่สำคัญคือป.ป.ช. และหรืออัยการ ต้องร้องขอต่อศาล เพราะขณะนี้ทราบว่ามีการโยกย้ายทรัพย์ที่ได้จากการนี้หนีไปประเทศอังกฤษแล้ว บางคนก็เอาเงินชาวนาไปซื้อบ้านที่นั่น นายอำนวยรู้บ้างไหม
“นายอำนวยเป็นคนใจดี มีที่ดินมากใน จ.ลพบุรี ก็แบ่งให้คนยากคนจนทำกินหลายร้อยครอบครัว แบ่งให้วัดให้โรงเรียนถือเป็นพ่อพระของคนลพบุรี แต่คนที่นายอำนวยปกป้อง กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับนายอำนวย ทำทุกประการ ท่านควรจะฉุกคิดได้แล้ว”นายวัชระ กล่าว
ส่วนกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) กล่าวหากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า คาร์บอมหน้าพรรคชาติไทย มีจุดประสงค์ที่จะนำรถไประเบิดในสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นการจงใจใส่ร้ายผู้ตายอย่างบิดเบือนข้อเท็จจริงที่น่าละอายที่สุด ทายาทผู้ตายสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ภายใน 3 เดือน นับแต่รู้ และยังกล่าวหา น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ น้องโบว์ อีกว่า พกระเบิดไปเองแล้วระเบิด เพื่อแก้ต่างให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และกล่าวโจมตีป.ป.ช. อย่างร้ายแรงนั้น เป็นการโกหกกลางวันแสกๆ นายจตุพร ต้องมีจริยธรรมและคุณธรรมในการพูด อย่าใช้โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พูดหลอกประชาชนอีกต่อไป นี่แสดงว่าสิ่งที่ นายจตุพรกับเพื่อน เซ็นสัญญากับคสช. ไว้ในค่ายทหาร ก็เป็นแค่ปาหี่สีแดงเท่านั้น.
